ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ – ตอนที่ 33 คนที่น่าเป็นห่วงคือผมเหรอ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ตอนที่ 33 คนที่น่าเป็นห่วงคือผมเหรอ

 

พี่สาวเทพธิดายิ้มอ่อนหวาน

 

ขณะกล่าวถามผมด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

 

และด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย

 

มันกับทำให้ผมที่รู้สึกผิดกับเธออยู่แล้ว

 

ยิ่งรู้สึกผิดหนักหน่วงเข้าไปใหญ่

 

“…”

 

“ตกใจเหรอ?”

 

“…”

 

“นิดหน่อยครับ”

 

รอยยิ้มแห้งหนึ่งสายปรากฏบนใบหน้า

 

บอกกล่าวตามตรง

 

ผมชักอยากจะย้อนเดินกลับทางเก่าเดี๋ยวนี้เลย

 

ติดที่นางฟ้าสาวคงไม่ปล่อยให้ทำตามใจชอบ

 

ทำตามใจตัวเองต้องการ

 

ถามว่าผมรู้ได้ไงเหรอ?

 

ก็ตั้งแต่ที่เธอเปิดประตูให้ผม

 

ฝ่ามือขาวเนียนก็วางบนไหล่ตลอด

 

คล้ายกลัวเกรงว่าผมจะหนีลอดไปไหน

 

สุดท้ายปลายทางเมื่อไม่มีทางเลือก

 

ผมก็เลยต้องยินยอมโอนอ่อนไปตามระเบียบ

 

ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

มองก้อนเมฆสีทอง

 

มองเหล่านางฟ้าผู้งดงามที่บินเล่นไปตามอารมณ์

 

มันช่างเป็นฉากภาพที่สวยสดงดงามเหลือเกิน

 

“สวยจัง”

 

“…”

 

“แล้วพี่สาวสวยไหม?”

 

“พะ พี่สาว?”

 

“สวยไหม?”

 

นางฟ้าสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้

 

เข้ามากล่าวถามตามตรง

 

ถามกับผมที่ยืนนิ่งแข็งค้าง

 

แน่นอนว่าคำตอบเดียวที่อนุญาตให้ตอบ

 

ย่อมต้องบอกสวยอยู่แล้ว

 

ไม่อาจกล้าหาญตอบเป็นอย่างอื่นได้

 

“สะ สวยครับ”

 

“…”

 

“งั้นเหรอ?”

 

พี่สาวนางฟ้ายิ้มหัวเราะสบายอารมณ์

 

คล้ายยินดีที่ได้ยินคำกล่าวชมจากปากของผม

 

เอาเถอะถ้าคำกล่าวชมของผมมันทำให้พี่สาวสบายใจได้

 

ผมก็พร้อมกล่าวชมตลอดทั้งวันครับ

 

 

ล้อเล่นน่ะ

 

แค่ล้อเล่นอย่างเดียวครับ

 

อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังสิ

 

กลับเข้าประเด็นเดิม

 

ผมกล่าวถามเทพธิดาแห่งการเริ่มต้น

 

เนื่องจากไปพบเห็นกลุ่มเทพมากมาย

 

กำลังบินปิดล้อมวงเวทย์ขนาดใหญ่บางสิ่งอย่างอยู่

 

ด้วยความสงสัยใคร่รู้ไม่อาจหยุดยั้งได้

 

เลยกล่าวถามกลับไป

 

ถามกลับไปตามตรง

 

“…”

 

“พวกเขากำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ?”

 

“…”

 

เทพธิดาแห่งการเริ่มต้นเพียงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

 

ก่อนมอบคำตอบให้

 

ซึ่งคำตอบที่มอบกลับมา

 

ค่อนข้างเป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกประหลาดใจมาก

 

มากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้

 

“ถ้าอ้างอิงจากนิยายที่เธอเคยอ่าน”

 

“การกระทำของทวยเทพทั้งหลายในตอนนี้”

 

“คงไม่พ้นต้องการอัญเชิญผู้กล้าจากต่างโลก”

 

“…”

 

“อัญเชิญผู้กล้า?”

 

“เป็นไปได้ด้วยเหรอครับ?”

 

“…”

 

“เป็นไปได้สิ”

 

“แต่—”

 

“จะเริ่มแล้ว”

 

คำถามของผมถูกปัดตก

 

ปัดตกด้วยคำพูดของเทพสาว

 

ซึ่งก่อนที่ผมจะกล่าวถามเพิ่มเติม

 

เสาแสงขณะใหญ่ก็พวยพุ่งออกจากวงเวทย์

 

กลายเป็นเสาใหญ่พร้อมค้ำยันท้องฟ้า

 

ไม่ปล่อยให้ล่วงหล่นลงมา

 

ตูม!

 

“…”

 

ผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วินาที

 

เสาแสงขนาดใหญ่ก็จางหายไป

 

หลงเหลือเพียงคนสามคนเท่านั้น

 

ที่อยู่บนตำแหน่งกลางวงเวทย์

 

นางฟ้าสาวหรี่ตามอง

 

ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

 

“เสียพลังงานหลายพันปี”

 

“กับอัญเชิญมาได้แค่ 3 คน”

 

“ช่างเป็นอะไรที่น้อยนิดเหลือเกิน”

 

“ถ้าเทียบกับค่าตอบแทนที่จ่ายไป”

 

“…”

 

“ขึ้นชื่อว่าผู้กล้า”

 

เทพธิดาสาวเพียงเอ่ยเบาบาง

 

คล้ายไม่สนใจในสถานการณ์

 

ยังคงเยือกเย็นไม่มีแปรเปลี่ยน

 

“ค่าใช้จ่ายในการอัญเชิญ”

 

“ย่อมต้องสูงล้ำเหนือจินตนาการอยู่แล้ว”

 

“…”

 

ถึงตอนนี้ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย

 

ว่าจะได้เห็นกระบวนการอัญเชิญในตำนาน

 

ตามประวัติศาสตร์ที่ได้เรียนมา

 

การอัญเชิญครั้งสุดท้าย

 

มันเกิดขึ้นเมื่อห้าพันปีก่อน

 

แต่ตอนนี้ตรงหน้าผม

 

มันได้เกิดขึ้นแล้ว

 

“…”

 

“พวกเขาคือผู้กล้า?”

 

“…”

 

“ผู้กล้าจากต่างโลก?”

 

“…”

 

ผมก้มหน้ามอง

 

มองลงมาจนเห็นผู้ชายทั้งหมด 3 คน

 

ทุกคนล้วนแล้วแต่สวมชุดแปลกประหลาด

 

เป็นชุดเกราะหนาบ้างบางบ้าง

 

แต่หนึ่งสิ่งอย่างหนึ่งสิ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน

 

นั่นก็คือใบหน้าหล่อเหลาขั้นสุด

 

เป็นใบหน้าที่นางฟ้าทวยเทพเห็นเป็นต้องหลงใหล

 

ในช่วงจังหวะเวลานั้นเองที่หัวสมองทำงานเต็มที่

 

ดันเกิดแนวคิดแปลกแยกแปลกประหลาด

 

เป็นแนวคิดอธิบายเกี่ยวกับการอัญเชิญครั้งนี้

 

“ผู้กล้าต่างโลก”

 

“…ผู้กล้าต่างโลก”

 

“……ผู้กล้าต่างโลก”

 

“ผู้กล้าช่วยโลก?”

 

“…”

 

ความรู้สึกที่ใช้ในการออกเสียงในตอนแรก

 

แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

เปลี่ยนจากสงสัยใคร่รู้ไปตามอารมณ์

 

กลายเป็นหวาดระแวง

 

มากไปด้วยความระมัดระวังขั้นสุด

 

และตอนนั้น

 

ตอนที่ผมกำลังคิดต่อยอดในสิ่งที่เห็น

 

เทพธิดาสาวก็แทรกแซงเข้ามา

 

ถามแทรกกันไม่ให้หัวสมองคิดเกินเลย

 

“รู้รึเปล่า?”

 

“ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่”

 

“…”

 

“ไม่รู้ครับ”

 

“ไม่รู้เลยแม้แต่น้อย”

 

“แต่ที่แน่ใจ”

 

ผมย้ายสายตามองไปที่ 3 ผู้กล้า

 

มองดูพวกเขากำลังถูกต้อนรับจากเหล่าทวยเทพ

 

“เกรงว่าการมาครั้งนี้ของผม”

 

“คงไม่พ้นต้องเกี่ยวกับการอัญเชิญของพวกเขาทั้ง 3 คน”

 

“ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม”

 

หลังจากได้รับฟังคำตอบจากผม

 

เทพธิดาสาวเพียงยิ้มอย่างเดียว

 

ไม่มีกล่าวอย่างอื่นเพิ่มเติม

 

ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

 

หลังจากผ่านพ้นไปหลายวินาที

 

“…”

 

“ยังชาญฉลาดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”

 

“…”

 

“อา~”

 

“ใช่ ๆ เกือบลืมไป”

 

“แล้วชื่อของเธอคนนี้ล่ะ”

 

“พอจะรู้จักไหม?”

 

เป็นคำถามที่กล่าวถามขึ้นมา

 

โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

ถามขึ้นมาโดยไม่คิดติดต่อประเด็นเดิม

 

นึกจะเปลี่ยนเรื่องก็เปลี่ยนเลย

 

แต่แล้วด้วยคำถามที่ถูกส่งออกมา

 

มันกับทำให้ผมตื่นตระหนกตกใจขั้นสุด

 

เนื่องจากชื่อที่เทพธิดาสาวเอ่ย

 

ดันเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะถูกเอ่ยถึง

 

ยิ่งเป็นทวยเทพแบบนี้แล้วด้วย

 

“รู้สึกจะชื่อว่า”

 

“…เซลิสเทีย…”

 

“…”

 

“เธอพอจะรู้จักรึเปล่า?”

 

“คุณเซลิส?”

 

ด้วยความตกใจ

 

ผมเลยเผลอตอบสนองกลับ

 

เผลอเรียกชื่อคุณเซลิสโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ

 

เทพธิดาสาวยิ้มขณะจ้องมองมาที่ผม

 

“เหมือนจะรู้จักกันสินะ”

 

“…”

 

“คุณเซลิสเกี่ยวอะไรด้วย?”

 

“…”

 

เทพธิดาสาวเพียงยิ้มนิ่งเงียบไม่ตอบสนอง

 

ก่อนจะเอ่ยขึ้นมากะทันหัน

 

“แม้จะเห็นทุกสิ่งอย่างเป็นปรกติ”

 

“แต่โลกใบนี้มันไม่สวยงามเหมือนที่ทุกคนคิดหรอก”

 

“…”

 

“การมีตัวตนของผู้กล้าทั้ง 3 คน”

 

“คือหลักฐานสำคัญ”

 

“หลักฐานสำคัญว่าโลกใบนี้แม้จะถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกที่ชื่อว่าความสงบสุข”

 

“แต่ภายใต้ความสงบสุขจอมปลอม”

 

“กับยังมีเชื้อไฟแห่งความวุ่นวายอยู่”

 

ผมขมวดคิ้วแน่น

 

พอจะเข้าใจเนื้อหาที่พี่สาวเทพธิดากล่าวออกมา

 

เลยกล่าวออกไปตามตรง

 

“ก็เลยอัญเชิญผู้กล้ามาช่วยโลก?”

 

“…”

 

“ใช่จ๊ะ”

 

หลังจากฟังคำตอบจากเทพธิดาสาว

 

ผมก็พอเข้าใจรายละเอียดใจความสำคัญทั้งหมด

 

แต่มันก็ยังมีจุดหนึ่งที่ผมยังไม่อยากจะเชื่ออยู่เหมือนกัน

 

แน่นอนครับ

 

จุดที่ผมให้ความสนใจทั้งยังสงสัยขั้นสุด

 

นั่นก็คือตัวของคุณเซลิส

 

“…”

 

“แล้วมันเกี่ยวกับคุณเซลิสยังไง?”

 

“…”

 

“ผู้กล้าทั้ง 3 คน”

 

“เซลิสเทีย”

 

“สองตัวตนที่ถูกฉันเอ่ยถึง”

 

“คิดว่ามีความเชื่อมโยงยังไง”

 

พี่สาวเทพธิดายิ้มหรี่ตามอง

 

เป็นแววตาที่ชวนให้รู้สึกหนาวเหน็บ

 

สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย

 

“โทษเธอไม่ได้”

 

“องค์ความรู้ของเธอในตอนนี้ยังน้อยนิด”

 

“…”

 

“แต่วางใจได้”

 

“ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอคนนั้นหรอก”

 

“อย่างมากก็แค่จับตามองอย่างใกล้ชิด”

 

“เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไป”

 

ผมที่ได้ยินแบบนั้นพลันถอนหายใจโล่งอก

 

ขณะกำลังนึกยินดีกับคุณเซลิส

 

เทพธิดาสาวก็ยังกล่าวต่อ

 

แถมยังมุ่งประเด็นมาที่ผมอีกต่างหาก

 

“เอาเข้าจริง”

 

“คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้”

“ไม่ใช่ใครคนอื่นหรอก”

 

“…”

 

“เป็นผม?”

 

“…”

 

“จ๊ะ”

 

ทำไมผมต้องระมัดระวังตัวด้วย

 

หรือกำลังจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น

 

ไม่เข้าใจครับ

 

ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

 

 

ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดเป็นจริงเป็นจัง

 

กำลังจมจ่อมอยู่กับห้วงความคิดของตนเอง

 

จมจ่อมโดยไม่อาจรับรู้ได้เลยว่า

 

สายตาของนางฟ้าสาว

 

กับเทพธิดาแห่งการเริ่มต้นกำลังจับจ้องเขม็ง

 

คล้ายกำลังจับจ้องมองเหยื่อตัวน้อย

 

ที่หลุดเข้ามาในบ้านของตน

 

 

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

Status: Ongoing
เพื่อนร่วมห้องของผม คุณเซลิส เธอคือคนแปลกประหลาด ทั้งยังเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในโรงเรียนอีกต่างหาก หากจะให้อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน อธิบายให้เข้าใจ ผมคงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อ ส่วนเธอก็คือนักล่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท