ตอนที่ 13 พื้นที่ส่วนตัวของผมกำลังโดนใครคนอื่นรุกราน
ช่วงเวลาพักกลางวัน
หลังจากออกจากห้องเรียนสุดพิเศษได้สำเร็จ
ผมก็มุ่งหน้าทิ้งห่างทันที
ไม่มีอยู่รั้งรอใครคนไหน
“…”
“นะ ในที่สุด”
“กว่าจะออกมาได้”
“เล่นเอาแทบแย่”
ผมถอนหายใจออกมาไม่มีหยุดหย่อน
สาเหตุที่ทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาเหรอ?
มันแน่อยู่แล้วปะ
มันก็ต้องเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่แล้ว
ทันทีที่อาจารย์สาวเข้ามากอดผมเต็มรัก
แรงกดดันมหาศาลก็พวยพุ่งขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะกับคุณเซลิสที่จ้องมองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
บะ บอกตามตรงกล่าวสำหรับผมแล้วมันน่ากลัวมาก
น่ากลัวจนแข้งขาทั้งสองข้างอ่อนแรงไปหมด
ยังดีที่อาจารย์สาวปล่อยให้ผมออกมาก่อน
ไม่งั้นชีวิตของผมคงไม่พ้นต้องพานพบเจอหายนะ
ผมถอยหายใจทิ้งท้ายอีกครั้ง
พร้อมเงยหน้ามองเส้นทาง
แล้วก็เจอเหล่าเพื่อนนักเรียนทั้งหลาย
ตรงเข้ามาทักทาย
“…”
“คุณฟางข้าวสวัสดีค่ะ”
“อะ สวัสดีครับ~”
“นะ น่ารัก”
“เขาสวัสดีฉันด้วยแหละ”
“วันนี้ต้องหลับฝันดีแน่นอนเลย”
เหล่าพี่สาวทั้งหลายในโรงเรียน
ต่างยิ้มหัวเราะพูดคุยสนุกสนาน
หัวเราะโดยไม่มีอะไรต้องครุ่นคิดให้มากความ
ดีจังนะ~
ได้ทำประโยชน์ให้ทุกคนแบบนี้
ผมเองก็ดีใจเหมือนกัน
สถานที่ที่ผมกำลังจะไปในตอนนี้
มันคือสถานที่พักผ่อนเพียงหนึ่งเดียวของผม
เป็นสถานที่ที่ผมเจอมาตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบเข้ามาในโรงเรียนครั้งแรก
กระทั่งคุณเซลิสเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
ไม่มีใครล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย
หรืออาจจะมีคนรู้
แต่ไม่มีใครสนใจเลยก็ได้
ขณะที่กำลังก้าวเท้าเดินมาถึงสถานที่ลับ
หัวคิ้วทั้งสองข้างของผมก็เลิกขึ้น
เนื่องจากได้ยินเสียงอื่นแปลกประหลาดเข้ามา
มันคือเสียงของใครสักคนกำลังทำอะไรอยู่
รึ หรือว่าจะเป็นเรื่องนั้น?!
เป็นเรื่องที่ชายหนุ่มหญิงสาวจะนัดกันมาทำอะไรในที่ลับสายตา
น่าสนใจ!—
มะ ไม่ใช่สิ
ไม่ได้น่าสนใจ
มะ ไม่ใช่ว่าผมสนใจเรื่องพวกนั้นหรอกนะ
กะ ก็แค่อยากจะดูให้แน่ใจเท่านั้น
ใช่! แค่ดูให้แน่ใจเผื่อเป็นคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา
ผมจะได้รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที
“…”
“ขะ ขออนุญาตแอบดูนะครับ”
“…”
พอผมยื่นหน้าออกไปดูก็เห็นหญิงสาวแสนสวย
เธอยืนอยู่เพียงคนเดียวไม่มีใครคนอื่น
ที่สำคัญที่สุดเลยคือเธอกำลังปรุงยา
กำลังปรุงยาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของผม
ผมกะพริบตามองพร้องถอนหายใจเสียดาย
“…”
“นี่มัน”
“ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเอาไว้นี่”
“หรือว่าพี่ผู้ชายออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว”
“เป็นไปได้”
เป็นไปได้ก็แย่แล้ว
เหมือนหัวสมองของผมจะเสียหาย
หลังจากที่ได้รับแรงกระทบกระเทือนด้านจิตใจไป
นะ นี่มันไม่ใช่ว่าเพราะผมเอาแต่คิดเรื่องแบบนั้นนะ
กะ ก็แค่อยากจะศึกษาเอาไว้เท่านั้นเอง
ไม่สิตอนนี้
“ห้ามคิดเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”
“…”
“เราต้องตั้งใจเรียนสิ”
“ต้องตั้งใจเรียนให้มาก”
เมื่อดึงสติของตัวเองออกมาเรียบร้อย
ผมก็เปลี่ยนมานั่งดูแทน
มานั่งดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
ซึ่งต้องบอกเลยว่าตลอดกระบวนการที่พี่สาวกำลังปรุงยา
มันนานมาก
เพราะการปรุงยาเป็นอะไรที่ยากลำบาก
แถมยังมีคนเลือกเรียนน้อยอีกต่างหาก
ผมเลยจับตามองด้วยความตั้งใจ
หวังอยากพบเห็นด้วยสายตาของตัวเองสักครั้ง
ตอนนั้นระหว่างผมกำลังครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่
อยู่ ๆ เตาปรุงยาที่พี่สาวควบคุมอยู่ก็พลันระเบิดขึ้น
ตูม!
“…”
“พะ พี่สาว?!”
ผมที่พานพบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดไม่รอช้า
รีบวิ่งเข้าไปดูเหตุการณ์สถานการณ์ทันที
พอเข้าประชิดตัวได้เรียบร้อย
ผมก็เห็นบาดแผลเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
“ผะ แผลเต็มไปหมดเลย”
“แถมยังหมดสติอีกต่างหาก”
“แบบนี้ก็พาไปห้องพยาบาลไม่ได้สิ”
“…”
หากหมดสติจริง
ต่อให้ผมทำอะไรอีกฝ่ายก็คงไม่รู้อยู่ดี
เมื่อตัดสินใจเรียบร้อย
ครุ่นคิดคำนวณทุกสิ่งอย่าง
ผมไม่รอช้ารีบใช้พลังของตัวเองในการรักษาทันที
คลื่นแสงสีขาวถูกปลดปล่อยออกจากเงื้อมือ
เข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของอีกฝ่าย
ใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ก่อนทุกสิ่งอย่างจะหวนคืนกลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง
หลังจากรักษาเสร็จ
อีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นทันที
ทำเอาผมตกอกตกใจหมด
“…”
“อะ ยะ อย่าพึ่งลืมตานะครับ”
“ขะ ขอผมจัดการตัวเองก่อน”
“อื้อ~”
เกือบไปแล้ว
ดีที่พลังของผมหายไปก่อน
ไม่งั้นได้เกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายอย่างแน่นอน
พี่สาวกะพริบตามองสงสัย
พร้อมยกมือขึ้นมากุมขมับแน่น
บ่งบอกว่าเธอรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน
ก่อนจะหันรอบตัว
“…”
“เตาระเบิด?”
“คะ ครับ”
พี่สาวพลันนิ่งเงียบไปนานมาก
ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปดูที่เตา
ด้านในเตากับไม่มีอะไรเลย
นอกเสียจากเศษวัตถุดิบสีดำเยอะแยะมากมาย
ติดตามผนังเตา
ซึ่งสัญญาณแบบนี้บ่งบอกได้อย่างชัดเจน
ว่าทุกสิ่งอย่างที่เธอทำมาตลอดมันล้มเหลว
หล่อนถอนหายใจ
“…”
“เอาเถอะ”
“ก็ไม่คิดว่ามันจะสำเร็จอยู่แล้ว”
“แล้วเธอคือ?”
“ผะ ผม—”
“ครืนนนน~”
อะ เหมือนจะได้ยินเสียงท้องร้อง
พี่สาวยืนประคองตัวมาตลอดพลันทรุดตัวลงไปอีกครั้ง
พร้อมเสียงท้องร้องดังออกมาไม่หยุด
บอกกล่าวตามตรง
ถึงผมจะไร้เดียงสา
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมรู้ได้เลย
ว่าพี่สาวตรงหน้าคงไม่ชอบใจแน่นอน
สีหน้าของพี่สาวแสนสวย
เริ่มปรากฏริ้วแดงเต็มไปหมด
ผมลังเลชั่วขณะหนึ่ง
ก่อนจะหยิบขนมปังของผมให้กับพี่สาวเบื้องหน้า
“…”
“นี่ครับ”
“ถึงจะเป็นแค่ขนมปัง”
“แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย”
“…”
พี่สาวมองมันตาเป็นมัน
ก่อนจะเงยหน้ามองมาที่ผม
“จะดีเหรอ?”
“ดีสิครับ”
“ผมทำมาเยอะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก”
หลังจากยัดขนมปังใส่มืออีกฝ่าย
ผมก็ละจากไปทันที
เนื่องจากตัวของผมเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกัน
อีกอย่างเกิดชักช้าเวลาพักคงหมดพอดี
พอแผ่นหลังของผมหายลับไปจากสายตา
พี่สาวแสนสวยก็ก้มหน้ามองขนมในมือ
ก่อนจะกินมันเข้าไป
พร้อมดวงตาเบิกกว้าง
เป็นแววตาที่ไม่อาจปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้ได้
หล่อนรีบยัดขนมปังทั้งหมดเข้าปากทันที
ยัดเข้าไปโดยไม่สนใจเลยว่าใครหน้าไหนจะพบเห็น
พอขนมปังในมือหมดลง
พี่สาวก็กลับมาเศร้าหมองอีกครั้ง
คล้ายสูญเสียบางสิ่งอย่างสำคัญไป
เธอเงยหน้ามองทิศทางที่ผมจะไป
ก่อนจะกล่าวพึมพำเบาบาง
กล่าวด้วยความรู้สึกบางสิ่งอย่างแปลกประหลาด
“อยากกินอีกจัง?”