ในประเทศนี้… ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียส มีหัวข้อใหญ่ 2 อย่างกำลังเป็นที่พูดถึงกันไปทั่ว
หนึ่งคือการหายสาบสูญไปอย่างกะทันหันของผู้กล้ารุ่นก่อน และสองคือการตื่นขึ้นผู้กล้าคนใหม่
ผู้กล้ารุ่นก่อนไม่เคยปรากฏตัวในที่สาธารณะมาก่อนเลย และก็ไม่มีโอกาสได้มาปรากฏตัวแล้วด้วย… แต่อย่างน้อย ทาง ‘โบสถ์แห่งมิซารี่’ เหล่าผู้นำของอาณาจักรก็บอกว่าเธอคือผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พวกเราเคยมีมา
ผู้คนพูดคุยกันอย่างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนกระทั่งทันทีหลังจากนั้น ทางโบสถ์ก็ประกาศว่าผู้กล้าคนใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว
ทำให้เกิดเสียงเซ็งแซ่ในหมู่ประชาชนเลย
จำนวนคนที่ถือครอง [คุณสมบัติของผู้กล้า] น่ะก็มีน้อยอยู่แล้ว การที่มีถึง 2 คนปรากฏขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันขนาดนี้ หลายคนบอกว่าเป็นปาฏิหาริย์ และต้องเป็นการนำทางจากท่านมิซารี่แน่ๆ
และวันนี้… ก็คืองานฉลองการเปิดตัวผู้กล้าคนใหม่ด้วย
ประชาชนแทบทั้งเมืองมารวมตัวกันที่หน้าโบสถ์ รอคอยการปรากฏตัวของผู้กล้าคนใหม่อย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน นักบวชวัยกลางคนสวมชุดที่ดูหรูหราก็ออกมา
“…สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านครับ เราไม่อาจกล่าวขอบคุณได้มากกว่านี้ที่ทุกท่านได้มารวมตัวกัน ณ ที่นี้… เมื่อคราก่อน ผู้กล้ารุ่นก่อนต้องจากไปด้วยน้ำมือของเผ่ามารที่ชั่วช้าและโหดเหี้ยม …พวกเราไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกเสียจากต้องจมอยู่กับความเศร้าโศกยิ่ง! แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เพื่อประโยชน์ของผู้กล้ารุ่นก่อนที่ฟาดฟันดาบเพื่อมวลมนุษย์ เราจะต้องเอาชนะ และทำลายล้างเผ่ามารให้สิ้นซาก! และเรามั่นใจว่าทุกท่านที่มารวมกัน ณ สถานที่นี้ก็เพื่อจะได้เห็นชายคนนั้น เราจักขอแนะนำชายผู้นี้ให้ทุกท่าน ณ บัดนี้ ผู้ที่ [คุณสมบัติของผู้กล้า] ได้ตื่นขึ้นมา ผู้ถูกเลือกสรรจากท่านมิซารี่… ท่านอาวิซ โนวาไรท์ครับ!!”
เมื่อบทสุนทรพจน์ที่แสนยืดยาว แต่ก็ดูสั้นในเวลาเดียวกันได้จบลง ‘เขา’ คนนั้นก็ปรากฏตัวออกมา
เป็นเด็กชายอายุพอๆ กับฉันในตอนนี้ สวมเกราะสีเงิน แล้วหิ้วดาบยาวอยู่ข้างเอว
การปรากฏตัวของเขาทำให้เสียงร้องยินดีดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณเลย
“…ยินดีที่ได้พบทุกท่าน ขอบคุณสำหรับการแนะนำตัวครับ ชื่อของฉันคืออาวิซ โนวาไรท์ ฉันมีความปรารถนาจะอุทิศตัวเอง เพื่อให้พลังของฉันเป็นแสงแห่งความหวังของมนุษยชาติ ขอฝากตัวด้วยครับ”
เป็นการพูดที่ดูธรรมดา แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างเสียงโห่ร้องยินดีขึ้นไปถึงอีกระดับหนึ่งเลย
น่าเกรงข้ามจริงๆ! นี่น่ะเหรอคือเสน่ห์ของผู้กล้าน่ะ
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดแบบนั้น
“…โอ้ แล้วก็… หากมีใครที่คุ้นกับประเทศที่ชื่อว่า ‘นิฮง (ニホン)’ แล้วล่ะก็ ได้โปรดมาหาฉันหลังจากนี้ด้วยนะครับ ถ้างั้น ฉันขอสิ้นสุดการแนะนำตัวลงเพียงเท่านี้ครับ”
ด้วยคำพูดนี้ ทำให้ฉันอึ้งไปอย่างสมบูรณ์เลย
เมื่อกี้ เขาพูดว่าอะไรนะ?
‘นิฮง’… ญี่ปุ่น (日本 Nihon) ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศที่ฉันอยู่มาในชาติก่อน… ผู้กล้ารู้จักชื่อนั้นได้ยังไง?
ไม่สิ คำตอบมันก็ง่ายนิดเดียว ก็คือ… ผู้กล้าน่ะ ก็เป็น ‘ผู้เกิดใหม่จากต่างโลก’ เหมือนกับฉันแน่นอน
ฉันคิดถึงเรื่องที่ผู้กล้าพูดถึงจนลืมเรื่องที่นักบวชวัยกลางคนคนนั้นที่ออกมาพูดตามหลังนั่นไม่ได้เลยซักนิด
พอการพูดของนักบวชคนนั้นเสร็จสิ้น และผู้คนที่มารวมตัวกันนั้นแยกย้ายกันไป ฉันทำเหมือนตัวเองพลัดหลงกับพ่อแม่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โบสถ์
ไม่มีวี่แววของผู้กล้าเลย… เขาไม่ได้อยู่แถวนี้ แสดงว่าเขาคงเข้าไปข้างในแล้วสินะ
เพราะงั้น ฉันเลยตัดสินใจคุยกับยามเฝ้าประตูโบสถ์
“…เออ ขอโทษนะครับ”
“หืม? อะไรเหรอ เจ้าหนู?”
“คือ ผมรู้ว่าประเทศ ‘นิฮง’ ที่ผู้กล้าพูดถึงหมายความยังไงนะครับ”
“หมายความว่ายังไง? เด็กยังเธอเนี่ยนะ? ล้อกันเล่นหรือไง?”
“เปล่าครับ ผมพูดจริง โปรดให้ผมได้เจอกับท่านผู้กล้าด้วยนะครับ”
“อย่าพูดอะไรโง่ๆ น่า นายก็แค่อยากเป็นผู้กล้าเหมือนกันใช่มั้ยล่ะเจ้าหนู? ดูสิ เขากลับมาแล้ว!”
“ผมพูดจริงๆ นะครับ! ได้โปรด ให้ผมไปพบเขาด้วยเถอะ!”
“…ถ้ายังยืนกรานขนาดนั้นล่ะก็ ฉันจะถามคำถามเธอข้อนึงก็แล้วกัน”
…คำถาม?
“เป็นคำถามที่ท่านผู้กล้าให้กับฉันไว้ ถ้าเธอตอบมันได้ ฉันจะพาเธอไปพบกับท่านผู้กล้า แต่ถ้าเธอตอบไม่ได้ล่ะก็ แสดงว่าเธอคงจะเป็นนักฆ่าที่พยายามลอบสังหารผู้กล้าก็ได้… เธอคงรู้แล้วสินะว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาน่ะ”
น่ากลัวชะมัด
นี่หมายความว่าถ้าตอบไม่ได้ ก็จะโดนจับเลยงั้นเหรอ
…แต่ฉันยังไม่อยากยอมแพ้ ฉันน่ะมีจุดยืนอยู่ จุดยืนของการเป็นผู้เกิดใหม่จากต่างโลกไงเล่า
“…ได้เลยครับ”
“…แน่ใจนะ? ถ้าเธออยากจะหันหลังกลับไป นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“…เฮ่อ ฉันไม่คิดว่าเธอจะรู้คำตอบหรอกนะ… เอาล่ะ ‘จงบอกชื่อของ [บุโช (ブショー)] ที่ถูกสังหารใน [ฮนโนะจิเฮน (ホンノウジノヘン)]?’ …เป็นไงบ้าง เข้าใจหรือเปล่าล่ะ?”
จงบอกชื่อของ [ขุนพล (武将)] ที่ถูกสังหารใน [กบฏวัดฮนโนจิ (本能寺の変)] งั้นเหรอ?
“โอดะ โนบุนากะ”
“……หา?”
“คำตอบคือโอดะ โนบุนากะใช่มั้ยล่ะครับ? ถูกหรือเปล่า? …ผมอาจจะรู้จักกับผู้กล้าก็ได้ ได้โปรดให้ผมผ่านเข้าไปเถอะนะครับ”
“อ- โอ้ คำตอบถูกต้องแล้ว ถึงฉันจะไม่เข้าใจความหมายของมันก็เถอะ… ข- ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ! ผมจะแจ้งให้ท่านผู้กล้าในทันทีครับ!”
ชัดเจนเลย ทั้งพูดเรื่องญี่ปุ่น ทั้งการเลือกขุนพลที่ใครๆ ก็รู้จัก โดยเฉพาะกับนักเรียนมอปลายมาเป็นเครื่องยืนยันตัวตน ฉลาดใช้ได้เลย
แทบจะมั่นใจได้แล้วว่าผู้กล้าเป็นผู้เกิดใหม่จากต่างโลกแน่นอน
“ขออภัยที่ต้องให้รอนะครับ! ท่านผู้กล้าจะมาพบท่านในอีกสักครู่… เชิญทางนี้เลยครับ”
…ห้องที่ฉันถูกพามามันใหญ่มาก
คนที่อยู่ตรงกลางห้องนั่น… นั่นคือผู้กล้าไม่ผิดแน่
“ช่วยให้ฉันคุยกับคนคนนี้ตามลำพังได้มั้ย?”
“ครับ”
ด้วยคำพูดนั้น คนรับใช้และสาวเมดทุกคนก็ออกไปกันหมดพร้อมๆ กัน
อิจฉาจังที่เจ้านี่มีเมดคอยดูแลด้วย
“…เอาล่ะ ทีนี้ก็ไม่มีใครนอกจากพวกเราซะที มาคุยกับให้ถึงใจกันเลยดีมั้ย เกี่ยวกับเรื่องอย่าง ‘ชาติที่แล้ว’ น่ะ”
“…แสดงว่านายเป็นผู้เกิดใหม่จากต่างโลกจริงๆ สินะ”
“อา ใช่แล้ว ออ ออ แต่ฉันไม่ได้คิดว่าจะมีพวกเกิดใหม่เหมือนกันจะโผล่มาเร็วขนาดนี้หรอกนะ เราก็แค่บังเอิญอยู่ใกล้ๆ กัน แค่นั้นแหละ… เอาเหอะ ตอนนี้ เอ็งก็เป็นคนแรกที่มาที่นี่ล่ะนะ”
“จะว่าไป ชื่อเดิมของนายคืออะไร?”
“ไม่รู้หรือไงว่าก่อนจะถามชื่อคนอื่น มันต้องบอกชื่อของตัวเองก่อน ทำไมไม่บอกชื่อเดิมของนายมาก่อนล่ะ?”
…โห นี่เหรอความรู้สึกที่โดนบางคนมาดูถูกเนี่ย
ไหนจะนิสัยจริงที่ต่างจากเมื่อตอนที่มากล่าวสุนทรพจน์เมื่อกี้เลย จากที่ได้ฟัง พอจะเดาเรื่องชาติก่อนของหมอนี่ได้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้คงต้องตามน้ำไปก่อนดีกว่า
“…ชิโรยะ โชตะ”
“…อา มีคนชื่อนี้อยู่ด้วยเหรอว้า… จำไม่ได้เลย”
“…แล้วนาย?”
“หืม? อ้อ ชินอิจิ คุโรดะ ถึงฉันจะจำนายไม่ได้ แต่นายน่ะจำฉันได้ ใช่มั้ยล่ะ?”
…นั่นไง ว่าแล้วเชียว
จำได้ดิ
ไอ้เวรที่ชั่วที่สุดที่รังแกคนที่ผมแอบชอบไง
เป็นคนที่เลวที่เอาชื่อของกลุ่มบริษัทที่มั่งคั่งนั่นมาใช้เป็นโล่ แล้วก็ทำทุกอย่างตามใจตัวมันเอง
…แถมยังเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ฆ่าพวกเราทุกคนอีกต่างหาก
แค่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ทำให้ตูเดือดขึ้นมาแล้ว แต่ก็ต้องอดทนมันเอาไว้ก่อน แล้วดึงความเป็นเหตุเป็นผลของตัวเองกลับมา
“แล้วไง? นายจะรวบรวมพวกคนที่เกิดใหม่จากต่างโลกมาทำอะไร?”
แต่คุโรดะ ไม่สิ… อาวิซ โนวาไรท์ไม่ตอบคำถามนั้น เจ้านั่นกลับตอบมาด้วยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจแบบเดียวกับเมื่อชาติก่อนเลย
“นายรู้ใช่มั้ย… ไม่คิดว่ามันตลกงั้นเหรอ?”
“…อะไรของนาย?”
“อุบัติเหตุในวันที่สุดท้ายในชีวิตที่แล้วของเราไง”
“…พวกเราทุกคนตายหมดก็จากอุบัติเหตุที่เอ็งเป็นคนทำไม่ใช่หรือไง…!”
“ใช่ๆ ขอโทษเรื่องนั่นด้วยก็แล้วกัน… แต่พอมาคิดดีๆ อย่างใจเย็นแล้ว นายคิดว่าพวกเราจะทำอะไรอันตรายแบบนั้นเหรอ? พวกเราไม่ใช่เด็กประถมกันนะเว่ย ใครๆ ก็รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนที่จะเอาไฟไปจ่อแก๊สน่ะ พอจะเห็นยังว่ามันไม่สมเหตุสมผลยังไง”
“…อะไร? นี่จะโยนความผิดไปให้คนอื่นหรือไง?”
“ไม่ใช่โว้ย อีกอย่าง ความเร็วของแก๊สน่ะยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าจะมองยังไง ปริมาณแก๊สที่เพิ่งจะถูกบิดวาวล์ปล่อยออกมามันจะไปทำให้เกิดระเบิดที่แรงพอจะฆ่าพวกเราทั้งห้องได้งั้นเหรอ นั่นมันผิดปกติชัดๆ”
“………”
พอถามกันแบบนี้ จะว่าไปมันก็จริงนะ
ปริมาณแก๊ส เต็มที่เลยก็น่าจะระเบิดแค่คุโรดะกับพวกคนใกล้ๆ กันเท่านั้นเอง
“เพราะงั้น ข้อสรุปที่ได้ก็มีแค่… อาจจะเป็นพระเจ้าก็ได้ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั่นขึ้น”
“…ว่าไงนะ?”
“เอาล่ะ ฟังนะ พวกเรา ‘บังเอิญ’ ตายพร้อมกันในอุบัติเหตุนั่น และ ‘บังเอิญ’ มาเกิดใหม่ที่โลกนี้เหมือนกัน และตูก็ ‘บังเอิญ’ มีความสามารถพิเศษหาโคตรยากมาอย่าง [คุณสมบัติแห่งผู้กล้า]… คิดว่าเรื่องขนาดนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ พนันได้เลยว่ามันมีจุดประสงค์บางอย่างที่อยู่เบื้องหลังเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ”
“…จุดประสงค์ของพระเจ้า… จะบอกว่านี่เป็นผลมาจากเทพธิดามิซารี่งั้นเหรอ?”
“ใช่ ไม่รู้ว่าทำไมหรอกนะ แต่พอเดาได้อยู่ อย่างเช่น คนจากโลกเดิมทุกคนอาจจะมี [คุณสมบัติแห่งผู้กล้า] กันหมด…”
…ปัญหาคือ หมอนี่ดันไหวพริบหัวไวกับเรื่องแบบนี้เนี่ยสิ
ถ้าเกิดเอาไปใช้กับเรื่องดีๆ หมอนี่คงเป็นคนที่สุดยอดได้ไม่ยากแน่ๆ
“คือ นายยังไม่ได้ตอบคำถามแรกที่ฉันถามไปเลย… นายจะรวมพวกคนที่เกิดใหม่จากต่างโลกไปทำไม?”
“หา? …อ้อ นั่นสินะ ขอดูสเตตัสนายหน่อย”
“อะไรนะ?”
“เหอะน่า เปิดออกมาดูดิ”
“…{สเตตัส}”
“…เห เข้าใจละ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของพวกคนทั่วไปในโลก… แต่ก็ไม่ได้ดีเท่าฉันล่ะนะ เป็นแค่ปลาเล็กเท่านั้นเอง เทียบกับปลาใหญ่อย่างฉันล่ะนะ”
“…ฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะชนะผู้กล้าได้อยู่แล้ว”
“มันแน่อยู่แล้ว… ฉันจะตอบคำถามนายล่ะนะ ตอนที่ฉันจะต้องออกเดินทางในฐานะผู้กล้า ฉันจะเลือกคนที่จะร่วมทางไปด้วยไงว่าใครจะไปกับฉันบ้าง”
“…หมายความว่าไง”
“ฉันไม่อยากตายหรอกเว่ย ฉันเกิดเป็นลูกคนโตของคนใหญ่คนโตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แถมมีพลังของผู้กล้าตื่นขึ้นในตัวด้วย เข้าใจหรือยังล่ะ? ฉันเป็นผู้กล้าของโลกนี้ แต่โลกความเป็นจริงน่ะ มันไม่ได้สวยหรูแบบมังงะหรอก ถ้าฉันทำอะไรบ้าๆ ฉันก็ตายอะดิ… แต่ถ้าเกิดฉันมีพรรคพวกที่แข็งแกร่งเหมือนกัน ถึงจะไม่เท่าฉันอยู่แล้วก็เถอะ คิดว่าจะเป็นไง? อัตราการรอดชีวิตของฉันก็เพิ่มขึ้นไงเล่า… และฉันก็รู้ว่าใครจะมีพลังแข็งแกร่งแบบนั้น ฉันขอบใจนายมาก โอเคมั้ย? เพราะนายแท้ๆ เลยพิสูจน์ได้ว่าพวกผู้เกิดใหม่จากต่างโลกน่ะมีพลังที่แข็งแกร่งในตัวจริง”
…ออ นี่หาตี้อยู่หรอกเหรอ
“เพราะงั้น ฉันจะรวบรวมผู้เกิดใหม่จากต่างโลกทั้งหมดมาอยู่กับฉัน แล้วฉันจะได้เลือกบางคนที่แข็งแกร่งจากพวกนั้นมา นายก็เป็นคนแรกที่มาไง”
“…ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”
“ว่าไงนะ?”
“ตูบอกว่าไม่เอาด้วยไงเล่า! ตูไม่อยากมาตามเมิงต้อยๆ หรอกเว่ย! ตูเกลียดเมิงมาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว! เมิงรังแกเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้ทำอะไรผิด! แถมยังลอยนวล ไม่โดนอะไรเลยอีกต่างหาก!”
“เด็กผู้หญิง… ออ เซนโจน่ะเอง”
แก…!
“งั้นรู้อะไรมั้ย เอ็งน่ะเข้าใจอะไรผิดอยู่นะ”
“…หะ?”
“ตูเป็นผู้กล้านะเว่ย เป็นคนที่ถูกเคารพที่สุดในโลก และพวกโบสถ์ก็เห็นด้วยกับตูอยู่แล้ว ถ้าตูบอกว่าเมิงเป็นคนชั่ว เมิงก็เป็นคนชั่วแม้เมิงจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ก็ตาม ตูมีอำนาจจะทำเรื่องแบบนี้ได้เลยไงเล่า แน่นอน แค่ประหารเมิงนะเรื่องจิ๊บจ๊อย ตูสั่งประหารยกตระกูลของเมิงยังได้เลย”
“―…!?”
“ก็ตามนั้น หวังว่านายจะไม่โง่ขนาดกล้าหือกับฉันนะหลังจากได้ยินแบบนี้แล้ว… ถ้างั้น ขอให้โชคดีก็แล้วกันนะ พรรคพวก”
ฉันไม่รู้จะพูดอะไรตอบอาวิซ ขณะที่หมอนั่นเอามือวางบนบ่า แล้วแสยะยิ้มให้ฉัน… ฉันรู้ว่าถ้าให้มันขัดใจล่ะก็ ทั้งฉันทั้งครอบครัวต้องอันตรายแน่
แม่งเอ๊ย……!