ผ่านไป 2-3 วันหลังจากที่ทำลายเมืองๆ หนึ่งในอาณาจักรอัลเวร่าลงได้แล้ว
พักผ่อนจากงานเอกสาร, วางแผน, ประชุมกับท่านจอมมารผ่านเมจิกไอเท็มแบบคริสตัล เพราะฉันใช้เวทโทรจิตตอนอยู่ไกลขนาดนี้ไม่ได้ แล้วก็ปรึกษากันกับคุณเชอรี่ ที่เป็นรองผู้บังคับบัญชาในขณะนี้ค่ะ
…หลังจากที่ยุ่งกันมาหลายวัน พวกเราก็เคลื่อนทัพกันมาถึงสนามรบที่ต่อมา―――มหานครของอาณาจักรอัลเวร่า ที่ที่ ‘แม่ทัพแห่งภัยพิบัติ’ คุณเรน ตั้งทัพรออยู่แล้ว
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถม้าสำหรับผู้บริหารของกองทัพจอมมาร เราก็กำลังขยับไปช้าๆ อยู่แนวหลังสุดของกองทัพ ฉันเลยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง และกำลังเพลิดเพลินกับการพักนิดๆ ในตอนนี้
“อาาา――ช่วงพักนี่แหละค่า ดีที่สุดเลย”
“ด้วยความเคารพอย่างสูง แต่ตอนนี้เราไม่ได้กำลังพักผ่อนกันนะคะ ดิฉันคิดว่าเราควรจะใช้เวลานี้เตรียมพร้อมสำหรับสมรภูมิต่อไปจะดีกว่า”
“ต่อให้เป็นแบบนั้นก็เถอะค่ะ… สนามรบต่อไปมีคุณเรนรออยู่ที่นั่นแล้ว แถมคืนนี้ก็เป็นคืนขึ้น 10 ค่ำด้วยค่ะ สเตตัสของฉันเพิ่มขึ้น 5 เท่าในตอนกลางคืน ถ้าพูดกันตามตรง มีทั้งคุณเรน ทั้งฉันที่ได้รับการอวยพรจากดวงจันทร์แล้ว ต่อให้มีอัครสาวก 4 หรือ 5 คนรวมหัวกัน ฉันก็ไม่คิดว่าพวกเราจะแพ้เลยนะคะ ต้องมาเจอโหมดง่ายยิ่งกว่าโหมดสอนเล่นแบบนี้ ทำไมฉันต้องทำให้สถานการณ์ต้องตึงเครียดด้วยล่ะคะ…?”
“…ดิฉันเข้าใจความรู้สึกนะคะ แต่ว่า…”
คุณเรนต่างจากซากุระคุงหรือคุณเกรย์ตรงที่เธอไปถึงขีดจำกัดเลเวลแล้ว พูดอีกอย่างก็คือ เธอไม่สามารถแข็งแกร่งขึันได้แล้ว… แต่ตอนนี้เลเวลของเธอก็อยู่ที่ 160 นะ
แฟรี่มีพลังในการควบคุมสภาพอากาศได้แต่กำเนิด แต่คุณเรนมีพลังเหนือกว่าเผ่าแฟรี่ทั่วไปอย่างสิ้นเชิงเลย
เธอสามารถทำให้สายฟ้าตกลงมาเหมือนสายฝน ทำให้ลูกเห็บขนาดยักษ์ร่วงหล่นลงมาได้เหมือนอุกกาบาต เป็นภัยธรรมชาติอย่างแท้จริง สมกับฉายา ‘แม่ทัพแห่งภัยพิบัติ’ ของเธอเลยค่ะ
อาจจะแปลกหน่อย รู้สึกแย่กับทหารของกองทัพจอมมารนิดหน่อย แต่ฉันคิดว่าเมืองนี้ก็พังพินาศได้แล้วด้วยการให้ทุกคนตรึงกำลังล้อมรอบเมืองไว้ให้แน่นหนา แล้วฉันกับคุณเรนก็พุ่งเข้าไปลุยด้วยกันก็พอ
“ตอนนี้ ถ้าอีกฝ่ายยืนยันการปรากฏตัวของคุณเรนได้ก็คงกรีดร้องกันระงมแล้วล่ะค่ะ ฉันคิดว่ากับเมืองใหญ่แบบนี้ น่าจะมีเวทคุ้มครองระดับสูงเลย และคงมีผู้คุ้มครองจำนวนมากคอยซ่อมแซมบาเรียเมื่อเวทคุ้มครองถูกทำลายลงด้วยค่ะ… ด้วยนักเวทที่พวกเรานำมาเพื่อทำลายเวทคุ้มครอง, การควบคุมสภาพอากาศของคุณเรน และสเตตัสของฉัน บาเรียนั่นอยู่ได้ไม่นานหรอกค่ะ พอบาเรียถูกทำลายไป ที่เหลือก็ง่ายๆ ใช่แล้วค่ะ ของกล้วยๆ เลย งานเอกสารน่ะน่ารำคาญกว่ากันเยอะเลยค่ะ”
“น- นั่นสินะคะ การควบคุมสภาพอากาศของท่านเรนนั้นสุดยอดจริงๆ และการอวยพรจากดวงจันทร์ของท่านลีนก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว แต่…”
น่านะ ไม่มีอะไรต้องกังวลไปหรอก
เอาจริงๆ ในเมืองใหญ่ มีคนเยอะแบบนี้ ฉันตั้งตารอที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมดอยู่เลยนะเนี่ย
พูดตามตรง การต่อสู้ในเมืองน่ะเป็นเหมือนช่วงโบนัสไทม์สำหรับฉันเลยล่ะ
แน่นอน ฉันไม่ประมาทหรอก มันต้องมีคนที่มีฝีมือพอประมาณอยู่ในแต่ละเมืองอยู่แล้ว ไม่ได้หมายถึง 12 อัครสาวกหรอกนะ เหมือนอย่างอาเจ๊อัศวินเมื่อกี้นี้ไง
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราระวังคนพวกนั้นเอาไว้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย
แล้วตอนนี้ ฉันก็มองออกไปทางหน้าต่างจนเบื่อแล้ว ฉันเลยเลือกที่จะเข้านอน
“คุณเชอรี่ช่วยปลุกฉันตอนถึงที่หมายด้วยนะคะ… ราตรีสวัสดิ์ค่ะ…”
“…ท่านนี่เหมือนเด็กเลยนะคะ เอ๊ะ?… อะ พอมาคิดดูดีๆ ท่านก็ยังเป็นเด็กอยู่เลยนี่คะ… มีหลายครั้งเลยค่ะที่ดิฉันลืมไปว่าท่านเพิ่งอายุ 13 เท่านั้นเอง…”
หยาบคายจังนะคะ!
ถ้าเป็นในชาติก่อน ฉันยังเป็นแค่เด็กมอต้นวัยใสนะคะ!
ผ่านไป 2-3 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ในรถม้า
พวกเรามาถึงจุดนัดพบ พร้อมกับความมึนๆ ที่หายไป และหัวก็โล่งโปร่งสดชื่นเลยล่ะ
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ คุณเรน”
“โอ๊ะ ลีน ไม่ได้เจอกันนานนะ อย่างนี้เอง คนที่มาเสริมก็คือลีนเองสินะ”
“ค่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจเธอมาก เท่านี้ฉันจะได้จบงานนี้ได้เร็วๆ ด้วย”
“อย่างงั้นเหรอคะ? ดีใจนะคะที่เป็นแบบนั้น”
คุณเรนยังสบายดีอยู่เหมือนเดิมเลย
ถ้าเรามองไปไกลๆ ก็จะเห็นกำแพงใหญ่ยักษ์น่ารำคาญนั่น นั่นต้องเป็นมหานครแน่นอน
“งั้น แผนเป็นยังไงเหรอคะ?”
“เหมือนเดิม ฉันกับเหล่านักเวทจะทำลายเวทคุ้มครองนั่น แล้วก็ซัดสายฟ้ากับลูกเห็บลงใส่ตามไป เรื่องวุ่นวายที่เหลือนั่นก็…”
“บดขยี้สินะคะ”
“เยส ที่นี่น่ะก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินรองเหยียบของการล่มสลายของประเทศเท่านั้น แต่ก็อย่าได้ประมาทแค่เพราะว่าเราเหยียบย่ำที่นี่ได้แล้วเด็ดขาดเลยนะ ตกลงมั้ย?”
“แน่นอนค่ะ ฉันไม่ประมาทแน่นอน… แสดงว่า ยังไงอาณาจักรอัลเวร่าก็จะล่มสลายได้แน่นอนใช่มั้ยคะ?”
“คงมีงานรออีกเยอะเลยล่ะน้า―”
อาณาจักรอัลเวร่าเป็นประเทศที่ผลิตผู้คุ้มครองและผู้วิเศษจำนวนมาก และมีจุดเด่นในการทำศึกตั้งรับล่ะนะ
เพราะทหารส่วนใหญ่ที่ส่งออกมาก็เป็นสายแทงค์เป็นหลัก เราเลยไม่สามารถบุกโจมตีได้ พวกมันจะถอยทัพหนีกันก่อน
… ขวางหูขวางตาจริงๆ เลยนะ แบบนี้
“พวกเราจะทำลายอาณาจักรนี้ทิ้งภายใน 2 เดือน นั่นคือเหตุผลที่ฉันกับเธอร่วมงานกันในครั้งนี้นะ”
“ทำลายล้างทั้งประเทศในเวลา 2 เดือนงั้นเหรอคะ… ดูบ้าบิ่นไม่น้อยเลยนะคะ”
“แล้วทำแบบนั้นไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ไม่ค่ะ ทำได้อยู่แล้ว”
ถึงฉันจะบอกไปว่ามันดูบ้าบิ่นก็เถอะ แต่ถ้าคุณเรนกับฉันทำงานร่วมกันล่ะก็ มันก็เป็นคนละเรื่องกันเลยล่ะ
พิจารณาเอาจากสัดส่วนกองกำลัง, ความสามารถในการตั้งรับ แล้วก็พลังการทำลายของพวกเราแล้ว…
“…ซักประมาณเดือนครึ่งได้มั้ยคะ?”
“ประมาณนั้นเลย แต่ก็ ตราบเท่าที่ไม่มีประเทศอื่นมาแทรกแซงล่ะนะ”
“ถ้างั้น มาทำลายมันกันเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากเมืองนั้นก่อนเลย …เราเริ่มดำเนินการทันทีที่การอวยพรจากดวงจันทร์ของฉันทำงานได้มั้ยคะ?”
“อืม โอเคเลย”
หลังจากนั้น 10 นาทีต่อมา
เมื่อดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้า ปฏิบัติการก็ได้เริ่มขึ้น
ฉันจ้องมองภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นตรงหน้าฉันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ราวกับนี่เป็นปัญหาของคนอื่น ฉันคิดแบบนี้กับตัวเองล่ะนะ
ไม่ว่าจะยังไง สิ่งมีชีวิตก็ไม่มีทางต่อต้านธรรมชาติได้เลยสินะ
ไม่ว่าจะเพิ่มเลเวลตัวเองมามากแค่ไหน ไม่ว่าจะฝึกฝนร่างกายมาขนาดไหน หรือไม่ว่าจะเคยสังหารศัตรูมามากเท่าไหร่ มันก็เป็นแค่ความแข็งแกร่งในขอบเขตของสิ่งมีชีวิตเท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าเขาคนนั้นมีเลเวลต่ำกว่า 100 ล่ะก็ แค่โดนฟ้าผ่าใส่จังๆ ไปทีเดียวก็เจ็บหนักแล้วนะ
ก็ ที่ฉันอยากจะพูดคือ
“เน่ เจ้าพวกมนุษย์! ได้เวลาตายของพวกแกแล้ว! ปัดโธ่― รีบๆ พังเวทคุ้มครองของพวกแกได้แล้ว! น่ารำคาญจริงๆ เลย…!”
…ฉันกำลังพูดถึงคุณเรน คนที่ฉันไม่อยากเป็นศัตรูด้วยเลยค่ะ
ประสาทการได้ยินของฉันน่ะดีมาก ไม่ใช่แค่เพราะฉันเป็นแวมไพร์หรอกนะ แต่เพราะตอนนี้ฉันเสริมมันด้วยเวทมนตร์ด้วย
หูของฉันเลยจับเสียงของพวกมนุษย์ในเมืองได้ด้วย
“อ๊าาาาาา! อ๊าาาาาา! นี่มันบ้าอะไรฟะเนี่ย!”
“จะอะไรหนักหนาเนี่ยกับพวกฟ้าผ่ากับ… ก้อนน้ำแข็ง!?”
“บ้าเอ๊ย! ถ้าเป็นแบบนี้ เวทคุ้มครองจะพังแล้วนะ!”
“ฟ- ฟ- ฟ้าผ่า…… หรือว่า! ร- เรน……? เรนงั้นเหรอ!! ผ- ผ- ผู้บริหารของกองทัพจอมมาร… ‘แม่ทัพแห่งภัยพิบัติ’ เรน แฟรี่ลอร์ดงั้นเหรอ!!!”
“ร- ร- ร- เรนงั้นเหรอ!?!? ทำไมไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเห้ย!? ติดต่อไปขอกำลังเสริมจากเมืองหลวง! ด่วนเลย!!”
…ถึงฉันจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ แต่นี่คุณเป็นที่น่าหวาดกลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะเนี่ย คุณเรน ดีใจมากเลยค่ะที่พวกเราอยู่ฝั่งเดียวกัน
“ให้ตายซี้― เจ้าบาเรียนี่ถึกทนกว่าที่ฉันคิดไว้พอควรเลย.. แถมยังมีผู้คุ้มครองมาเพิ่มด้วยนะตรงนั้นน่ะ…”
“ทำลายไม่ได้เหรอคะ?”
“ฉันทำได้อยู่แล้วน่า แค่ต้องใช้เวลาหน่อย โทดทีนะ”
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไร ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“โอ้ ดีใจกันได้เลย! กองกำลังรักษาพระองค์จากเมืองหลวงจะมาสมทบกับพวกเราแล้ว! อีก 2 นาที ลดเวทคุ้มครองป้องกันการเคลื่อนย้ายลงเป็นเวลา 5 วินาที!”
……
………หึ
“นี่ลีน เธอก็มาช่วยด้วยส-… มีอะไรเหรอ?”
“ฉันได้ข้อมูลมาแล้วค่ะ คุณเรน ในอีก 2 นาที พวกนั้นจะลดเวทคุ้มครองป้องกันการเคลื่อนย้ายลงเพื่อรับกองกำลังจากเมืองหลวงมาเป็นเวลา 5 วินาทีค่ะ”
“จริงเหรอ…? งั้นก็ไปรวมทหารที่ใช้เวทเคลื่อนย้ายได้มา…”
“ไม่ค่ะ พวกนั้นแค่ลดความเข้มข้นของเวทมนตร์ลงค่ะ ฉันคิดว่าเวทเคลื่อนย้ายทั่วๆ ไปน่าจะฝ่าเข้าไปไม่ได้นะคะ เพราะงั้น ฉันจะลุยเข้าคนเดียวซักพักก่อนค่ะ”
“…เข้าใจแล้ว งั้น ไปฆ่าพวกผู้คุ้มครองกับผู้วิเศษข้างในให้หมด แล้วก็ฝากทำลายเมจิกไอเท็มที่สร้างบาเรียให้บาเรียที่สร้างออกมาอ่อนแอลงด้วยล่ะ… เธอนี่ยังใช้แผนเจ้าเล่ห์แบบนี้เหมือนเดิมเลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ถึงไม่น่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แต่พวกกองหนุนจากเมืองหลวงอาจจะสร้างความเสียหายกับเหล่าทหารของพวกเราก็ได้ ฉันจะไปจัดการพวกมันซักนิดนึงด้วยแล้วกันนะคะ”
…แล้ว 2 นาทีที่รอคอยก็มาถึง
“โอเค ลดกำลังลงเลย! หนึ่ง…สอง…”
“งั้น ไปก่อนนะคะ {เกรทเตอร์ เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้ายขั้นสูง)}”
“สาม… สี่… ห้า! โอเค ดึงกลับขึ้นมาเลย! …กำลังรออยู่เลยครับ เหล่าท่านอัศวินจากกองกำลังรักษาพระองค์! ต้องขอโทษจริงๆ แต่ไม่มีเวลาแล้วน่ะครับ”
“พวกเราเข้าใจ พวกเราก็ตั้งใจที่จะ-… แก เป็นใครกัน?!”
โอ๊ะ ฉันถูกพบตัวแล้วเหรอ เอาเถอะ ตามปกติ มันไม่มีมนุษย์ที่ไหนมีตาสีแดงฉานแบบนี้อยู่แล้วล่ะ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เหล่าคนโง่เขลาแห่งอาณาจักรอัลเวร่าทั้งหลาย ฉันคือผู้บริหารลำดับที่ 5 ของกองทัพจอมมาร ‘แม่ทัพจอมกระหายเลือด’ ลีน บลัดลอร์ดค่ะ… ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะเร่งรีบไปหน่อย… แต่ว่าพวกแกทุกคนน่ะ ไปตายซะให้หมดนั่นแหละค่ะ”
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย―――ได้เวลาละเลงเลือดแล้ว
ถ้าฉันไม่รีบจัดการพวกผู้คุ้มครองล่ะก็ คุณเรนจะต้องโกรธฉันแน่เลย… งั้นก็ขอสนุกซัก 5 นาทีก็แล้วกัน คงได้แหละเนอะ?
เวลาน้อยจัง แต่ก็มาสนุกกับมันกันดีกว่า~