เฉินเสี่ยวถงเดินไปข้างหลังหลี่โม่
เธอเห็นว่าชาวต่างชาติที่หน้าตาอัปลักษณ์กำลังถือบางอย่างที่ดูเหมือนเข็มฉีดยาอยู่ในมือ และเลือดมากกว่าสิบมิลลิลิตรถูกดูดเข้าไปในหลอดฉีดยาแล้ว
เนื่องจากว่าเขาไม่ได้เจาะเข้าไปในท่อเลือดแดง ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการเก็บตัวอย่างเลือดจากเส้นเลือดฝอย หากเจาะเข้าไปในท่อเลือดแดง การเก็บเลือดคงเสร็จสิ้นแล้วในเวลานี้
เฉินเสี่ยวถงรู้สึกอึ้งมาก แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำเช่นนี้ แต่เฉินเสี่ยวถงรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องทำอะไรไม่ดีแน่ๆ
“คุณกำลังทำอะไรน่ะ!”
เฉินเสี่ยวถงตะโกนใส่เขา และพุ่งเข้าหาชาวต่างชาติที่หน้าตาอัปลักษณ์ทันที
ชาวต่างชาติที่กำลังดูปากกาเจาะเลือดทันใจอยู่ตกใจกับเสียงตะโกนของเฉินเสี่ยวถงมาก
เมื่อเห็นว่ามีคนสังเกตเห็นตัวเขาแล้ว เขาก็รีบเก็บปากกาเจาะเลือดอย่างรวดเร็ว และกำลังจะรีบหนีออกไป
แม้ว่าเลือดจำนวนสิบมิลลิลิตรจะไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะนำกลับไปส่งงานได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดของหลี่โม่ได้มากกว่านี้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะวิ่งหนี สมองของเฉินเสี่ยวถงก็ร้อนรน เธอพุ่งเข้าไปคว้าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“อย่าหนีสิ! พี่หลี่โม่รีบมาเร็วๆ ! เขาเก็บตัวอย่างเลือดของคุณน่ะ!”
เฉินเสี่ยวถงดึงมุมเสื้อด้านหลังของอีกฝ่ายอย่างดื้อรั้น และหันไปตะโกนเรียกหลี่โม่
หลี่โม่หันกลับไปทันที และมองไปที่เฉินเสี่ยวถงและชาวต่างชาติที่ถูกเธอจับตัวไว้
เมื่อชาวต่างชาติคนอื่นๆเห็นว่าเรื่องราวถูกเปิดเผยแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็เริ่มพากันรุมตีหลี่โม่เพื่อถ่วงเวลาให้กับพรรคพวกของพวกเขา
ส่วนชาวต่างชาติที่ถูกเฉินเสี่ยวถงจับตัวไว้ได้ตัดสินใจยกเท้าขึ้นและเตะใส่เฉินเสี่ยวถงอย่างอำมหิต เฉินเสี่ยวถงรีบหลบ แต่ก็ยังถูกเตะเข้าที่ต้นขาด้านนอกจนล้มตัวลงนอนกับพื้นในทันที
คางเหวินซิงที่ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติรีบวิ่งเข้ามา และกระโดดไปที่ชาวต่างชาติที่กำลังจะหลบหนี ในที่สุดเขาก็กอดเท้าของอีกฝ่ายได้ก่อนที่เขาจะลงนอนกับพื้น และดึงให้ชาวต่างชาติที่กำลังวิ่งหนีลงไปนอนกับพื้น
“เชี่ย! ไอ้พวกสารเลวเอ๊ย!”
ชาวต่างชาติที่ล้มลงกับพื้นเตะคางเหวินซิงอย่างสุดแรงสองที: “ปล่อยนะ ไอ้สารเลว! ปล่อยเท้าขวาของฉันเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ ฉันไม่ปล่อย!”
คางเหวินซิงกล่าวด้วยความเจ็บปวด
ชาวต่างชาติคนนั้นโมโหจนกัดฟันกรอดๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบกริชออกมาจากหลังของเขา จากนั้นก็พลิกตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อที่จะฆ่าคางเหวินซิงโดยตรงและหาโอกาสหลบหนีไป
แต่หลังจากที่เขาหยิบกริชออกมาได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงลมพัดอย่างแรงดังขึ้นตามมาด้วยฝ่าเท้าลอยมาจากอากาศ และเตะใส่มือที่ถือกริชของเขาจนกระดูกหัก!
“โอ๊ย!”
ชาวต่างชาติคนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และมองไปที่หลี่โม่ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยความตื่นตระหนก
ชาวต่างชาติทุกคนที่ล้อมรอบหลี่โม่ก่อนหน้านี้ได้ล้มลงกับพื้นเกือบหมดแล้ว แต่ละคนอาเจียนเป็นเลือดออกมาดูแล้วเหมือนคนที่กำลังจะสิ้นลมหายใจไม่มีผิด แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกรีดร้องก็ยังไม่มี
“นี่คุณ…คุณจะทำอะไร! ฉันไม่เกี่ยวนะ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแคลตี้ แคลตี้เป็นคนบอกให้ฉันทำ!”
ชาวต่างชาติที่หน้าตาอัปลักษณ์คนนี้สติแตกโดยสิ้นเชิง หยิบปากกาเจาะเลือดทันใจออกมาจากอ้อมแขนแล้วโยนมันทิ้งบนพื้น เขาเลือกที่จะขายเพื่อนร่วมทีมของตัวเองโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“แคลตี้ เป็นคนขอให้เราเก็บตัวอย่างเลือดของคุณ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”
“แคลตี้? ผู้จัดของการแข่งมวยดำงั้นเหรอ?”
หลี่โม่ก้มลงหยิบปากกาเจาะเลือดทันใจขึ้นมาดูอย่างรวดเร็วแล้วยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อของเขา จากนั้นหันหลังและเดินไปทางเฉินเสี่ยวถง และประคองเฉินเสี่ยวถงที่ล้มลงกับพื้นให้ลุกขึ้นมา
เมื่อเห็นหลี่โม่มาประคองตัวเอง เฉินเสี่ยวถงก็รู้สึกอบอุ่นในใจ เธอยกมือกอดคอหลี่โม่ด้วยสองมือ หรือแม้แต่คู่เท้าของเธอก็แทบจะเกาะบนตัวของหลี่โม่อยู่แล้ว
หากตัวเองสามารถแปะอยู่บนร่างของหลี่โม่เหมือนปลาหมึกตัวหนึ่งจะดีขนาดไหนนะ! เฉินเสี่ยวถงอดเพ้อฝันไม่ได้
หลี่โม่ขมวดคิ้ว และดึงเฉินเสี่ยวถงลูกขึ้น จากนั้นก็มองไปที่เฉินเสี่ยวถงที่ตัวติดกับเขาอย่างใกล้ชิดและพูดว่า: “หยุดโวยวายได้แล้ว ฉันกำลังยุ่งอยู่”
“เขาไม่ได้โวยวายสักหน่อย! เขารู้สึกกลัวจังเลย รู้ไหมเมื่อสักครู่นี้เขานึกว่าเขาจะไม่ได้เจอพี่หลี่โม่อีกต่อไปแล้ว”
เฉินเสี่ยวถงพูดด้วยเสียงหวาน
หลี่โม่รู้สึกมีจุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา และไม่รู้ว่าควรใช้คำใดมาด่าว่าเฉินเสี่ยวถงแล้ว
คางเหวินซิงลุกขึ้นด้วยตัวเอง และไม่เคยคิดที่จะรอให้หลี่โม่มาพยุงตัวเขาอยู่แล้ว
ชาวต่างชาติที่หน้าตาอัปลักษณ์กลอกตาไปมาหลายครั้งและรู้สึกว่าเวลานี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการหลบหนีแล้ว
ชาวต่างชาติพลิกตัวยืนขึ้นอย่างว่องไว และวิ่งเต็มฝีเท้าไปด้านนอกอย่างสุดขีด
“บ้าเอ๊ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
คางเหวินซิงตะโกนและกำลังจะวิ่งออกไปตามไล่เขา
หลี่โม่เบ้ปากเบาๆ จากนั้นก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าของเขาแล้วโยนมันออกไป
กระดาษดังกล่าวเป็นแผงโฆษณาขนาดเล็กที่พิมพ์บนกระดาษแข็ง หลี่โม่ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าของเขาเมื่อใด แต่มันดีตรงที่สามารถใช้มันเป็นอาวุธลับในขณะนี้
กระดาษหมุนและบินออกไปด้วยความเร็วสูง และบินไปข้างหลังชาวต่างชาติในชั่วพริบตา
พัฟ!
กระดาษที่หมุนด้วยความเร็วสูงบาดลงที่ต้นขาชาวต่างชาติที่กำลังวิ่งอยู่ราวกับใบมีดคม
ตูม!
ความเจ็บปวดที่ต้นขาอย่างรุนแรงทำให้ต้นขาชาวต่างชาติสูญเสียเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้ชาวต่างชาติที่กำลังวิ่งเต็มฝีเท้านั้นสูญเสียการทรงตัวจนล้มลงกับพื้นทันที
“โอ้โห! พี่หลี่โม่เก่งที่สุดเลย!”
เฉินเสี่ยวถงกระโดดในอ้อมแขนของหลี่โม่
มีความรู้สึกแปลกๆ ปรากฏในใจของหลี่โม่ เขาเอื้อมมือไปผลักเฉินเสี่ยวถงออกไปเบาอย่างแผ่วเบา: “เอาล่ะ หยุดโวยวายได้แล้ว ฉันยังมีบางอย่างจะถามเขา”
“ก็ได้” เฉินเสี่ยวถงทำหน้ามุ่ยด้วยความน้อยใจ และปล่อยหลี่โม่อย่างไม่เต็มใจนัก
หลี่โม่เดินไปหาชาวต่างชาติที่ล้มคะมำ และยกเท้าขวาขึ้นมาเหยียบลงที่หน้าอกของเขาอย่างหนัก
ชาวต่างชาติรู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณหน้าอกราวกับโดนค้อนทุบที่หน้าอกของเขา ตามด้วยของเหลวที่พ่นเข้าไปในลำคอของเขา ในที่สุดก็พ่นเลือดออกมาเต็มปาก
“ฉัน… ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะ…จะไม่วิ่งหนีอีกต่อไป”
“แคลตี้อยู่ที่ไหน?”
หลี่โม่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หลังเวที ห้องควบคุมหลังเวที ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลย!”
หลี่โม่ยิ้มอย่างเย็นชาและเตะใส่ที่ด้านข้างของหัวชาวต่างชาติ หัวของชาวต่างชาติเอียงไปด้านข้างและหมดสติโดยสิ้นเชิง
“อาจารย์ครับ คุณจะไปจับแคลตี้ที่ห้องควบคุมเหรอครับ?”คางเหวินซิงเดินมาถามเขา
“แน่นอน ยังไงก็ตามเราต้องเอาเงินเดิมพันของเรากลับมาให้ได้”
คางเหวินซิงอึ้งไปชั่วขนาดหนึ่ง เขาไม่คาดคิดว่าจนถึงป่านี้แล้วหลี่โม่ยังคงจำเรื่องที่จะถอนเงินเดิมพันได้
ฉู่จงเทียนวิ่งเข้ามาจากประตูด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด: “คุณหลี่ครับ พวกแคลตี้หนีไปแล้ว คนของฉันจับพวกเขาไม่ได้!”
หลี่โม่ชำเลืองมองฉู่จงเทียน ในขณะนี้สภาพของฉู่จงเทียนดูทรุดโทรมมาก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล
และกลุ่มคนที่ตามหลังก็คือเหล่าลูกน้องของฉู่จงเทียน พวกเขาแต่ละคนก็มีบาดแผลตามลำตัวเช่นกัน ราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดเพิ่งผ่านการบดขยี้อย่างรุนแรงมา
ก่อนที่หลี่โม่จะเข้ามาหาเฉินเสี่ยวถงและคนอื่นๆ เขาสั่งให้ฉู่จงเทียนติดต่อผู้จัดงานแข่งมวยดำแล้ว เพราะเรื่องนี้พัวพันถึงเงินเดิมพันจำนวนมหาศาล อย่างไงก็ต้องให้ผู้จัดงานออกมารับผิดชอบให้ได้
ดังนั้นฉู่จงเทียนจึงกลับไปหาแคลตี้ และเพื่อความปลอดภัย ฉู่จงเทียนจึงพาลูกน้องของเขาไปด้วย
แต่ทันทีที่เขาเข้าประตูด้านข้าง เขาก็ได้เจอกับแคลตี้และคนอื่นๆ ที่กำลังเดินออกจากที่นี่พอดี
และเพื่อที่จะให้แคลตี้กับทอมป์สันหลบหนีได้อย่างราบรื่น ฉู่จงเทียนยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ คนของแคลตี้ก็ลงไม้ลงมือกับเขาก่อนแล้ว