ตอนที่ 376 เห็นแก่ตัวเหมือนเสิ่นเถี่ยจวิน
ตอนที่ 376 เห็นแก่ตัวเหมือนเสิ่นเถี่ยจวิน
หลังจบงานปาร์ตี้ที่ห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ เซี่ยตงที่กลับถึงบ้านก็นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเมื่อนึกถึงคำที่เซี่ยไห่บ่นกับเขาเรื่องเสิ่นอวี้อิ๋ง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจว่าจะไปหาเซี่ยหลานในเช้าวันรุ่งขึ้น
เสิ่นเถี่ยจวินและเสิ่นอวี้อิ๋งเดินทางไปต่างเมืองแล้ว เซี่ยหลานจึงกลับมาอาศัยอยู่ในอาคารพักอาศัยอีกครั้ง
เซี่ยตงแวะไปหาหล่อนเป็นพิเศษก่อนไปทำงานตอนเช้า ซึ่งขณะนี้เซี่ยหลานกำลังทำอาหารมื้อเช้า วางแผนว่าจะนำไปส่งให้พ่อของหล่อนในภายหลัง ช่วงหลังมานี้ชายชรารับหน้าที่ดูแลเสิ่นอวี้หลงเต็มเวลา เซี่ยหลานจึงต้องไปส่งอาหารให้พวกเขาทุกเช้า ตอนเย็นค่อยมาเปลี่ยนหน้าที่กับเขา
เมื่อเห็นเซี่ยตงมาหาเวลานี้ เซี่ยหลานก็ประหลาดใจมาก “เสี่ยวตง ทำไมถึงมาที่นี่ได้?”
เซี่ยตงนั่งบนโซฟา หลังจากรอให้เซี่ยหลานเตรียมอาหารเช้าบรรจุลงในกล่องอาหารแบบเก็บความร้อน เขาก็เอ่ยปากถาม “พี่สาว อวี้อิ๋งป่วยเป็นโรคอะไร?”
เซี่ยหลานหันหลังให้เขา สีหน้าของหล่อนหมองลงเล็กน้อย “ไม่เป็นอะไรมาก แค่ท้องไส้ไม่ดี”
“แค่ท้องไส้ไม่ดี จำเป็นต้องออกไปรักษานอกเมืองเลยเหรอ?”
เซี่ยตงยืนขึ้น เดินไปหาเซี่ยหลานและมองหน้าเธอ “พี่สาว ถ้าพี่ไม่สะดวกที่จะบอกผม ผมก็จะไม่ถามเซ้าซี้ แต่จากนี้พี่จะต้องอบรมสั่งสอนอวี้อิ๋งให้ดี”
เซี่ยตงเล่าให้เซี่ยหลานฟังเกี่ยวกับเนื้อหาอันน่ารังเกียจที่ถูกบันทึกไว้ในไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋งซึ่งเขาได้ยินคนอีกฝั่งบอกมาอีกทีหนึ่ง
เซี่ยตงกล่าวถึงเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยน้ำเสียงผิดหวังมาก “ตอนที่ย้ายมาไห่เฉิงเป็นครั้งแรก หล่อนโกหกพวกเราถึงสองเรื่อง แต่นั่นเป็นเพราะทุกคนรู้สึกผิดต่อหล่อน จึงไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ให้หล่อนรู้สึกแย่ อาจจะเป็นเพราะหล่อนติดนิสัยชอบพูดจาไร้สาระ หรือเป็นเพราะหล่อนอยากสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง การโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยเป็นที่ยอมรับได้
“แต่สมัยหล่อนอยู่ในชนบท หล่อนร้ายกาจถึงขนาดเล่นกับความรู้สึกคนอื่น หลอกเอาเงินจากผู้ชาย แสดงว่าอุปนิสัยของหล่อนน่ะมันเกินเยียวยา ขืนยังปล่อยให้หล่อนทำแบบนั้นต่อไปก็จะต้องประสบกับความสูญเสียไม่ช้าก็เร็ว ในฐานะพ่อแม่ พี่ไม่ควรตามใจหล่อนมากเกินไป ต้องรีบดัดนิสัยหล่อนให้ทัน หล่อนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าไม่รักนวลสงวนตัว อีกหน่อยเข้าสังคมปัญหาคงตามมาไม่จบสิ้นแน่”
เซี่ยหลานหรี่ตาลง ตอบกลับว่า “ฉันรู้แล้ว”
เซี่ยตงพูดเสริมว่า “นอกจากนี้ พี่อย่าลืมไปบอกเสิ่นเถี่ยจวินด้วย ว่าจากนี้ไปอย่าสร้างปัญหาให้กับเซี่ยเซี่ยอีก เขาเป็นคนจงใจสลับตัวเด็กเองแท้ ๆ ต่อให้ไม่ยอมคุกเข่าขอโทษก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เขายังกล้าแบกหน้าตัวเองไปหาเซี่ยเซี่ยเพื่อเอาเรื่องหล่อนอีกเหรอ?”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” เซี่ยหลานหันไปมองเซี่ยตงและถามอย่างสงสัย
“น่าจะช่วงก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองอื่น ผู้เฒ่าเสิ่น เสิ่นเสี่ยวเหมย และเสิ่นเถี่ยจวินบุกไปชำระบัญชีเซี่ยเซี่ยถึงบ้าน เซี่ยเซี่ยเป็นลูกสาวของเซี่ยเหลย หลานของเซี่ยไห่และเซี่ยอวี่ ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ในไห่เฉิง ตระกูลเซี่ยกับตระกูลเฉินนับว่าดองกันอย่างสมบูรณ์ คิดว่าพวกเขาจะยอมทนเห็นเซี่ยเซี่ยถูกรังแกไหมล่ะ? อย่าปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดจนอยู่ในจุดที่สู้พวกเขาไม่ได้เลย”
เซี่ยหลานรับฟังคำพูดของเซี่ยตง มือที่ห้อยตกอยู่ข้างลำตัวสั่นเทาเล็กน้อย
เซี่ยตงมองไปที่เซี่ยหลาน พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นยิ่ง
“พี่สาว คราวนี้พอเสิ่นเถี่ยจวินกลับมา รีบดำเนินการขั้นตอนการหย่าร้างให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด พี่ไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของพวกเขาอีกต่อไป”
เซี่ยหลานตอบกลับ “ฉันเข้าใจแล้ว”
“โอเค งั้นผมไปแล้วนะ”
หลังจากที่เซี่ยตงจากไป เซี่ยหลานก็เข้าไปในห้อง หยิบสมุดบันทึกสภาพชำรุดทรุดโทรมออกมาจากลิ้นชักในห้องนอน
หล่อนได้เห็นในสิ่งที่เซี่ยตงเพิ่งพูดถึงแล้ว
ก่อนเสิ่นเถี่ยจวินจะจากไป เขาถึงมอบสมุดเล่มนี้ให้หล่อนอ่าน
บอกแค่ว่าเขาไปได้มันมาจากหลินเซี่ย
แต่ไม่ได้บอกว่าที่ได้มาก็เพราะพวกเขาบุกไปก่อปัญหาให้หลินเซี่ย
เมื่อเซี่ยหลานเห็นเนื้อหาในสมุดไดอารี่ คืนนั้นทั้งคืนหล่อนก็ข่มตานอนไม่หลับ
หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกสาวของตนถึงได้กลายเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
หล่อนเคยเล่นกับความรู้สึกของผู้ชาย เคยใส่ร้ายพี่ชายตัวเอง จิตใจของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อทุกคนมาตั้งแต่เด็ก
หล่อนเขียนในสมุดไดอารี่ว่า ตอนที่ยังเด็ก หล่อนได้ยินบทสนทนาระหว่างหมอแผนจีนเย่กับหลินต้าฝู ทำให้หล่อนคาดเดาอยู่ในใจเสมอว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของหลินต้าฝู ดังนั้นไม่ว่าหลินต้าฝูจะปฏิบัติดีต่อหล่อนขนาดไหนก็ตาม หล่อนก็ยังคงรังเกียจตระกูลหลิน
ความเกลียดชังนั้นยังลามไปถึงหลิวกุ้ยอิง เหตุเพราะหล่อนไม่สามารถสืบรู้ประสบการณ์ชีวิตที่แท้จริงของตัวเองจากหลิวกุ้ยอิงได้ จนพาลรู้สึกไปเองว่าหลิวกุ้ยอิงกำลังขัดขวางไม่ให้หล่อนมีชีวิตที่ดี
เซี่ยหลานยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า
สมควรแล้วที่หล่อนเป็นลูกสาวของเสิ่นเถี่ยจวิน
หล่อนถึงได้เห็นแก่ตัวพอ ๆ กับเสิ่นเถี่ยจวินอย่างนั้น
เซี่ยหลานโยนสมุดไดอารี่กลับเข้าไปในลิ้นชักในห้องนอน
ความจริงแล้ว เสิ่นเถี่ยจวินคิดจะทำลายสมุดเล่มนี้ไม่ให้เหลือซาก เพื่อที่จะปกปิดเรื่องนี้จากหล่อน
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ยังเลือกที่จะมอบสมุดไว้ให้หล่อนก่อนจะออกเดินทาง
เซี่ยหลานพอจะคาดเดาเจตนาของเสิ่นเถี่ยจวินได้
หลังจากที่เสิ่นอวี้อิ๋งรู้ความจริง หล่อนก็เริ่มเกลียดพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง
เสิ่นอวี้อิ๋งเคยแสดงให้หล่อนเห็นมากกว่าหนึ่งครั้ง ว่าอยากจะใช้ชีวิตหลังจากนี้อยู่กับแม่มากกว่า
แต่เนื่องจากหล่อนต้องคอยดูแลเสิ่นอวี้หลงที่ยังหลับไหลไม่ได้สติ จึงไม่มีเวลาดูแลหล่อนมากพอ
เสิ่นเถี่ยจวินอาจกลัวว่าลูกสาวของตัวเองจะเลือกติดตามแม่แทนที่จะเป็นพ่อ เขาถึงมอบสมุดเล่มนี้ให้หล่อนเสีย เพื่อให้หล่อนผิดหวังในตัวเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างสิ้นเชิง
ตราบใดที่หล่อนบอกชัดว่าไม่ต้องการลูกสาวคนนี้ อวี้อิ๋งก็จะจำยอมติดตามผู้เป็นพ่อในที่สุด
หลังจากใช้ชีวิตสมรสกันมานานยี่สิบปี ไม่มีใครรู้จักธาตุแท้ของเสิ่นเถี่ยจวินได้ดีไปกว่าหล่อนแล้ว
เซี่ยหลานปิดประตู ถือกล่องอาหารแล้วเดินเท้าไปส่งอาหารให้พ่อที่บ้านอีกหลังหนึ่ง
ผู้เฒ่าเซี่ยกำลังนั่งอยู่บนขอบเตียง ถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือ อ่านออกเสียงคำต่อคำ
หลังจากอ่านจบ เขาก็ปิดหนังสือ มองดูเด็กหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงแล้วพูดเบา ๆ
“อวี้หลง ได้ยินสิ่งที่ตาอ่านให้หลานฟังในวันนี้ไหม?”
“ตาเชื่อว่าอวี้หลงต้องได้ยินแน่ และอีกไม่นานก็จะตื่นขึ้นมามองตา”
“ถ้าหลานตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ตาจะสอนหลานอ่านหนังสือเอง”
ผู้เฒ่าเซี่ยเริ่มสะอื้นในขณะที่พูด เขาลูบหน้าผากของเสิ่นอวี้หลง “หลานรักเอ๋ย เธอหลับมานานกว่าครึ่งปีแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องตื่น แม่เธอแทบจะแบกรับความทุกข์ทรมานไว้ไม่ไหวแล้ว”
เซี่ยหลานยืนอยู่ที่ประตู มองดูพ่อผู้ชราของตัวเองที่กำลังพูดคุยเพียงฝ่ายเดียวกับเด็กหนุ่มบนเตียงด้วยเสียงสะอื้น ทันใดนั้นหล่อนก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
ในโลกนี้ คงมีเพียงสมาชิกในครอบครัวของหล่อนเท่านั้นที่รู้สึกสงสารเห็นใจในสิ่งที่หล่อนกำลังเจออยู่ตอนนี้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้ต่อหน้า แต่พวกเขาคือคนที่เข้าใจความยากลำบากของหล่อนเป็นอย่างดีที่สุด พวกเขาคือคนที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแบ่งบรรเทาความวิตกกังวลของหล่อน
เซี่ยหลานพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเดินเข้าไปในห้อง “พ่อ ฉันมาแล้วค่ะ”
ขณะที่ผู้เฒ่าเซี่ยหันกลับมา เขาก็ปาดน้ำตาโดยเร็วเช่นกัน “ทำไมวันนี้ถึงได้มาสายนัก? พ่อหิวจะแย่แล้ว”
เซี่ยหลานพูดยิ้ม ๆ “ถ้าอย่างนั้นมากินข้าวกันเถอะค่ะ”
หล่อนวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ ผู้เฒ่าเซี่ยวางหนังสือลง ล้างมือ และเริ่มรับประทานอาหาร
เซี่ยหลานเตรียมอาหารเหลวสำหรับเสิ่นอวี้หลงโดยเฉพาะ หล่อนนั่งลงและป้อนให้เขา
แต่แล้วก็รู้สึกเศร้าใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นว่าใบหน้าของผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยรอยยับย่นของวัยชรา
ช่วงเวลาที่เขาควรจะมีความผาสุกในชีวิตครอบครัว เขายังต้องทำงานหนักเพื่อช่วยดูแลลูกชายให้หล่อน เซี่ยหลานมองไปที่พ่อด้วยความรู้สึกผิด เอ่ยคำขอบคุณออกมา “พ่อ ขอบคุณนะคะ”
“ขอบคุณเรื่องอะไร?”
เซี่ยหลานไม่อาจระงับอารมณ์ของหล่อนได้ทันทีที่พูดเหตุผลออกไป “ขอบคุณที่แม้ฉันจะเจอเรื่องหนักหนา แต่พ่อก็ยังอยู่ข้าง ๆ ฉันน่ะค่ะ”
“เด็กโง่เอ๋ย ฉันเป็นพ่อของแกนะ ถ้าฉันไม่ช่วยแกแบ่งเบาภาระ แล้วใครจะทำแทนล่ะ?”
ผู้เฒ่าเซี่ยพูดเบา ๆ “ที่จริงแม่ของแกก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่แกเจอมากเหมือนกัน เพียงแต่หล่อนมีบุคลิกเย็นชาเสมอ และไม่ชอบขี้หน้าเสิ่นเถี่ยจวิน ก็เลย…”
เซี่ยหลานขัดจังหวะคำพูดของพ่อ ยิ้มอย่างขมขื่น “แม่พูดถูกทุกอย่างค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารเซี่ยหลานเหลือเกิน เป็นคนแบกทุกอย่างเลย ถึงเวลาปล่อยสิ่งที่แบกแล้วล่ะค่ะ ปล่อยให้ตระกูลเสิ่นมันล่มสลายด้วยตัวมันเองเถอะ
ไหหม่า(海馬)