ตอนที่ 854 หลินม่ายขอร้องให้แต่งงาน
เสี่ยวหม่านกล่าว “เหตุผลก็คือฉันทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งในละแวกเดียวกัน แต่ผู้หญิงคนนั้นทั้งตัวใหญ่และแข็งแรง ฉันเลยสู้หล่อนไม่ได้”
หลินม่ายชำเลืองมองหล่อน
เมื่อก่อนเธอกับเสี่ยวหม่านตั้งร้านบนถนนเจียงฮั่นด้วยกัน แม้เสี่ยวหม่านจะมีบุคลิกร่าเริงมีชีวิตชีวา แต่ก็ขี้อายเล็กน้อย และดูเหมือนจะไม่กล้าสู้กับคนอื่น
หลินม่ายถาม “เธอทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้นทำไม?”
“หล่อนหัวเราะเยาะฉันเหมือนมาจากบ้านนอก แถมพูดจาแบบน่าเกลียด ฉันเลยโต้หล่อนกลับก่อน แล้วเราก็ทะเลาะกัน…”
หลินม่ายพูดอย่างหมดหนทาง “ตัวเล็กแบบนี้จะเอาชนะใครได้ คราวหลังอย่าสู้กับคนอื่นอีกนะ”
เสี่ยวหม่านทำหน้ามุ่ยและพยักหน้า
หลินม่ายถาม “เธอกับหมิงเฉิงเป็นแฟนกันมานานแล้ว จะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่?”
เสี่ยวหม่านสะดุ้ง “เขายังเด็กอยู่น่ะ”
หลินม่ายเหลือบมองเธอ “เด็กอะไรกันล่ะ เธอแก่กว่าฉันสองปีนะ ฉันกำลังจะมีลูก แต่เธอกลับยังไม่คิดสร้างครอบครัว”
เสี่ยวหม่านยิ้มพลางกล่าว “ฉันขอเวลาอีกครึ่งปี ฉันจะแต่งงานกับหมิงเฉิงภายในสิ้นปีหน้าแน่นอน”
หลินม่ายไม่พูดอะไร
เธอไม่ชอบยุ่งกับความรู้สึกของคนอื่น แต่เสี่ยวหม่านและหลี่หมิงเฉิงเป็นข้อยกเว้น
หลี่หมิงเฉิงซื่อตรงเกินไป แต่เสี่ยวหม่านนั้น ยิ่งหลินม่ายติดต่อกับหล่อนมากเท่าใดก็ยิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วหล่อนค่อนข้างซุกซนทีเดียว
หากไม่เป็นเช่นนั้น หล่อนจะคุมเกมในวงสุราได้อย่างไร?
เสี่ยวหม่านดูเหมือนพูดคุยง่าย แต่ในความเป็นจริงไม่ง่ายอย่างนั้น
หลินม่ายกังวลว่าเสี่ยวหม่านจะไม่จริงใจกับหลี่หมิงเฉิง แต่คบหากับเขาพียงเพื่อความสนุกเท่านั้น
ไม่อย่างนั้นทำไมหล่อนถึงไม่อยากไปบ้านของหลี่หมิงเฉิงในช่วงปีใหม่ล่ะ?
หลินม่ายยุยงให้เสี่ยวหม่านและหลี่หมิงเฉิงแต่งงานกันแต่เนิ่น ๆ ก็เพื่อต้องการทดสอบความรู้สึกของหล่อนที่มีต่อหลี่หมิงเฉิง
หากเสี่ยวหม่านแค่ล้อเล่นกับหลี่หมิงเฉิงและถูกกระตุ้นให้แต่งงาน หล่อนจะต้องเลิกกับหลี่หมิงอย่างแน่นอน
แต่หากหล่อนจริงใจ เสี่ยวหม่านจะพิจารณาแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิง
ตอนนี้เสี่ยวหม่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิงในปลายปีหน้า ซึ่งแสดงว่าหล่อนจริงใจต่อหลี่หมิงเฉิง
หลินม่ายรู้สึกโล่งใจทันที
วันที่สองของการเลี้ยงเจ้ากรมการรถไฟฯ
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าสีประสบปัญหาเป็นโรคกระเพาะอาหารและกินได้เฉพาะอาหารรสจืด ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธอาหารของหลินม่ายในนาทีสุดท้าย
แม้จะมีงานเลี้ยงอาหารสองวัน แต่เสี่ยวหม่านอยู่ได้เพียงวันเดียว กระนั้นหลินม่ายก็ยังให้รางวัลกับเธอหนึ่งพันหยวน เพราะการแสดงของหล่อนในงานเลี้ยงอาหารค่ำกับผู้นำนั้นดีเกินไป
ราวกับว่าหญิงคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นดาวเด่น
สองวันต่อมา เสี่ยวหม่านกลับมาที่เจียงเฉิง และหลินม่ายก็โทรหาผู้จัดการโมซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบว่านถงกรุ๊ปในเจียงเฉิง
เขาจัดให้เสี่ยวหม่านเป็นพนักงานขายในแผนกอสังหาริมทรัพย์
เนื่องจากหัวหน้าสีป่วย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา
หลังจากหลินม่ายรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียน เธอก็โทรศัพท์สาธารณะและถามฟางจั๋วหรานว่า สามารถรับยารักษาโรคกระเพาะได้หรือไม่
ฟางจั๋วหรานที่ปลายสายรู้สึกประหม่าทันที “คุณปวดท้องเหรอ? ผมจะไปรับคุณที่มหาวิทยาลัยแล้วไปเจอหมอที่โรงพยาบาลนะ”
หลินม่ายทำตัวไม่ถูกทันที “ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ แต่ผู้บริหารระดับสูงสำนักงานการรถไฟต่างหากที่ปวดท้อง ฉักอยารักษาโรคกระเพาะสำหรับเขาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเขา”
เมื่อฟางจั๋วหรานได้ยินว่าเป็นอาการปวดท้องของคนอื่น เขาก็รู้สึกโล่งใจทันที “แน่นอนว่ามียารักษาโรคกระเพาะฉับพลัน แต่ยานี้กินแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ คุณต้องพาหัวหน้าสีไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจอย่างละเอียดและรักษาอาการ
หลินม่ายพูดอย่างหมดหนทาง “ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมหัวหน้าสีแล้ว แต่เขาบอกว่าไม่จำเป็น เขาเคยไปหมใอในโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วประเทศ หมอบอกว่าโรคกระเพาะอาหารของเขาไม่สามารถรักษาได้”
ฟางจั๋วหรานเงียบไปครู่หนึ่งพลางกล่าว “นั่นเป็นเพราะหัวหน้าสีพบแพทย์ตะวันตกน่ะสิ โรคกะเพาะอาหารเป็นโรคเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์แผนจีนดีกว่าแพทย์แผนตะวันตก คุณพาหัวหน้าไปหาหมอที่คลินิกแพทย์แผนจีนก่อนก็ได้ แม้จะรักษาไม่ได้ แต่ก็อาจช่วยบรรเทาไม่ให้รุนแรงขึ้นได้”
หลินม่ายกล่าวด้วยความสงสัย “ฉันไม่รู้จักแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงเลย”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “คุณจำหมออาวุโสเหริน แพทย์แผนจีนที่จับชีพจรของคุณเพื่อระบุว่าคุณตั้งครรภ์นานแค่ไหนได้ไหม? เขารักษาโรคกระเพาะเก่งมาก ลองพาหัวหน้าสีไปหาเขาสิ”
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งและสงสัย “แม้ผู้อำนวยการสำนักการรถไฟจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่เขาก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการชั้นผู้น้อยเช่นกัน เกรงว่าถ้าฉันพาหัวหน้าสีไปพบหมออาวุโสเหริน พวกเขาอาจไม่เห็นด้วยกับฉัน จะเชิญคุณหมอเหรินมาหาหัวหน้าสี คุณหมอเหรินก็เป็นหมอระดับสูงเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้าสีเริ่มแก่แล้วจึงเริ่มไว้ตัว ดังนั้นฉันจึงอยากให้คุณเหมอเหรินมาตรวจที่ห้องทำงานของหัวหน้าสีเพื่อช่วยตรวจดู”
ฟางจั๋วหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและขอให้หลินม่ายรออีกสองวัน เขาอาจขอให้คุณหมอเหรินไปพบหัวหน้าสีได้
หลินม่ายคิดว่าฟางจั๋วหรานจะอาศัยมิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมงานเพื่อขอให้คุณหมอเหรินมาช่วยรักษาหัวหน้าสี
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะขอให้แม่บ้านซื้อโสมอเมริกันชั้นยอดของแท้หกขวดแล้วส่งไปให้คุณหมอเหริน
ภรรยาของคุณหมอเหรินมีอาการไอแห้ง และจำเป็นต้องใช้โสมอเมริกันชนิดเม็ดตลอดทั้งปีเพื่อบรรเทาอาการนั้น
แต่โสมอเมริกันแบบนี้ไม่มีจำหน่ายในจีน โดยปกติแล้วพวกเขามักจะฝากผู้อื่นซื้อจากฮ่องกงและต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็ยังไม่ใช่โสมอเมริกันคุณภาพสูง
คุณหมอเหรินมีความสุขมากเมื่อได้รับโสมอเมริกันหกขวดจากฟางจั๋วหราน และตกลงที่จะไปหาผู้นำสีเพื่อทำการรักษาเขาทันที
หลังจากที่คุณหมอเหรินตัดสินใจแล้ว หลินม่ายไปนัดหมายกับหัวหน้าสีเพื่อพบแพทย์แผนจีน
พ่อของหัวหน้าสีป่วยด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน และต้องการพบแพทย์แผนจีนด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เร่งด่วน แพทย์แผนจีนจึงบอกคุณพ่อสีตรงๆ ว่ายาจีนไม่สามารถรักษาเขาได้ และแนะนำให้เขาไปโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด
แต่น้องสาวของคุณพ่อสีซึ่งเป็นอาของหัวหน้าสีก็ป่วยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเสียชีวิตด้วยอาการแพ้ยาฝรั่ง
ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อสีจึงไม่เคยใช้ยาฝรั่งเลย
แม้แพทย์แผนจีนจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเกลี้ยกล่อมคุณพ่อสี แต่คุณพ่อสีก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด จะไปพบเพียงแพทย์แผนจีน และในที่สุดก็เสียชีวิตด้วยความเจ็บปวด
ในตอนนั้นหัวหน้าสีมีอายุเพียงหกถึงเจ็ดขวบ และคุณพ่อสีก็ไม่ได้พาเขาไปพบแพทย์จีนด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ความลับเบื้องหลัง
แต่เขากลับตัดสินว่าการแพทย์แผนจีนผิด และกล่าวโทษแพทย์แผนจีนว่าเป็นสาเหตุการตายของบิดา และไม่เคยไปพบแพทย์แผนจีนอีกเลย
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าหลินม่ายต้องการให้เขาไปพบแพทย์แผนจีน เขาจึงปฏิเสธทันทีโดยบอกว่าเขายุ่งกับงานและไม่มีเวลาไปโรงพยาบาล
เขารู้ว่าทำไมหลินม่ายถึงห่วงใยเขามาก เพราะเธอต้องการดูแลโครงการชุมชนครอบครัวพนักงานของสำนักการรถไฟไม่ใช่หรือ?
เขาพูดทางโทรศัพท์ “ผมสัญญากับผู้จัดการเจียวว่าจะมอบชุมชนครอบครัวพนักงานให้คุณเป็นคนดูแล ผมจะรักษาคำพูดอย่างแน่นอน คุณวางใจได้”
หลินม่ายหัวเราะสองสามครั้งจากปลายสาย “ฉันค่อนข้างโลภนะคะ ฉันต้องการโครงการของหน่วยของคุณ และฉันก็ต้องการให้หัวหน้าสีมีสุขภาพแข็งแรงด้วย ไม่รู้ว่าหัวหน้าสีจะตอบสนองความปรารถนาอันน้อยนิดของฉันได้หรือไม่?”
หลินม่ายพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนทำให้คนฟังรู้สึกดี
นอกจากนี้ เธอยังยอมรับอย่างเปิดเผยว่าต้องการโครงการพื้นที่ครอบครัวของสำนักการรถไฟ ซึ่งทำให้หัวหน้าสีรู้สึกว่าเธอเป็นคนตรงไปตรงมา
แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่เอาแต่ประจบประแจงเขา เพราะต้องการผลประโยชน์จากเขา แต่เขาแค่ปฏิเสธที่จะยอมรับมัน
แม้หัวหน้าสีจะรู้ว่าคำพูดของหลินม่ายที่ต้องการให้เขามีสุขภาพแข็งแรงนั้นไม่น่าเชื่อถือ แต่น้ำเสียงของเธอนั้นจริงใจเกินไป แม้จะไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็น่าประทับใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหัวหน้าสีจะมีความประทับใจที่ดีต่อหลินม่ายมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อการแพทย์แผนจีนได้ ดังนั้นเขาจึงยังคงปฏิเสธ
หลินม่ายเกลี้ยกล่อมเขาต่อไปอย่างอดทน “ฉันรู้ว่าหัวหน้าสีมีงานยุ่งมาก ดังนั้นฉันจึงไม่ให้หัวหน้าสีไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์แผนจีน แต่ฉันได้เชิญแพทย์แผนจีนผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลโหย่วเหอให้มาที่นี่เพื่อช่วยวินิจฉัยและรักษาหัวหน้าสีให้ ซึ่งจะไม่ทำให้เวลาทำงานของคุณล่าช้า และคุณก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลด้วย”
หลังจากพูดเช่นนี้ เธอก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง “คุณหมอเหรินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนที่รักษาปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารโดยเฉพาะ”
หัวหน้าสีไม่สนใจว่าคุณหมอเหรินจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษากระเพาะอาหารหรือไม่
แต่เขารู้สึกถูกชะตาเล็กน้อย
เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจของหลินม่ายที่ห่วงใยและต้องการครอบครองโครงการชุมชนพนักงานรถไฟของเขา
เธอไม่ลังเลที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์หมอทั้งหมดจากโรงพยาบาลมาทำการรักษาเขาโดยไม่สนราคาที่ต้องจ่าย!
โรงพยาบาลโหย่วเหอเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองหลวง การเชิญผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์หมอที่นั่ยมาขอคำปรึกษานั้นยากยิ่งกว่าสิ่งใด
หัวหน้าสีเป็นผู้นำมาหลายปีแล้ว ผู้คนมากมายล้วนมอบบุหรี่ ไวน์ ของขวัญหลากหลายชนิด กระทั่งซองแดงเพื่อขอให้เขาทำสิ่งต่าง ๆ
แต่เขาเพิ่งได้เห็นคนผู้นี้ที่พยายามแสวงหาการรักษามาให้เขาซึ่งทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
คนอื่น ๆ ที่ทำดีกับเขาก็เพียงเพื่อมองหาผลประโยชน์บางอย่างจากเขา
แม้จะมีคนมอบยาให้กับเขา แต่ยาพิเศษเหล่านั้นล้วนไม่เหมาะกับอาการของเขา เมื่อได้รับมาก็ไร้ประโยชน์
หลินม่ายพยายามอย่างมากที่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์หมอมาตรวจรักษาเขา ซึ่งเป็นการปฏิบัติด้วยใจที่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
เมื่อเห็นความจริงใจของหลินม่าย หัวหน้าสีจึงตกลงอย่างไม่เต็มใจที่จะไปพบหมอแผนจีนเพื่อตรวจหาปัญหากระเพาะของเขา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ให้ใจไป ก็มีโอกาสจะได้ใจตอบแหละนะ
ไหหม่า(海馬)