ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 350 เนื้อหาในไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋ง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 350 เนื้อหาในไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋ง

ตอนที่ 350 เนื้อหาในไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋ง

“เธอคิดว่าไงล่ะ?” สีหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินมืดมนลง มองหลินเซี่ยราวกับต้องการฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ

หลินเซี่ยยืนขวางประตูพลางยิ้มเยาะเย้ย “ผู้อำนวยการเสิ่น ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณมาที่นี่เพื่ออะไร? แต่ระหว่างเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว กรุณาอย่ามาที่นี่แล้วทำสีหน้าแย่ ๆ ใส่ฉัน”

ฝ่ายผู้เฒ่าเฉินได้ยินเสียงดังเอะอะ จึงเดินเข้ามาหา

“เซี่ยเซี่ย มีอะไรหรือเปล่า?”

เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นเห็นว่าผู้เฒ่าเฉินและคุณย่าเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาก็วางท่าเย่อหยิ่งยิ่งขึ้นในทันที พูดว่า “เหล่าเฉิน พวกคุณอยู่ด้วยก็ดีแล้ว จะได้จัดการอะไรให้มันง่ายขึ้น”

“เหล่าเสิ่น พวกคุณมาทำกร่างอะไรที่นี่?” ผู้เฒ่าเฉินชักสีหน้าใส่ และเข้ามาปกป้องหลินเซี่ย

“เรามาถึงนี่ก็ต้องมีเรื่องอยู่แล้วไง” ผู้เฒ่าเสิ่นเดินตรงเข้ามาทันที มองหน้าผู้เฒ่าเฉิน และพูดด้วยน้ำเสียงคาดโทษ “คุณสองคนอยู่กันพร้อมหน้าก็ดีเหมือนกัน วันนี้ผมจะประจานให้รู้เช่นเห็นชาติไปเลย ว่าตระกูลเฉินรับหลานสะใภ้ที่เป็นนังงูพิษเข้าบ้าน”

ผู้เฒ่าเสิ่นพูดจบก็หันไปพ่นความโกรธแค้นใส่หลินเซี่ยทันที “เพื่อแก้แค้นครอบครัวของเรา แกที่อยู่บ้านนอกถึงขั้นจงใจยุให้ผู้ชายมาคุกคามอวี้อิ๋งถึงไห่เฉิงเลยเรอะ ผู้ชายคนนั้นตามไปคุกคามหล่อนที่โรงเรียนทุกวัน หนำซ้ำยังตามรังควานมาตั้งครึ่งปี แต่หล่อนไม่กล้าบอกพวกเราด้วยซ้ำ แล้วจะให้พวกเราอยู่เฉยได้ยังไง?”

“คุณเสิ่นกำลังพูดถึงเจิ้งต้าหมิงอยู่เหรอคะ?” เมื่อเทียบกับท่าทางของพวกตระกูลเสิ่น น้ำเสียงของหลินเซี่ยกลับดูสงบมากเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา

เมื่อเห็นหลินเซี่ยยอมรับ เสิ่นเถี่ยจวินก็โกรธจัดและถามด้วยความเคืองแค้น “หลินเซี่ย ทำไมแกถึงทำแบบนี้? ทำไมถึงมีจิตใจเลวทรามแต่อายุยังน้อย? ตระกูลเสิ่นเลี้ยงดูแกมาหมดเงินไปไม่น้อย แต่แกกลับตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชังเนี่ยนะ ทั้งหมดก็เพื่อทำลายชีวิตของอวี้อิ๋งงั้นเหรอ?”

“ผู้อำนวยการเสิ่น ไม่มีใครเขาอยากทำลายชีวิตหล่อนหรอกค่ะ”

หลินเซี่ยมองไปทางเสิ่นเถี่ยจวินโดยซ่อนอารมณ์ความรู้สึกไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เว้นแต่ว่าหล่อนเต็มใจทำลายชีวิตตัวเอง”

“หมายความว่าแกยอมรับใช่ไหม ว่าเป็นคนยุยงให้เจิ้งต้าหมิงมาตามหาหล่อนที่บ้านของเรา?” เสิ่นเสี่ยวเหมยก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามอีกครั้ง

หลินเซี่ยยักไหล่และตอบอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องนี้ฉันยอมรับ”

ทันทีที่หลินเซี่ยพูดจบ เสิ่นเถี่ยจวินก็เดือดดาลมากกว่าเดิม ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าเธอ

ทันใดนั้นก็มีฝ่ามือใหญ่โผเข้ามาคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่มาถึงพอดี

ทันทีที่คนตระกูลเสิ่นออกจากร้านตัดผมไป หลินเยี่ยนก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นต้องมาด้วยเจตนาไม่ดีแน่ จึงรีบไปที่ห้องเต้นรำเพื่อบอกเซี่ยไห่ว่าตระกูลเสิ่นกำลังตามหาหลินเซี่ย

เซี่ยไห่ไปโฉบตัวเฉินเจียเหอที่เพิ่งเลิกงานกลับมาด้วยกัน จากนั้นทั้งสองก็รีบกลับมาที่บ้าน

ถ้าพวกเขามาช้าไปสองวินาที คงมีฉากตบตีเกิดขึ้นไปแล้ว

เฉินเจียเหอคว้าข้อมือเสิ่นเถี่ยจวินไว้ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้อำนวยการเสิ่น คุณบุกรุกบ้านของผม และยังจะตบภรรยาของผมด้วย คิดว่าผมจะปล่อยให้คุณทำร้ายหล่อนง่าย ๆ หรือไง?”

มือของเฉินเจียเหอแข็งแกร่งมาก ข้อมือของเสิ่นเถี่ยจวินถูกกำไว้แน่น ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินสบกับดวงตาที่เฉียบคมของเฉินเจียเหอ สีหน้าของเขาก็มืดมนลงไม่แพ้กัน “หล่อนทำร้ายลูกสาวฉันก่อน ฉันก็มีสิทธิ์สอนบทเรียนหล่อนได้เหมือนกัน”

เฉินเจียเหอออกแรงกำมือของเขาแน่นมากขึ้น พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉียบคมกว่าเดิม “ถ้าอยากสอนบทเรียนให้ภรรยาผม คุณคงต้องถามก่อนว่าผมเห็นด้วยหรือเปล่า?”

เซี่ยไห่ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกโกรธเช่นกัน “ผมก็เป็นอารองของหล่อนเหมือนกัน ทีนี้คุณจะยังกล้าสอนบทเรียนให้หล่อนอยู่ไหม? หลานสาวผมถูกพวกคุณสลับตัวไปเลี้ยงอย่างไร้มนุษยธรรมมาตั้งยี่สิบปี ลืมแล้วเหรอว่าเคยทำอะไรกับหล่อนไว้บ้าง? จะว่าไปเรายังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกคุณเลย วันนี้ยังกล้ามาก่อกวนพวกเราอีกเหรอ?”

เสิ่นเถี่ยจวินรู้สึกหวาดกลัวกับรังสีของอีกฝ่าย ท่าทางของเขาอ่อนลงเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

เฉินเจียเหอสะบัดมือแล้วไล่พวกเขาออกไปทันที “พวกคุณออกจากบ้านผมไปให้หมด”

เสิ่นเถี่ยจวินล้มเหลวในสิ่งที่ต้องการทำ แล้วจะให้เขาจากไปง่าย ๆ ได้อย่างไร เขามองไปยังผู้เฒ่าเฉินแล้วถามว่า “ลุงเฉิน แต่หลินเซี่ยเพิ่งยอมรับเองนะว่าหล่อนเป็นคนบอกเจิ้งต้าหมิงให้มาที่ไห่เฉิงและให้มาคุกคามลูกสาวผมด้วยไม่ใช่หรือไง?”

ผู้เฒ่าเฉินไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร เขาเชื่อในนิสัยของหลินเซี่ย แต่คำตอบของเธอทำให้พวกเขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอเป็นคนพาความวุ่นวายไปให้บ้านตระกูลเสิ่นจริง ๆ

“ผู้อำนวยการเสิ่น ถ้าคุณอยากสะสางกับฉันนัก ก็ควรมาลงที่ฉัน ไม่ใช่ไปลงกับพวกคุณปู่”

หลินเซี่ยยืนบังผู้เฒ่าเฉินไว้พลางเชิดหน้าขึ้น “ฉันยอมรับว่าเป็นคนบอกที่อยู่บ้านของพวกคุณให้เจิ้งต้าหมิงรู้เอง แต่เรื่องยุยงให้เขาไปคุกคามหล่อน ข้อนี้พวกคุณกำลังกล่าวหาฉันอย่างไร้หลักฐาน”

เสิ่นเถี่ยจวินเยาะเย้ยกลับ “อย่าพูดให้ตัวเองดูดีไปหน่อยเลย เธอรู้ความคิดของตัวเองดี”

หลินเซี่ยพูดอย่างเย็นชา เรียกเขาด้วยชื่อห้วน ๆ “เสิ่นเถี่ยจวิน อย่ามาสาดน้ำสกปรกใส่ฉันนะ”

“ฉันขอเวลาไปเอาอะไรบางอย่าง วันนี้ฉันจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเนื้อแท้ของลูกสาวพวกคุณมันเป็นยังไง”

หลังพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งเข้าไปในห้องนอน หยิบไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋งที่หลินเยี่ยนนำกลับมาจากบ้านเกิดออกมา

