]อรหันต์พากันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างชั่วร้ายว่า ”เจ้าคิดว่าข้าทำได้แค่พรากร่างอรหันต์ไปจากเจ้า แต่ทำอะไรวิญญาณเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ หืม?” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันกลับมายิ้มระหว่างพูดเช่นนั้น เสื้อคลุมตัวยาวของเขาเริงระบำอยู่ในสายลม ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเรืองแสงสีทองพลางว่าต่อ ”เจ้าหนู จัดการวิญญาณของอรหันต์ที่ข้าเพิ่งถีบไปเมื่อครู่เสีย… ตัดมันออกมา แล้วบดขยี้มันซะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พระอรหันต์ต่างก็แตกตื่นกันอย่างยิ่ง พวกเขาเริ่มตะโกนใส่บุตรแห่งราชานรกว่า ”เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้! พวกข้าเป็นพระอรหันต์! ปรโลกไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของภพสวรรค์และพระพุทธศาสนา! ถ้าเจ้าทำตามคำสั่งของตี้จวิน และสังหารหมู่พระอรหันต์ มันจะกลายเป็นการฝ่าฝืนกฎที่บัญญัติเอาไว้! ภพภูมิทั้งหกจะตกอยู่ในความโกลาหลถ้ากฎนั้นถูกทำลาย!”
”ใครบอกว่าข้าฝ่าฝืนกฎ พวกข้ามีอำนาจจัดการกับทุกสิ่งที่ตายแล้วในภพภูมิทั้งหก” บุตรแห่งราชานรกส่งยิ้มให้เขาอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะเงื้อขวานขึ้นแล้วจามใส่อรหันต์ที่ถูกพรากร่างอรหันต์ไปแล้ว!
ทันใดนั้น เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าก็พลันคำรามขึ้นเหนือพระพุทธศาสนา พร้อมกับหมอกสีดำที่เริ่มกระจายไปทั่วบริเวณ
มันคือการสังหารพระอรหันต์อย่างแท้จริง เดิมทีนั้นพวกเขาเคยเชื่อว่าพวกเขาจะไม่มีวันตายหรือถูกสังหารได้
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นจะคิดหาวิธีอันยอดเยี่ยมนี้มาเพื่อจัดการกับพวกเขา
นอกจากนั้น พวกเขาประเมินฝีมือของเด็กคนนี้เอาไว้ต่ำเกินไปหรือเปล่า
เขาไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าบุตรของราชานรกมิใช่หรือ ทำไมเขาถึงมีความสามารถมากพอที่จะทำลายวิญญาณได้ล่ะ
ราวกับอ่านความคิดของอรหันต์เหล่านั้นออก ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพราวระยับไปด้วยความชั่วร้ายระหว่างพูดว่า ”เจ้าคิดว่าเขาเกิดที่ไหนกัน”
อรหันต์ส่วนหนึ่งตระหนักถึงฐานะที่แท้จริงของบุตรแห่งราชานรกได้ พวกเขาก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจพร้อมกับร้องขึ้นว่า ”ภพสวรรค์ เขาคือเด็กอัปมงคลของภพสวรรค์!”
เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ บรรดาพระอรหันต์ก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป พวกเขาพยายามวิ่งหนีออกจากวัดเหลยอินราวกับคนเสียสติจนสบงปลิวว่อน ตราบใดที่พวกเขาอยู่ใกล้ประตูแห่งพระพุทธเจ้า พวกเขาย่อมปกป้องดวงวิญญาณตัวเองจากการถูกบดขยี้นั้นได้!
สามเณรที่อยู่บนบันไดหินมองสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือศีรษะของตัวเองด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวกเขาตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยเห็นเหล่าพระอรหันต์วิ่งหนีด้วยความแตกตื่นเช่นนี้มาก่อน
นี่ใช่พระพุทธศาสนาที่พวกเขารู้จักจริงๆ หรือ
แม้บรรดาสามเณรจะยังเด็ก แต่พวกเขาส่วนมากก็เกิดบนภูเขาซวีหมี ดังนั้นพวกเขาจึงสวดมนต์ด้วยความตั้งใจทุกวันด้วยหวังว่าจะได้เป็นพระอรหันต์ในอนาคต จากนั้นพวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นคนธรรมดา และได้หลุดพ้นจากความทรมานทั้งปวง
แต่พวกเขารู้สึกผิดหวังอย่างมากเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
พวกเขาผิดหวังกับสถานะของพระพุทธศาสนาในเวลานี้อย่างมาก
สามเณรเหล่านั้นไม่ได้วิ่งหนี แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับค่อยๆ นั่งลงบนบันไดหิน จากนั้นจึงนั่งหลังตรงพร้อมกับยกมือขึ้นข้างหนึ่งในแนวตั้ง พวกเขาไม่ได้สวดคาถาใดๆ แต่กลับทำเพียงแค่มองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา ดวงตาของพวกเขาไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
ความคิดของพวกเขานั้นเรียบง่าย พวกเขาเพียงต้องการปกป้องภูเขาซวีหมีเอาไว้ เพราะมันเป็นเพียงหนทางเดียวที่พระศากยมุนีจะสามารถกลับมาได้
บุตรแห่งราชานรกหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วเยาะว่า ”เจ้าลูกลิงพวกนั้นช่างจิตใจดีกันเสียเหลือเกิน ศากยมุนีเลือกศิษย์ได้ดียิ่งนัก”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่สนใจพวกเขา แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายเหล่าสามเณร เขาเดินผ่านอีกฝ่ายไปเหมือนเงาที่ไม่มีรูปร่างอันแน่นอน พร้อมกับยื่นแขนเรียวยาวของตัวเองข้างหนึ่งออกไปขวางประตูแห่งพระพุทธเจ้าที่คั่นระหว่างฟ้าดินเอาไว้
โครม!
สิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงนั้นคือการพังทลายของประตูแห่งพระพุทธเจ้าที่ไม่น่าจะมีใครทำลายได้!
ท่ามกลางควันโขมงนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดกับสามเณรที่อยู่ด้านหลังว่า ”ข้าจะไม่ทำลายที่ที่นางเคยอยู่ในอดีต”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมาที่นี่เพื่อแก้แค้นเพียงอย่างเดียว เขาไม่ได้มีเจตนาทำลายภูเขาซวีหมี
สามเณรเหลือบมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ สามเณรน้อยคนหนึ่งขยี้ตาแดงๆ ของตัวเองพร้อมกับถามว่า ”อรหันต์หงส์เพลิงยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”
”ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” สามเณรรู้ว่าสามเณรน้อยเคยติดตามรับใช้หงส์เพลิง หากว่ากันตามกฎแล้วเวลานี้สามเณรน้อยควรได้เป็นพระอรหันต์นานแล้ว แต่เขากลับยังอยู่ในที่ที่หงส์เพลิงเคยอยู่ และไม่ได้ไปที่ตำหนักต้าสยงแม้จะผ่านมาแล้วหลายปี
สามเณรน้อยเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำจากการสะอื้น ”นางต้องยังมีชีวิตอยู่แน่”
การได้เห็นบรรดาสามเณรกอดคนที่สวมสบงและมีจุดดาวหกดวงอยู่บนศีรษะเช่นนี้นับว่าเป็นภาพที่น่าขำทีเดียว
แต่พวกเขาก็ยังคงกอดสหายของตนไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดราวกับเด็กๆ ว่า ”ในเมื่อตี้จวินอยู่ที่นี่ ข้าคิดว่าอรหันต์หงส์เพลิงอาจจะมาด้วยเหมือนกัน”
”อือ อืม…” สามเณรคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย และกล่าวว่าอมิตาพุทธอีกครั้ง จากนั้นใครคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า ”แต่ตี้จวินจะทำอะไรต่อหรือ…”
เจตนาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นเรียบง่ายตรงไปตรงมามาก หลังจากเขาทำลายประตูแห่งพระพุทธเจ้าได้แล้ว เขาก็คว้าอรหันต์คนหนึ่งมาไว้ในมือก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตั้งตัว ขนนกสีดำลอยออกมาจากร่างของเขาและกระจัดกระจายไปรอบๆ กลายเป็นทางเดิน ขณะที่เขาเดินออกมานั้น เสียงภาษาสันสกฤตก็ดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักต้าสยง แต่เสียงนั้นฟังดูไม่เหมือนกับเสียงสวดมนต์ มันกลับเหมือนเสียงปีศาจที่กำลังขับขานบทเพลงอยู่มากกว่า
เสียงแห่งความวุ่นวายดังไปทั่วภพภูมิทั้งหก และทำลายความเงียบสงบทั้งปวงลง
สมเด็จที่เพิ่งได้ร่างอรหันต์ของตัวเองกลับคืนมาปลีกวิเวกอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
เขาเพียงแค่นับนิ้วและครุ่นคิดกับตัวเอง วันนี้คือวันที่ดอกบัวทองคำจะชิงพลังธรรมะของหงส์เพลิงไป
หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ดอกบัวทองคำจะกลายเป็นหงส์เพลิง และนางจะได้ตำแหน่งภายในพระพุทธศาสนาคืนมาอีกครั้ง!
เฮ้อ พระศากยมุนี ท่านต้องรอเป็นเวลากว่าหนึ่งหมื่นปีจึงได้บรรลุความเป็นหนึ่งเดียว
เวลาหนึ่งหมื่นปีนั้นยาวนานจนเกินไป มันนานมากพอที่จะให้เขาได้ทำอะไรมากมาย
ในระหว่างที่สมเด็จกำลังตกอยู่ในภวังค์ เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างแว่วมา
บทสวดสันสกฤตของปีศาจหรือ
เสียงอันเต็มไปด้วยบาปจากภพชั้นต่ำระดับสามมาปรากฏขึ้นในพระพุทธศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้อย่างไร