ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ – ตอนที่ 39

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

            ขอบคุณทุกท่านที่เข้าสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต

           ในที่สุดวันนี้ก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งนับแล้วก็เป็นครั้งที่ 16 ในชีวิตนี้ของฉัน

           ตั้งแต่เมื่อคืน ฉันได้รับข้อความจากเซริตั้งแต่ตอนเที่ยงคืนตรง เนื้อในเปิดประโยคขึ้นมาด้วยความว่า Happy Birthday ตามด้วยคำอวยพรต่างๆ นานา ปิดท้ายด้วยการขอให้มีหนุ่มหล่อเป็นของตัวเองไวๆ ซึ่งอันสุดท้ายนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ

           ฉันส่งข้อความขอบคุณเซริกลับไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้นจึงเข้านอน และตอนนี้ก็กำลังกินขนมปังเป็นอาหารเช้าอยู่ที่บ้านพร้อมกับพ่อ

           ใช่แล้ว ฉันกลับมาอยู่บ้านตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อน ซึ่งตอนนั้นต้องมานั่งตอบคำถามของพ่อกับแม่อย่างจริงจังอย่างที่ไม่ค่อยได้เคยเจอนัก สาเหตุก็มาจากพี่สาวของฉันทำการวางระเบิดเรื่องที่ฉันทำข้าวกล่องเยอะแยะไปให้อาคิยามะกับเพื่อนแต่พี่ดันเข้าใจผิดคิดว่าทำไปให้นิโนะมิยะซะนี่

           เพราะความเข้าใจผิดนี้ พอกลับมาบ้านเธอก็มาโม้ให้แม่กับพ่อฟังซะยกใหญ่ว่าฉันทำข้าวกล่องให้เพื่อนผู้ชาย ตอนแรกก็ดูจะเป็นการแซวกันเล่นขำๆ แต่พอฉันแก้ตัวไปแก้ตัวมา เรื่องก็เลยแดงขึ้นมาทั้งหมด

           ทั้งเรื่องที่ฉันถูกกลุ่มผู้ชายรุมหาเรื่อง เรื่องที่อาคิยามะเข้ามาช่วย เรื่องที่เขาเดินมาส่ง รวมถึงเรื่องตุ๊กตาหมีตัวใหม่ที่พี่สาวแซวมาตลอดว่านายหน้าหล่อให้มาหรอนั่น

           กว่าจะกล่อมพ่อได้ว่ามันไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตให้สงบลงได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมตัวต้นเรื่องที่ตั้งใจจะแกล้งเขาก็โดนพ่อกับแม่สวดยับไปด้วย

           สุดท้ายทั้งฉันและพี่ก็เลยต้องสัญญากับพ่อแม่ว่าถ้ามีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกจะต้องรีบบอกพวกท่านทันที การประชุมครอบครัวครั้งนั้นจึงได้จบลง

           เสียงจากรายการข่าวในโทรทัศน์แววมา ดูเหมือนว่าจะมีการก่อตัวของพายุอยู่นอกชายฝั่งที่อาจจะพัฒนาไปเป็นไต้ฝุ่นได้

           ฉันกลืนขนมปังคำสุดท้ายแล้วกระดกน้ำผลไม้ตามลงไป จากนั้นจึงเก็บจานและแก้วของตัวเองไปล้างก่อนจะคว้ากระเป๋าที่วางบนเก้าอี้ข้างๆ ที่ฉันนั่งเมื่อกี้แล้วเดินไปสวมรองเท้าที่หน้าประตู

           “หนูไปแล้วนะคะ”

           ร้องบอกพ่อกับแม่แล้วก็เดินออกมาจากบ้าน ทันทีที่เปิดประตูลมร้อนจากภายนอกก็พัดเข้ามาตีหน้าเข้าอย่างจัง

           แม้ว่าจะยังไม่ร้อนถึงขั้นที่เรียกเหงื่อได้ทันทีทันใด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างอุณหภูมิในบ้านและนอกบ้าน

           “ยังไม่เข้าฤดูร้อนแท้ๆ ทำไมอากาศถึงได้ร้อนไวขนาดนี้”

           บ่นไปเดินไปท่ามกลางท้องฟ้าสดใสและแสงแดดที่แรงขึ้นเรื่อยๆ

           การกลับมาอยู่บ้านทำให้ฉันต้องตื่นเร็วขึ้นและออกจากบ้านไปโรงเรียนเร็วกว่าปกติ รวมๆ แล้วก็ใช้เวลาราว 30 นาที เห็นจะได้ ดังนั้นแล้วแทนที่จะออกจากบ้านตอน 7.30 น. ก็ทันเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เลยต้องออกตั้งแต่ 7.00 น. แทน

           พอมาถึงห้องเรียน สิ่งแรกที่ทำให้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แตกต่างจากวันอื่นๆ ก็คือการเซอร์ไพรส์ของเซริ

           แม่เพื่อนสาวของฉันเอาถุงของขวัญวันเกิดมาเซอร์ไพรส์กันถึงในห้องเรียนพร้อมกับบอกสุขสันต์วันเกิดเสียงดังแบบไม่แคร์ใคร เรียกร้องสายตาของเพื่อนร่วมห้องให้หันมามองที่เราสองคนได้เป็นอย่างดี

           ฉันที่เริ่มจะอายเพราะตกเป็นเป้าสายตาทำได้แค่ปรามเพื่อนสาวให้ลดความคึกคักลง ก่อนจะนั่งคุยกันเบาๆ

           “เธอนี่เสียงดังไปแล้วนะ คนอื่นมองเต็มเลย”

           “ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ว่าแต่นิโนะมิยะให้ของขวัญอะไรมาหรอ?”

           เห็นเซริหัวเราะคิกคัก ฉันก็ทำได้แค่ถอนหายใจใส่เธอไปแรงๆ แต่แทนที่จะสำนึกเธอกลับยิ่งหัวเราะชอบใจ

           “ของขงของขวัญอะไร ฉันไม่ได้บอกวันเกิดใครนอกจากเธอนิ”

           “ฮิๆๆ ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็รู้กันทั้งห้องแล้ว”

           “เธอเนี่ยนะ เฮ้ออ…”

           ครืดดด…

           ประตูห้องเลื่อนเปิดออกแล้วชายหนุ่มสองคนก็เดินเข้ามา

           อาซาวะ อาซาซึกิ หนุ่มเท่มาดนักกีฬาเจ้าของตำแหน่งปีกขวาตัวจริงของชมรมฟุตบอลทั้งที่อยู่แค่ปีหนึ่ง สาวๆ หลายคนแอบชอบเขาอยู่ไม่น้อย แต่รุ่นพี่บางคนในชมรมไม่ชอบเขานัก ส่วนเพราะอะไรฉันก็คร้านจะสนใจ

           และอีกคนที่เดินคู่กันมา นิโนะมิยะ เรียว เอชคนใหม่ของชมรมกรีฑา ชายผู้เป็นที่หมายปองของเด็กผู้หญิงทั่วโรงเรียน แต่เขากลับมาสนใจฉันซะงั้น ทำเอาฉันตกเป็นเป้าของความอิจฉาจากบรรดาแฟนคลับเขาอยู่พักใหญ่ๆ เลย

           ฉันมองไปที่เขาในจังหวะเดียวกับที่เขามองมาพอดี เราสบตากันในแบบที่ตัวเอกในนิยายหรือมังงะมักจะทำแล้วเขินอาย แต่ในความเป็นจริงเราแค่พยักหน้าเป็นการทักทายกันเท่านั้น จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ส่วนฉันก็หันมาหาเซริต่อ

           ชิ้งงงง…

           แวบแรกที่เห็นประกายในดวงตาของเซริ เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังขึ้นมาในหัว

           “ยังไงๆๆ”

           เซริเหล่มองฉันด้วยสายตาแบบจับผิดเต็มที่ มุมปากเธอนี่ยกยิ้มแบบผู้ที่กำชัยชนะไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว

           “อ..อะไร?”

           เผลอตะกุกตะกักตอบไปซะได้ เซริยิ้มออกมาทันที สีหน้าของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนราวกับจะเขียนไว้เป็นตัวหนังสือว่า บอกมาซะดีๆ

           “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ!!”

           หลังตัดบทเพื่อนสาวไปแล้วฉันก็หนีด้วยการหยิบบทเรียนของวิชาที่จะเรียนในคาบต่อไปขึ้นมา แต่เซริก็ยังไม่ยอมจากไปไหน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดๆ อยู่สักพักก่อนจะยื่นมาจ่อที่หน้าฉัน

           หน้าจอโทรศัพท์แสดงภาพฉันที่กำลังทาครีมบำรุงหน้าก่อนนอนอยู่ ฉันมองเซริสลับกับจอโทรศัพท์ของเธอ ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการให้ฉันดูอะไร

           พอเห็นฉันทำหน้างงเธอก็เอาโทรศัพท์กลับไป คราวนี้ดูเหมือนกำลังซูมรูปภาพแล้วก็ยื่นให้ฉันดูอีกครั้ง

           บนหน้าจอเป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลปนเหลืองขนปุ๋ยตัวใหญ่ ที่พอวางไว้บนที่นอนแล้วเหมือนมีลูกหมีจริงๆ มาวางอยู่เลย

           เห็นแล้วก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ฉันเบนสายตาไปมองเซริ ในใจก็เริ่มคิดว่าต่อไปแม่นี่น่าจะทำอาชีพนักสืบได้

           “ฉันจำตุ๊กตาหมีทุกตัวในห้องเธอได้ แต่กลับไม่เคยเห็นจ้านี่”

           เซริเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำจริงจัง สีหน้าท่าทางเหมือนเด็กแว่นตอนกำลังเริ่มไขคดีอีกครั้ง

           “เอาหล่ะที่รัก ไหนสารภาพมาซิ เธอที่แนะนำเจ้าหมีทุกตัวให้ฉันฟังอย่างมีความสุข แต่กลับไม่ยอมแนะนำเจ้านี่ ว่ามาซิว่ามันเป็นมายังไง?”

           ฉันกลืนน้ำลายดังอึก ก่อนทำใจดีสู้เสือยิ้มสู้กลับไป แต่รู้สึกได้ว่ามันเป็นยิ้มแหยๆ

           “ไม่ได้มีอะไร แค่ยังไม่ได้บอกเฉยๆ ได้มาตั้งแต่ตอนงานดนตรีฤดูฝนแล้ว”

           เซริทวนคำว่าดนตรีฤดูฝนเบาๆ สีหน้าเหมือนกำลังหวนรำลึกอดีต แล้วจู่ๆ เธอก็โพล่งออกมา

           “มีคนให้มา?”

           ฉันที่กำลังเก็บของใต้โต๊ะถึงกับสะดุ้ง รีบเงยหน้าหันไปมองรอบๆ พอไม่เห็นมีใครสนใจก็รู้สึกโล่งใจ

           “…ก็ใช่”

           อ้อมแอ้มตอบเซริไปเบาๆ แต่สายตายังหลบมองไปใต้โต๊ะทำเป็นเหมือนหาของทั้งที่ไม่มีอะไรให้หา

           “นายอาคิยามะอะไรนั่นหรอ?”

           “เอ๊ะ!”

           เผลอแสดงสีหน้าตกใจออกไปเพราะไม่คิดว่าเซริจะคาดเดาได้แม่นขนาดนี้ เซริเองก็เหมือนจะคอยสังเกตสีหน้าของฉันอยู่แล้ว พอเห็นฉันแสดงอาการออกมาเธอก็ยิ้มจนตาโค้ง

           “หืมมม…ใช่จริงๆ ซินะ”

           “กะ… ก็ใช่ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด…”

           “งั้นหรอๆ อื้มๆๆ”

           เมื่อรู้ตัวว่าเลี่ยงไม่ได้ฉันเลยยอมรับกับเซริไปตรงๆ แต่ดูเหมือนเพื่อนสาวของฉันจะไม่ยอมฟังคำอธิบายอะไรแถมยังเข้าสู่โลกจินตนาการของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

           เฮ้อออ… เพราะแบบนี้ไงถึงได้ไม่เล่าให้ฟังแต่แรก

           และในตอนที่กำลังทอดถอนใจให้กับเพื่อนรักอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงทักขึ้นมาจากข้างๆ

           “ขอโทษนะคุณโอโตเมะ ยุ่งอยู่หรือเปล่า?”

           หันไปมองก็เห็นชายหนุ่มเจ้าของเสียงมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาก้มมองฉันพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มเชิงขอโทษแต่ก็นับได้ว่าเป็นยิ้มขอโทษที่ทำให้สาวๆ พร้อมจะยกโทษให้เขาได้ทุกอย่าง

           นิโนะมิยะ เรียว พ่อเทพบุตรสุดหล่อที่ผู้หญิงหลายๆ คนในห้องหลงใหลนั่นเอง

           

           ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองจะใจฟูเวลามีคนกดหัวใจให้ งั้นก็ขอกันง่ายๆ กันตรงนี้เลยแล้วกันครับ ฝากกดหัวใจหน่อยน้าา~~

 

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

Status: Ongoing
อาคิยามะ เออิชิ เด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม… วันแรกของชีวิต ม.ปลาย เขาถูกรุ่นพี่ลากไปพัวพันกับการมีเรื่องทะเลาะวิวาทและจบลงด้วยการพาไปเลี้ยงอาหารขอโทษ ที่นั่นเขาได้เจอกับเด็กสาวผู้มีนัยน์ตางดงาม โอโตเมะ อามายะ แต่เธอกลับมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “นี่ นายน่ะ เป็นเด็กเกเรใช่ไหม?” ประโยคเปิดตัวที่ไม่ธรรมดา จะนำพาความสัมพันธ์ของพวกเขาไปในทิศทางใด…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท