ตอนที่ 359 เขากลายเป็นยารักษาไปแล้วเหรอเนี่ย?
ตอนที่ 359 เขากลายเป็นยารักษาไปแล้วเหรอเนี่ย?
หลังจากที่เซี่ยไห่ชื่นชมกลยุทธ์ของเซี่ยอวี่ไปหมาดๆ ทันใดนั้นเขาก็ฉุกคิดถึงคำถามอื่นขึ้นมาทันที
แล้วเขาจะหาคนมาแกล้งเป็นแฟนกำมะลอของเขาได้จากที่ไหน?
ผู้หญิงคนไหนบ้างที่มีสเปคตรงใจเขา?
เซี่ยไห่เดินตามเซี่ยอวี่จนทัน ถามว่า “พี่สาว พอมีตัวเลือกอยู่ในใจบ้างไหม?”
“กำลังเลือกอยู่พอดี”
หลังจากพูดอย่างนั้น หล่อนก็เดินจากไปอย่างสง่างาม
เซี่ยอวี่คิดที่จะหาแฟนกำมะลอเพื่อรับมือกับพี่ใหญ่และแม่ของหล่อนเอาไว้แล้ว ดังนั้นหล่อนจึงเล็งผู้ที่เข้าตาเอาไว้ในใจเป็นธรรมดา
หล่อนไม่ได้ตรงกลับบ้านในทันที แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขและโทรออก
“อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะคะ”
ได้ยินว่าอีกฝ่ายตกลงจะออกมาพบ เซี่ยอวี่ก็ยิ้มสมใจ สวมแว่นกันแดด จากนั้นก็เข้าไปที่โรงน้ำชา และขอห้องส่วนตัว
หล่อนสั่งชาและของว่างอื่น ๆ มาจิบสบาย ๆ ระหว่างรออีกฝ่าย
ไม่นานนัก ร่างสูงโปร่งก็เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวด้วยสีหน้าตื่นตระหนกนิดหน่อย
ใช่แล้ว คนที่หล่อนเห็นว่าเป็นผู้เหมาะสมในการเล่นละครตบตาก็คือเย่ไป๋
ในเมื่อพี่ใหญ่มีความตั้งใจที่จะจับคู่พวกเขาอยู่แล้ว ฉะนั้นหล่อนจะทำให้พี่ใหญ่สมความปรารถนา
เซี่ยอวี่ยืนขึ้นพร้อมกับคลี่ยิ้ม พูดอย่างสุภาพ “คุณหมอเย่ เชิญนั่งก่อนค่ะ”
“ครับ” เย่ไป๋ยังสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ เซี่ยอวี่ถึงเรียกเขามาคุยตามลำพัง เขาจึงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเซี่ยอวี่
เซี่ยอวี่รินชาหนึ่งแก้วให้เย่ไป๋ เย่ไป๋ก็ยื่นมือออกไปรับถ้วยชาอย่างมีมารยาท
“คุณเซี่ย มีเรื่องอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?” เย่ไป๋ดูเหมือนมีสีหน้าสงบ แต่ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่าแสงในดวงตาของเขากำลังส่องประกายราวกับกำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง
เซี่ยอวี่จิบชาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างน่ะค่ะ”
เย่ไป๋ถาม “ใช่เรื่องเกี่ยวกับพี่เซี่ยเหลยหรือเปล่าครับ?”
ใบหน้าของเซี่ยอวี่ยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มงดงามละเอียดอ่อน หล่อนมองไปที่ชายผู้อ่อนโยนผู้นั่งอยู่ตรงข้ามพร้อมกับพยักหน้า “ใช่ค่ะ มันเกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่ของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นว่ามาเลยครับ”
เซี่ยอวี่รู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะพูดตรง ๆ หล่อนหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง คิดเรียบเรียงคำพูดอยู่ในใจว่าควรจะบอกอย่างไรไม่ให้ทุกอย่างดูกะทันหันเกินไป
หล่อนพิจารณาคำพูดของตัวเองอยู่หลายตลบ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ดูค่อนข้างฉุกละหุกทั้งนั้น
หล่อนอายุมากกว่าเย่ไป๋ประมาณหกเจ็ดปี ดังนั้นต่อให้จะเป็นแค่การแกล้งเล่นละครเป็นแฟน แต่หล่อนก็ยังอายเกินกว่าจะอ้าปากพูด
คนอื่นจะคิดอย่างไรกับหล่อน นี่จะไม่ต่างจากวัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอกหรือ?
เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของหล่อน เย่ไป๋ก็พูดอย่างมั่นคงและจริงจังมาก
“คุณเซี่ยครับ ถ้าคุณมีอะไรจะพูด อย่าลังเลที่จะปรึกษาผมเลย ผมยินดีช่วยถ้าไม่เกินความสามารถ”
เซี่ยอวี่ยังคงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คุณทำได้แน่ค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณเต็มใจหรือเปล่า”
เย่ไป๋มองหน้าหล่อน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ถ้าอยู่ในขอบเขตที่ผมทำได้ ผมยินดีทำอยู่แล้วครับ ต่อให้อยู่นอกเหนือขอบเขตผมก็จะหาทางอื่น เราเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นจึงควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
ท่าทางของเย่ไป๋จริงใจมาก คำพูดของเขาทำให้เซี่ยอวี่มีความกล้าหาญขึ้น หล่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างลังเล “อืม… คืออย่างนี้ค่ะ ทั้งคุณและหมอแผนจีนเย่ต่างก็ให้คำแนะนำไปในทางเดียวกันกับพวกเราใช่ไหมคะ ว่าในฐานะสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วย เราไม่ควรปล่อยให้พี่ใหญ่ตกอยู่ภายใต้ความกดดัน และควรทำอะไรก็ตามที่ทำให้เขาสบายใจ?”
เย่ไป๋มองหล่อนแล้วพยักหน้า “ใช่ครับ ถูกต้องทุกอย่าง”
“ที่จริงแล้วพี่ใหญ่ของฉันกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจอย่างมากเลยค่ะ การรักษาเยียวยาจิตใจเขาเลยอาจเป็นเรื่องที่ยากนิดหน่อย” เซี่ยอวี่พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“แรงกดดันทางจิตใจ?” เย่ไป๋ในฐานะหมอมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย “คุณหมายถึงแรงกดดันทางจิตใจแบบไหนครับ?”
“เซี่ยไห่กับฉันต่างก็ยังไม่ได้แต่งงานกันทั้งคู่ พี่ใหญ่โทษตัวเองว่าเราเป็นแบบนี้เพราะต้องมาคอยดูแลเขา เขารู้สึกผิดและตกอยู่ใต้ความกดดันมากมาย แต่ฉันเพิ่งมารู้ปัญหานี้จริง ๆ ในวันนี้เอง”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่แล้ว เย่ไป๋ก็ดูเหมือนจะเข้าใจในความตั้งใจของหล่อนที่ชวนเขาออกมาพูดคุยตามลำพัง เขาพูดพลางครุ่นคิดว่า “คุณอยากให้ผมช่วยพูดคุยเชิงอุดมคติกับพี่เซี่ยเหลยใช่ไหม? ไม่มีปัญหาครับ ไว้พรุ่งนี้เมื่อเขามารับการรักษา ผมจะลองคุยกับเขาดู”
เซี่ยอวี่ส่ายหัวทำหน้าเศร้า “คุยไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เราอาจจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คุณเป็นคนฉลาด คงเข้าใจสิ่งที่ฉันหมายถึงใช่ไหมคะ?”
หล่อนพูดพร้อมกับมองเย่ไป๋ด้วยสายตามีความหมาย
เย่ไป๋สบกับสายตาแฝงความนัยนั้นแล้วก็เกิดความสงสัย “แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ?”
เซี่ยอวี่ส่งยิ้มหวานให้เขา ยกคางขึ้นแล้วพยักหน้า “ใช่ค่ะ คุณพอจะเข้าใจที่ฉันจะสื่อหรือเปล่า?”
เย่ไป๋เป็นคนฉลาดโดยทุนเดิม เมื่อมองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของเซี่ยอวี่ เขาก็เข้าใจบางสิ่งได้ทันที
“คุณหมายความว่า…”
เขาสงสัยว่าการคาดเดาของตัวเองถูกต้องหรือไม่ หล่อนรีบร้อนขนาดนี้เลยเชียวเหรอ?
“ค่ะ นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึง ตราบใดที่ปัญหาส่วนตัวของฉันกับเซี่ยไห่ถูกปลดเปลื้อง พี่ชายของฉันก็จะไม่มีภาระทางจิตใจอีกต่อไป และการรักษาก็จะราบรื่นขึ้นมาก”
คำพูดของหล่อนยืนยันความสงสัยของเขา เขามองหน้าหล่อน น้ำเสียงของเขาสั่นด้วยความประหม่า “ถ้าอย่างนั้น ผมจะช่วยคุณแก้ไขปัญหาส่วนตัวยังไงได้บ้าง?”
หรือว่าหล่อนอยากให้เขาช่วยแนะนำผู้ชายสักคน…
หัวใจของเย่ไป๋บีบรัดอย่างอธิบายไม่ถูก
เซี่ยอวี่ไม่รู้ว่าชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังคิดฟุ้งซ่านแค่ไหน ในที่สุดหล่อนที่เป็นคนตรงไปตรงมาก็พูดความคิดของตัวเองอย่างกล้าหาญ
“คุณหมอเย่ ฉันอยากให้คุณแกล้งเป็นแฟนของฉันค่ะ”
“อะไรนะ?” มือของเย่ไป๋สั่น “แกล้งเป็นแฟน?”
เมื่อกี้นี้เขาจินตนาการถึงความน่าจะเป็นมากมายอยู่ในใจ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าหล่อนจะร้องขอแบบนั้น!
เย่ไป๋ตกตะลึง ดวงตาอันอบอุ่นของเขาสั่นไหว ทำให้เซี่ยอวี่คิดเอาเองว่าคำร้องขอของหล่อนอาจจะมากเกินไป จึงอธิบายอย่างเชื่องช้าว่า “ฉันรู้ค่ะ ฉันอายุมากกว่าคุณหลายปี คุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ แต่ฉันสามารถจ่ายค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับคุณได้ ไม่ยอมให้คุณทำงานโดยเปล่าประโยชน์หรอก”
จ่ายค่าตอบแทน?
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเย่ไป๋ยิ่งลำบากใจมากกว่าเดิม
นี่หมายความว่าหล่อนต้องการจ้างเขาเป็นนักแสดงส่วนตัวงั้นเหรอ?
แต่เขาเลือกที่จะไม่พูด เซี่ยอวี่คิดว่าเขาไม่เต็มใจก็เลยไม่บังคับ พูดอย่างเฉยชา
“ถ้าคุณไม่ยินดีช่วยฉันก็ไม่ว่าอะไร จากนี้ก็แกล้งทำเหมือนว่าฉันไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็แล้วกันค่ะ ฉันไปหาคนอื่นแทนก็ได้”
เซี่ยอวี่เป็นคนใจเด็ด หล่อนแสดงท่าทางไม่ยี่หระโดยไม่ให้ผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ทันพักหายใจและคิดทบทวน ก่อนถามขึ้นมา “จริงสิ เจ้าหน้าที่ถังจวิ้นเฟิงคนนั้นเขาก็โสดอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? คุณพอจะบอกข้อมูลการติดต่อของเขาให้หน่อยได้ไหม? ฉันจะลองไปคุยกันเขาดู เผื่อว่าเขาจะเต็มใจช่วย”
สำหรับเซี่ยอวี่แล้ว หล่อนเชื่อถือในตัวเฉินเจียเหอมาก ดังนั้นเพื่อน ๆ ของเฉินเจียเหอก็น่าจะมีความน่าเชื่อถือไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะคนที่ทำงานเป็นหมอหรือตำรวจ จะต้องมีความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงานอย่างสูง ที่สำคัญคือรับประกันได้ว่าข้อมูลไม่รั่วไหล
ถ้าหมอช่วยไม่ได้ งั้นก็ไปพึ่งพาตำรวจแทนแล้วกัน
เย่ไป๋เห็นว่าหล่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาและตั้งท่าจะติดต่อไปหาถังจวิ้นเฟิง สายตาของเขาก็ฉายแววตกใจเล็กน้อย รีบโพล่งออกมาทันที “ผมเต็มใจครับ ผมยินดีจะช่วยคุณ”
เมื่อเซี่ยอวี่ได้ยินแบบนั้น หล่อนก็วางโทรศัพท์ของตัวเองลงพร้อมกับยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะคะ”
หล่อนรินชาเติมให้กับเย่ไป๋และรินอีกถ้วยหนึ่งให้ตัวเอง จากนั้นหยิบถ้วยชาด้วยมือเรียวขาวและชนแก้วกับเขา “ฉันขอดื่มชาถ้วยนี้ให้คุณแทนสุราขอบคุณแล้วกันนะคะ”
เย่ไป๋หยิบถ้วยชาขึ้นมาชนแก้วกับหล่อนแล้วถามด้วยความสงสัย “การที่ผมทำแบบนี้จะช่วยได้จริงเหรอครับ?”
“พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่าล่ะคะ? ฉันจะพาคุณกลับไปกินอาหารเย็นด้วยกันที่บ้าน” เซี่ยอวี่กล่าว
เย่ไป๋ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่กับประสิทธิภาพในการจัดการของเซี่ยอวี่
หล่อนจะพาเจอไปเจอครอบครัววันพรุ่งนี้เลยเหรอ?
ถึงแม้จะรู้สึกว่าทุกอย่างดูเกินความคาดหมาย แต่เพื่อป้องกันไม่ให้งานนี้ตกไปเป็นของถังจวิ้นเฟิง เย่ไป๋จึงตอบตกลงทันที “ได้ครับ ผมหาเวลาว่างได้”
เซี่ยอวี่ชื่นชมความเฉียบแหลมของเขามาก พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ถือเป็นอันตกลงนะคะ ไว้พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันจะโทรหาคุณอีกที แล้วคุณก็ตรงดิ่งมาที่บ้านฉันได้เลย”
“แล้วเจียเหอกับหลินเซี่ยล่ะครับ เราควรอธิบายเรื่องนี้กับพวกเขาไหม? หรือเราต้องแกล้งทำเป็นคบกันต่อหน้าพวกเขาด้วย?” เย่ไป๋ถาม
เซี่ยอวี่เงยหน้าขึ้น คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ปิดบังพวกเขาไว้ก่อนแล้วกัน ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งแนบเนียนเท่านั้น”
พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาด ถึงไม่บอกให้ชัดเจนแต่พวกเขาก็น่าจะมองออกได้ไม่ยาก
“ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
เซี่ยอวี่พอใจมากที่เย่ไป๋เจรจาได้อย่างง่ายดาย หล่อนมองเขาด้วยความชื่นชมในสายตา จากนั้นก็เรียกพนักงานเสิร์ฟมาคิดเงิน แล้วยืนขึ้นจับมือกับเย่ไป๋ “ข้อตกลงระหว่างเราถือเป็นอันเรียบร้อย เริ่มกันเลยค่ะ แกล้งคบกับฉันสักสิบวัน หลังจากนั้นพอพี่ชายฉันเข้ารับการรักษาจากหมอแผนจีนเย่แล้วค่อยมาดูผลกันอีกครั้ง”
เย่ไป๋ “!!!”
เขากลายเป็นยารักษาไปแล้วเหรอเนี่ย?
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คุณหมอเย่นับเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เป็นแฟนบอยอยู่แล้วก็คุยกันง่ายหน่อย
เซี่ยอวี่หาทางแก้ได้แล้ว เหลือแต่เซี่ยไห่นี่แหละที่จะคว้าใครมาเป็นแฟนหลอกๆ
ไหหม่า(海馬)