สมุดไดอารี่เล่มนี้ ในที่สุดก็มีประโยชน์ในสักวันหนึ่งจริง ๆ

โชคดีที่เธอมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นเสิ่นเถี่ยจวินคงจะตีไข่ใส่สีเรื่องไร้สาระนี้จนเธอไม่มีข้อแก้ตัวและไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย

“พวกคุณรู้ไหมว่านี่คืออะไร?” หลินเซี่ยออกมาจากห้องนอน ชูสมุดไดอารี่ที่ห่อด้วยปกพลาสติกสีส้มแดงสภาพโทรมเล็กน้อยในมือขึ้น

“อย่ามาเฉไฉ คิดว่าจะเปลี่ยนเรื่องง่าย ๆ หรือไง แค่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนยุให้เจิ้งต้าหมิงมาไห่เฉิงเพื่อคุกคามอวี้อิ๋งมันยากตรงไหน? วันนี้ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องคุกเข่าขอโทษลูกสาวฉัน!”

เสิ่นเถี่ยจวินสูญเสียการควบคุมอารมณ์ เกือบจะพ่นคำผรุสวาทออกมา ต่อให้หลินเซี่ยจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ก็คงไม่สามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดกับลูกสาวของเขาได้

ถ้าเด็กในท้องลูกสาวเขาเป็นของเจิ้งต้าหมิงจริง ๆ เขาคงโกรธจนสามารถบีบคอฆ่าเธอตรงนี้ได้เลย

“คุกเข่า? ช่างกล้าพูดจังเลยนะ ฉันหวังว่าคุณจะยังทำตัวเย่อหยิ่งแบบนั้นได้อยู่หลังจากอ่านมัน” หลินเซี่ยชี้ไปที่ไดอารี่และพูดอย่างใจเย็น “นี่คือไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋งสมัยหล่อนอยู่บ้านนอก แล้วดันลืมเอามันกลับไปด้วยตอนออกมาจากบ้านตระกูลหลิน”

เธอพลิกเปิดไปยังหน้าซึ่งเสิ่นอวี้อิ๋งบันทึกเกี่ยวกับเจิ้งต้าหมิงเอาไว้

ด้วยความกลัวว่าเสิ่นเถี่ยจวินจะทำลายหลักฐาน เธอจึงไม่ได้ส่งไดอารี่ให้กับเสิ่นเถี่ยจวินทันที แต่ชูมันไว้ตรงหน้าเขา

“เห็นชัดหรือยังว่ามีอะไรเขียนอยู่ในนี้บ้าง? คุณคงจำลายมือลูกสาวตัวเองได้ใช่ไหม?”

เสิ่นเถี่ยจวินต้องการแย่งไดอารี่ในมือหลินเซี่ยมา แต่หลินเซี่ยไม่ยอม “อ่านมันทั้งแบบนี้แหละ อ่านจบเมื่อไหร่ฉันจะได้แบ่งให้คนอื่นอ่านต่อ”

เฉินเจียเหอกลัวว่าเสิ่นเถี่ยจวินจะทำร้ายหลินเซี่ย เขาจึงเข้าไปคว้าไดอารี่มา และชูขึ้นในระดับสายตาเพื่อแสดงให้ทุกคนที่เหลือได้อ่านเนื้อหาข้างในโดยทั่วกัน

เสิ่นเถี่ยจวินอ่านเนื้อหาในไดอารี่อย่างตั้งใจ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนจนไม่อาจอธิบายได้ว่าน่าเกลียดแค่ไหน

เฉินเจียเหอกระตุกยิ้ม แล้วชูไดอารี่ให้ผู้เฒ่าเสิ่นอ่านต่อ “มาสิ เหล่าเสิ่น ลองอ่านสิ่งที่หล่อนเขียนไว้สักหน่อยสิ”

ผู้เฒ่าเสิ่นสายตายาวตามอายุ แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยมองเห็นได้ชัดเจนมากเมื่อขยับเข้ามาใกล้

หล่อนไม่เพียงดูเท่านั้น ยังอ่านให้ลุงของตนฟังอย่างละเอียดด้วย

เสิ่นเสี่ยวเหมยอ่านประโยคข้างใน “ไอ้โง่เจิ้งต้าหมิงนั่นไม่รู้เอาซะเลยว่าฉันพยายามตีสนิทกับเขาเพราะฉันแอบชอบพี่ชายของเขาต่างหาก เขาเจียดเงินเดือนมาซื้อของให้ฉันหลายอย่าง ฉันว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ พอทำให้อดทนคบเขาต่อไปได้ อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องแตะเงินตัวเอง”

ดวงตาของเสิ่นเถี่ยจวินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “นังคนจัญไร” หลังจากหยุดชะงักก็พูดต่อ “พอแล้ว หยุดอ่านได้แล้ว!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เห็นสิ่งที่ลูกตัวเองเขียนแล้วรู้สึกยังไงคะ ยังเห็นว่าลูกตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์อยู่หรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท