พระพุทธศาสนาเริ่มจากใจ
ดังนั้นตัวตนของหงส์เพลิงในพระพุทธศาสนาจึงไม่ได้มีไว้เพื่อการเข่นฆ่า
แต่ที่จริง นางคือคนเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวได้
”อมิตาพุทธ” สามเณรทั้งหลายเอ่ยพลางยิ้มให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย พวกเขาดูสดใสและเปี่ยมไปด้วยเมตตา
ในเวลาเดียวกันนั้น สามเณรน้อยก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขา และยกแขนขึ้นกอดรอบเอวของเฮ่อเหลียนเวยเวย เด็กชายตัวเล็กอย่างมาก เขาเงยหน้ามองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยดวงตาเป็นประกาย ”พระอรหันต์ ข้ารู้ว่าท่านจะต้องกลับมาขอรับ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเกียจคร้านว่า ”เอ่อ แต่ตอนนี้ข้ากำลังจะกลับโลกมนุษย์”
”ไปเถิดขอรับ” สามเณรน้อยยิ้ม แล้วจึงพูดต่อ ”ข้าจะสวดมนต์ให้ท่านอยู่ที่แดนพระพุทธศาสนา และอธิษฐานให้พระพุทธองค์ปกป้องคุ้มครองท่านขอรับ แต่จะว่าไปก็แปลกยิ่งนัก สหายของข้าได้เป็นพระอรหันต์กันหมดแล้ว แต่ทำไมข้ากลับยังเป็นเช่นนี้อยู่ล่ะขอรับ”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงเงียบ สามเณรน้อยจึงมองมือเล็กๆ ของเขา แล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเสริมว่า ”ข้าคงยังพยายามไม่พอสินะขอรับ ข้าจะตั้งใจท่องพระไตรปิฎก และจะทำความสะอาดที่ที่ท่านเคยอยู่ทุกวันด้วยนะขอรับ ท่านอยากกลับมาเมื่อใดก็กลับมาได้เลย”
ไม่มีใครพูดอะไรเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของสามเณรน้อย แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าถ้าหงส์เพลิงไปจากที่นี่ตอนนี้ละก็…
นางจะไม่มีทางได้กลับมาที่พระพุทธศาสนาอีก
นางใช้พลังมากเกินไป และนางก็ตั้งครรภ์อยู่
ถ้าหากนางต้องการกลับมาอยู่ในพระพุทธศาสนา นางจะต้องยอมถอดใจเรื่องลูกๆ ของตัวเอง
หงส์เพลิงย่อมไม่มีทางทำเช่นนั้น
นางต้องการควบคุมชีวิตของตัวเอง และทำในสิ่งที่นางปรารถนา
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สามเณรน้อยอยากพูด แต่เขายังเด็กเกินไป และสติปัญญาของเขาก็ยังตื้นเขินเกินกว่าจะเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าชะตากรรม
”ข้าจะจดจำไว้ว่ายังมีเจ้าอยู่ในพระพุทธศาสนา” เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มหน้าลง แล้วลูบศีรษะของสามเณรน้อย จากนั้นร่องรอยแห่งความทรงจำครั้งสุดท้ายตอนที่นางกระเทาะเปลือกตัวเองออกมาก็พลันกลับคืนมา มันเป็นภาพของใบหน้าเล็กๆ ที่สามารถทนต่อความทุกข์นานับประการบนโลกนี้ได้ ใบหน้านี้ช่างเป็นใบหน้าที่นางคุ้นเคยอย่างยิ่ง จากนั้นนางจึงพึมพำออกมาเบาๆ ว่า ”ศากยมุนี…”
สามเณรน้อยได้ยินไม่ค่อยชัด เขาจึงถามว่า ”พระอรหันต์ ท่านว่าอะไรนะขอรับ”
”ไม่มีอะไร” เฮ่อเหลียนเวยเวยดึงมือกลับ แล้วมองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เมื่อเห็นว่าเขากำลังจ้องมองสามเณรน้อยที่กอดเอวนางอยู่ นางก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อครู่นี้ข้าถึงรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา ดูเหมือนองค์ชายจะเริ่มหึงขึ้นมาอีกแล้ว
สามเณรน้อยยังคงทำท่าจะพูดอะไรขึ้นอีก
แต่เขาก็ถูกน้ำเสียงลุ่มลึกเย็นชานั้นตัดบทเอาเสียก่อน ”เจ้าไม่ต้องท่องพระไตรปิฎกแล้วหรือ”
สามเณรน้อยไม่กล้าเถียงกับตี้จวิน ดังนั้นเขาจึงตอบเสียงเบาว่า ”ข้าอยากส่งพระอรหันต์กลับขอรับ เดี๋ยวข้าค่อยท่องพระไตรปิฎกทีหลังก็ได้”
”นางเป็นของข้า นางจำเป็นต้องให้เจ้ารอส่งนางด้วยหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถามพร้อมกับดึงเฮ่อเหลียนเวยเวยมายืนข้างๆ จากนั้นเขาก็มองสามเณรน้อยอย่างไร้อารมณ์ และเสริมว่า ”ถ้าเจ้าเอาแต่ผัดวันประกันพรุ่ง แล้วเมื่อใดเจ้าถึงจะได้เป็นพระอรหันต์ คนรอบตัวเจ้าล้วนแต่เป็นพระอรหันต์กันหมดแล้ว แต่เจ้ากลับยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ เจ้าไม่เคยสงสัยหรือว่าทำไม”
สามเณรน้อยไม่พอใจ แต่เขาก็ซ่อนโทสะนั้นไว้ภายใต้ความเงียบขณะมองไปที่อีกฝ่าย จากนั้นจึงบอกกับหงส์เพลิงว่า ”ลาก่อนขอรับพระอรหันต์ ข้าจะไปท่องพระไตรปิฎกเดี๋ยวนี้ ข้าจะต้องเป็นพระอรหันต์ให้ได้ ข้าสัญญาขอรับ!”
หลังจากพูดจบ สามเณรน้อยก็วิ่งออกไปพร้อมหอบคัมภีร์พระไตรปิฎกไว้ในอ้อมแขน เขาเริ่มตั้งหน้าตั้งตาท่องพระไตรปิฎกพร้อมกับกัดปลายพู่กันไปด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองแผ่นหลังของเขาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเล็กน้อย ภายใต้แสงอันเรืองรองนี้ ทุกอย่างช่างดูเงียบสงบอย่างมาก
บุตรแห่งราชานรกลูบคาง เขาเดาะลิ้นสองครั้ง และจึงกล่าวว่า ”พระพุทธองค์ทรงมีใบหน้านับล้าน ข้าว่าสมเด็จก็คงไม่นึกเลยด้วยซ้ำว่าวาสนาต่อพระพุทธศาสนาของพระศากยมุนีจะกลายเป็นต้นโพธิ์ ส่วนร่างจริงของเขาจะกลับกลายมาเป็นเด็กคนนี้”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนอยู่ข้างเขา และพูดด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนและสง่างาม แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชา ”เด็กทุกคนล้วนแต่เป็นภาระ โดยเฉพาะเด็กคนนี้ ข้าเคยคิดว่าเขาค่อนข้างน่ารำคาญทีเดียว ที่แท้สาเหตุก็มาจากเรื่องนี้นี่เอง”
บุตรแห่งราชานรกพูดไม่ออก : …ช้าก่อน ราชาปีศาจ ถ้าท่านคิดจะฆ่าเขาเพราะเรื่องนี้ มันก็ออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า
แต่สามเณรน้อยก็กลัวราชาปีศาจอย่างมาก ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำให้อีกฝ่ายรำคาญ
”ไปกันเถอะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้นจูบริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ดวงตาของชายหนุ่มดูอ่อนโยนลง รอยยิ้มของเขาดูเป็นปกติมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาได้
ยิ่งเมื่อเขาออกเดินพร้อมกับโอบเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้โดยมีปีศาจนับพันตนติดตามอยู่ข้างหลัง แม้พวกมันจะกวัดแกว่งกรงเล็บไปมา แต่ในเวลาเดียวกันนั้น พวกมันก็ดูเชื่อฟังเขามากอย่างน่าเหลือเชื่อ
ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ความรักของเขาดูเหมือนจะมีไว้เพื่อคนคนเดียวเท่านั้น ในขณะที่สิ่งอื่นบนโลกใบนี้ต่างต้องทนทุกข์ทรมานกับความชั่วร้ายและความโหดเหี้ยมอันไร้ที่สิ้นสุดของเขา…
เขาไม่ทันสังเกตเห็นความเศร้าที่อยู่ลึกลงไปในดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยตอนที่นางก้มหน้าลง
นี่เป็นครั้งแรกที่เฮ่อเหลียนเวยเวยแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา
นางมั่นใจในตัวเองอย่างมากกับทุกสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่นางเริ่มรู้สึกลังเลหลังจากได้ยินคำทำนายครั้งสุดท้ายของสมเด็จก่อนที่เขาจะสิ้นใจ
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็จะต้องซ่อนมันไม่ให้เขาเห็น
บางที หลังจากนี้ไป นางควรจะปลูกฝังให้เขามีความสัมพันธ์อันดีต่อลูกๆ
โดยพื้นฐานนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยมักจะลงมือทันทีหลังจากคิดอะไรได้
หลังจากกลับมาที่รถม้า นางก็บอกให้ชายหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสือขยับตัวเข้ามาฟังเสียงในท้องของนาง
แต่เขากลับเพียงแค่เหลือบตามองนาง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า ”ตอนนี้อาการเจ้าไม่ค่อยดี ไม่ควรมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิด เจ้าเลิกยั่วยวนข้าได้แล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยอึ้งกับคำตอบนั้นจนพูดไม่ออก…