นางเดินออกมาจากฝั่งที่มีแสงส่องเหมือนอย่างที่นางเคยทำตอนเข้ามาในตำหนักต้าสยงหลายครั้งในอดีต ความน่าเกรงขามทะลักออกมาจากทั่วทั้งร่างนั้น นางดูไม่สนใจใครทั้งสิ้นนอกเสียจากสมเด็จ
หลายคนคาดว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้สมเด็จไม่ชอบนาง แม้เขาจะไม่ได้แสดงความรังเกียจนั้นออกมาให้เห็นภายนอกก็ตาม เพราะอย่างไรเขาก็จำเป็นต้องยุติธรรมต่อพระอรหันต์ทั้งหมดในฐานะสมเด็จนั่นเอง
แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น พวกเขากลับไม่สามารถสลัดความรู้สึกอันคลุมเครือนี้ทิ้งได้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันหน้าไปมองนาง ดวงตาของเขาดูอ่อนโยนในทันที เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาลึกล้ำราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กว่า ”ทำไมเจ้าไม่นอนให้นานอีกหน่อยเล่า พอข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วข้าจะกลับไปอยู่กับเจ้าทันที ตอนนี้ตัวข้าเปื้อนไปด้วยเลือด และยังไม่มีเวลาทำความสะอาดอีกด้วย เจ้าอยู่ห่างๆ ก่อนก็แล้วกัน”
น้ำเสียงของเขาเป็นธรรมชาติเกินไปราวกับพูดถึงความเป็นจริงที่เห็นๆ กันอยู่
บุตรแห่งราชานรกกุมท้องพร้อมกับสงสัยกับตัวเองว่า ราชาปีศาจผู้นี้ยังต้องการรักษาภาพพจน์ตัวเองในหัวใจของหงส์เพลิงไว้อยู่อีกหรือ! ตัดใจเสียเถอะ!
บุตรแห่งราชานรกรู้ว่าราชาปีศาจไม่ต้องการให้หงส์เพลิงรู้ว่าเขามาที่แดนพระพุทธศาสนา เขาคิดว่าแผนการของอีกฝ่ายก็คือการล้างบางพระอรหันต์ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ
น่าเสียดายที่หงส์เพลิงเป็นคนฉลาดเกินไป บางทีตอนที่นางตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นพวกเขา นางอาจจะรู้ได้ในทันทีเลยก็ได้ว่าพวกเขามาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์กัน
ครั้งนี้เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ทำตามคำพูดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่บอกให้นางยืนอยู่ห่างๆ นางกลับเดินออกมาจากแสงนั้น แล้วกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า ”รออยู่เฉยๆ น่าเบื่อจะตาย ข้าเลยขึ้นมาที่นี่แทน ข้าเองก็อยากนอนต่อแล้วรอท่านอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากคิดดูให้ดีแล้ว ข้าอยากยืนอยู่ข้างๆ มองดูตอนที่ท่านแก้แค้นให้ข้ามากกว่า ข้าไม่อยากพลาดแม้แต่ฉากเดียว”
หลังจากที่พูดจบ ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงระยิบระยับนั้น
ณ ตำหนักต้าสยงบนภูเขาซวีหมี บรรดาพระอรหันต์หยุดสวดมนต์และมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วยความตกใจอย่างยิ่ง
หงส์… หงส์เพลิงหรือ!?
เป็นหงส์เพลิงจริงๆ!
สมเด็จไม่อยากเชื่อตาตัวเอง เมื่อได้เห็นคนที่ไม่ควรปรากฏตัวขึ้นบนแดนพระพุทธศาสนาเช่นนี้ นิ้วของเขาก็สั่นระริกขณะแผดเสียงขึ้นว่า ”เจ้า เป็นไปได้อย่างไร! พลังธรรมะของเจ้า เจ้า…”
”สมเด็จคิดจริงๆ หรือว่าหงส์เพลิงจะอ่อนแอถึงขนาดจัดการดอกบัวทองคำดอกเล็กๆ ที่ทำงานให้ท่านไม่ได้” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองชายชราในชุดจีวร พลางดูถูกเขาผ่านทางสายตา จากนั้นจึงพูดกับเขาอย่างรู้ทันว่า ”ท่านเทียบกับพระศากยมุนียังไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ท่านกลับคิดที่จะแทนที่เขาและปกครองพระพุทธศาสนาหรือ ท่านมีคุณสมบัติพอที่จะทำเช่นนั้นด้วยหรือ”
สมเด็จตื่นตระหนกอย่างมากเมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยเปิดโปงความลับที่ลึกที่สุดของเขาออกมา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีคนที่สามารถเอาชนะชะตากรรมของตัวเองได้ มันเป็นไปไม่ได้!
”ไม่ เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่น่าจะเอาพลังธรรมะของตัวเองกลับมาได้นี่! ดอกบัวทองคำไม่มีทางทำพลาด ผัสสะทั้งหกแห่งพระอรหันต์ย่อมสามารถมองเห็นได้ทุกสิ่ง ชะตากรรมของเจ้าคือการอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปชั่วชีวิต! พระศากยมุนีหรือ หึ ตอนนั้นเขาไม่ควรล้างชื่อให้เจ้าเลยด้วยซ้ำ สัตว์ที่เกิดในนรกเช่นเจ้าไม่มีค่าพอจะได้เป็นพระอรหันต์! ข้ารู้ว่าหงส์เพลิงหยิ่งผยองและไม่ยอมใคร และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวได้ก็ต่อเมื่อมีเจ้าอยู่ในพระพุทธศาสนา แต่แล้วอย่างไร พระศากยมุนีช่างแส่หาเรื่องเสียไม่มีถึงได้คอยเป็นห่วงเป็นใยกระทั่งคนจากภพชั้นต่ำระดับสามเหล่านั้น ข้าอยากเข้าไปแทนที่เขาแล้วมันผิดตรงไหนกัน!”
สมเด็จตะโกนขึ้นเสียงดัง
บรรดาพระอรหันต์นึกไม่ถึงว่าสมเด็จจะมีเจตนาแทนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง
ไม่ว่าสมเด็จจะลงโทษหงส์เพลิงรุนแรงเพียงใด พวกเขาก็คิดว่าเขาทำเช่นนั้นเพราะมือของนางเปื้อนเลือดและบาปมาก
ยิ่งกว่านั้น สมเด็จก็ไม่ชอบนางเพราะท่าทางเย่อหยิ่งที่นางมี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อกดนางลง
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังเรื่องนั้นจะเป็นการขัดขวางไม่ให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุถึงความเป็นหนึ่ง!
พระอรหันต์ต่างสับสนอย่างมากเมื่อความเชื่อที่พวกเขามีมาอย่างยาวนานพังทลายลง พวกเขากังวลและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และทำได้เพียงแค่มองไปที่สมเด็จด้วยสายตาว่างเปล่า ในสายตานั้นไม่มีความคาดหวังและความเชื่อถือหลงเหลืออยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มพลางมองคนที่เคยทรมานนางอย่างรุนแรงด้วยสายตาทิ่มแทง ดวงตาของนางเย็นชาอย่างยิ่งขณะที่พูดขึ้นว่า ”ตอนนั้นก่อนที่พระพุทธศาสนาจะถูกก่อตั้งขึ้น พระศากยมุนีต้องประสบพบเจอกับความทุกข์ทรมานทุกประการบนโลกมนุษย์ เขาลั่นสัจจะสาบานไว้ว่าจะทำให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากความทุกข์นั้น และใช้ร่างกายของตัวเองปลดปล่อยวิญญาณร้ายในทะเลเลือด แล้วท่านล่ะ ท่านทำอะไรลงไปบ้างหรือ ท่านเชื่อในโชคชะตามิใช่หรือ ในเมื่อสวรรค์มอบตำแหน่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงให้กับพระศากยมุนี ต่อให้ท่านจะบำเพ็ญบุญต่อไปเป็นล้านปี ท่านก็ยังเป็นได้แค่คนจิตใจคับแคบและชั่วร้ายเท่านั้น”
”หุบปากของ..” สมเด็จกำลังจะขึ้นเสียงใส่นาง แต่ใครคนหนึ่งก็ต่อยเข้าที่กลางอกเขาเสียก่อน จากนั้นความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ตรงเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาทันที
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงรวดเร็วจนน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาลงมือใช้ความรุนแรง
เสียงกระดูกหักดังลั่น
กระดูกซี่โครงของสมเด็จถูกเขาคว้าออกมาอย่างกะทันหัน!
แสงแห่งพระพุทธคุณสีทองเริ่มไหลออกมาจากร่างของเขาทีละน้อย
ทันทีที่เห็นภาพนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงหยุดพูดแล้วลงมือด้วยความฉับไว นางตวัดดาบที่ทำจากพระสารีริกธาตุของหงส์เพลิงใส่ดวงตาของสมเด็จอย่างรวดเร็ว
สมเด็จไม่ได้หลบ เพราะบุตรแห่งราชานรกไม่สามารถยกขวานเก็บเกี่ยววิญญาณของตัวเองได้อีกต่อไป เขาเคยกล่าวว่าต่อให้พวกเขาถูกฆ่าตายไป แต่เขาก็จะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้เสมอ ทั้งยังสามารถกลับมาที่พระพุทธศาสนาได้อีกด้วย ตราบใดที่พระศากยมุนีไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาก็จะได้เป็นผู้ปกครองพระพุทธศาสนาอยู่วันยังค่ำ นี่คือชะตากรรมของเขา และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้!
ราวกับว่านางสามารถอ่านความคิดของสมเด็จได้ เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกยิ้ม แล้วหยุดดาบตรงหน้าเขา จากนั้นนางก็เอ่ยเน้นทีละคำอย่างชั่วร้ายว่า ”ข้าว่าคงมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ท่านยังไม่รู้ ดาบวงพระจันทร์ที่สร้างมาจากพระสารีริกธาตุของหงส์เพลิงสามารถตัดทั้งวิญญาณของพระอรหันต์และวาสนาที่เขามีต่อพระพุทธศาสนาได้ด้วย!”