เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า – ตอนที่ 175 ปิดคดี

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 175 ปิดคดี

ซ่งอีเหรินพูดถูกต้องมาก

การเปิดหุบเขานิรันดร์ ศิลาหินพวกนั้นหมายถึงโชควาสนายิ่งใหญ่

ทำให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เขาศักดิ์สิทธิ์มากมายอดใจไม่ไหวมาตามหาโชควาสนาที่เมืองหลวง

แต่บางคนไม่ต้องการโชควาสนาเช่นนี้…อย่างเช่นเซียนจุติลั่วฉางเซิงคนนั้น อย่างเช่นน้องสาวของหนิงอี้

เผยฝานนั่งบนเก้าอี้กลองเอว มองหนิงอี้ มือข้างหนึ่งลูบสัญลักษณ์ ‘พุทราแดง’ นั้นตรงระหว่างคิ้วตนซ้ำไปมา ภายใต้การโคจรกระบี่ซ่อน ใบหน้านางเปล่งแสงสว่าง ปากพูดพึมพำ “ไม่นึกเลยว่ากระบี่ซ่อนจะล้ำค่าเช่นนี้”

ที่ศิลาหินในหุบเขานิรันดร์ล้ำค่าก็เพราะในนั้นซ่อนเจตนารมณ์ไว้

มาจากราชันดาราระดับสุดยอดพวกนั้น มาจากยอดฝีมือที่นิพพานสำเร็จ มาจากนักกระบี่และนักดาบที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศในร้อยปีพันปีมานี้ เป็นประสบการณ์ที่พวกเขาได้ฝากเอาไว้

แม้ประสบการณ์นั้นจะล้ำค่า เป็นแสงเทพในช่วงคอขวด แต่ออกจากหุบเขานิรันดร์ก็จะเก็บไว้ไม่ได้ เจตนารมณ์ของเจ้าของศิลาหินคงอยู่ในศิลาตลอดกาล เอาไปไม่ได้

ดังนั้นคลื่นลมถาโถม กาลเวลาผ่านพ้นไป เด็กหนุ่มมาแล้วก็ไป มีคนรุ่งโรจน์ มีคนตกต่ำ แต่หุบเขานิรันดร์ก็ยังเป็นหุบเขานิรันดร์ตลอดกาล

เด็กสาวไม่เคยเจอคอขวดเลย

นางก้าวสู่การบำเพ็ญมา กระบี่ซ่อนของบิดาอยู่กับนาง หายใจเข้าและออกล้วนเป็นการฝึกบำเพ็ญ หลับตาลืมตา เคลื่อนไหวหรือหยุด ทุกช่วงเวลา นี่คือโชคใหญ่เท่าฟ้า เป็นที่โปรดปรานของเทพเจ้า ตอนอยู่เทือกเขาประจิม โจวโหยวมองพลาดไป เมล็ดพันธุ์เต๋าแห่งสำนักเต๋าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือต้าสุย เดิมทีคิดว่าเผยฝานเป็นเพียงคนที่มีคุณสมบัติสูง นับว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ไม่ใช่อัจฉริยะเท่าไร

จนกระทั่งสวีจั้งไปภูเขาม่วง มอบกระบี่ซ่อนให้เด็กสาวทั้งหมด

สายเลือดวิถีกระบี่ของตระกูลเผยเริ่มปลุกตื่น

“ข้าเหมือนจะสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่ที่ท่านพ่อให้ไว้ได้ตลอดเลย” เผยฝานมองหนิงอี้พลางรู้สึกละอายใจนิดๆ นางพูดงึมงำ “หนิงอี้ ข้าควรหมั่นฝึกบำเพ็ญให้สมกับที่เขาคาดหวังหรือไม่”

หนิงอี้เงียบลง

เขาส่ายหน้า “ยังจำก่อนที่สวีจั้งไปภูเขาม่วงได้หรือไม่ เขาบอกว่าอย่างไร ท่านเผยหมินหวังให้เจ้าเป็นคนธรรมดา กระบี่ซ่อนนี้จะอยู่ข้างกายเจ้า ปกป้องเจ้าไปตลอด แสงดารากับปราณกระบี่ในนี้จะไม่มีวันเหือดแห้ง หากวันใดเจ้าอยากฝึกบำเพ็ญ เขาก็จะไม่ขวางเจ้า”

หนิงอี้เสียงแหบเล็กน้อย

กระบี่ซ่อน กำเนิดมาจากความรักที่บิดามีต่อบุตรสาว

ช่วยเหลือเงียบๆ อย่างเต็มความสามารถ

หากไม่ใช่เพราะหุบเขานิรันดร์ เผยฝานก็อาจจะสัมผัสไม่ได้ว่าพลังของกระบี่ซ่อนสำคัญถึงเพียงใด

ท่านเผยหมินตรึกตรองถึงเรื่องราวก่อนและหลัง ฝากทุกอย่างไว้ให้เด็กสาว

“ท่านเผยหมินหวังว่าจากนี้ไม่ว่าอย่างไร เจ้าจะมีความสุข” หนิงอี้ก้มหน้าลงพูด “ฝึกบำเพ็ญก็ดี เป็นคนธรรมดาก็ดี มีชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความทุกข์ไปทั้งชีวิต”

เด็กสาวมีสีหน้าไม่แน่ใจนิดๆ

นางพูดเสียงเบา “หนิงอี้ ข้าเข้าใจแล้ว”

…….

เมืองหลวงก็ยังคงเงียบสงบ

แต่ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่านี่คือความสงบก่อนมรสุมจะมาถึง

หมอกหุบเขานิรันดร์แทบจะหายไปทั้งหมด

คนหนุ่มสาวที่มีชื่อเสียงหลายคนแห่งแดนบูรพาต่างเดินทางจากเขาศักดิ์สิทธิ์ของตน แยกกันนั่งรถม้าที่แกะสลักดอกบัวสีดำ เคลื่อนตัวมาในพื้นที่ไข่มุกเชื่อมฟ้าของเมืองหลวง

เส้นทางภายในเมือง กิจการร้านเนื้อวัวสวีจี้ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน

สวีจิ่นที่เท้าคางเหม่อในร้าน เหม่อมองจวนขุนนางรองท่องกระบี่ที่อยู่ไม่ไกล หลายวันมานี้หนิงอี้กับเผยฝานไม่ออกมาเลย เห็นได้ชัดว่ารู้ว่ากรมข่าวกรองจับตาดูพวกเขาอยู่

ชีวิตน่าเบื่อมาก

จนกระทั่งคำพูดนี้ดังมาถึงหูเขา

“คดีลึกลับจวนเขาครามถูกคลี่คลายแล้ว”

…….

จวนเขาครามหลังจากสร้างขึ้นใหม่ได้เงินจัดสรรจากหอบัวในเมืองหลวง สองด้านหยินหยางได้รับการซ่อมแซม แม้ระดับความหนาแน่นของไอวิญญาณจะไม่เท่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังถือว่าเป็นแดนเทวาแดนผาสุก

เจ้าจวนขานฟ้าจูโฮ่วไปแม่น้ำวายุแดง ถูกลงโทษตามกฎหมายต้าสุย ตำแหน่งเจ้าจวนคนใหม่ยังว่าง ทั้งจวนขานฟ้าเสียหายอย่างหนัก ทั้งสำนักมีกลิ่นอายมรณะหนักหน่วง

ในศึกสำนักศึกษา พวกเขาเสียราชันดาราไปสองคน ยอดฝีมือนิพพานสองคน รากฐานเช่นนี้ วางในเมืองหลวงก็มีคุณสมบัติเรียกว่าเป็นผู้นำของสี่สำนักศึกษาจริงๆ จูโฮ่วไม่อยู่อีก อี๋อู๋สิ้นชีพ บรรพจารย์บุตรสู่ฟ้าถูกทำลายแหลกเป็นเสี่ยงๆ ราชาเพลงปราชญ์สู้กับเคียงกระบี่อย่างยุติธรรมและพ่ายแพ้ จิตวิญญาณสลายไป

จวนขานฟ้าในตอนนี้แทบจะหลุดออกจากรายนามสี่สำนักศึกษา

สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวไม่ได้คิดจะฆ่าล้างให้สิ้นซาก หลังจากกวาดล้างศิษย์ผู้มีความผิดตามกฎสำนักศึกษากลุ่มใหญ่แล้ว ก็ไม่สืบสาวราวเรื่องอีก นี่เหมือนจะเป็นความเห็นจากในวังเช่นกัน

ร้อยบุปผาเบ่งบานพร้อมกัน น้ำค้างสังหารร้อยวัชพืช การมาถึงของสองยุคนี้เหมือนจะรวมเข้าด้วยกัน เขาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากยิ่งใหญ่ขึ้น ต่อสู้กันจนถึงช่วงสุดท้าย ผู้ชนะจะเป็นจำนวนน้อยตลอดกาล จวนขานฟ้าไม่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย แต่ฝ่าบาททรงประคองไว้ ทำให้จวนขานฟ้าไม่ตกต่ำเกินขีดจำกัดในพันปีมานี้

ตอนนี้ทั้งจวนมีคนเดียวที่แบกรับภาระหนักอึ้งของจวนขานฟ้าได้

คุณชายครามไม่ถูกลดทรัพยากรลงแต่กลับได้มากขึ้น ผู้อาวุโสพวกนั้นของจวนขานฟ้า คนที่อยู่ในการต่อสู้ครั้งนี้หารือกันและมอบทรัพยากรให้คุณชายครามมากกว่าเดิม

จวนขานฟ้าจะสร้างลั่วฉางเซิงคนที่สอง

อยากจะแก้วิกฤติของจวนขานฟ้าในตอนนี้ มีเพียงคุณชายครามเท่านั้น หากเขาเป็นเหมือนเซียนจุติแห่งที่พำนักเทพได้ เอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดในรุ่นเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว ทะลวงขอบเขตที่สิบ เช่นนั้นอนาคตของจวนขานฟ้าก็ยังมีแสงสว่าง

ต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

จวนขานฟ้าเมื่อปีก่อน จูโฮ่วอยู่ซ้าย อี๋อู๋อยู่ขวา ข้างบนมีขอบเขตนิพพานสองคน ในมหาโลก หินฐานรากเบื้องหลังสำนักแข็งแกร่งยิ่ง ได้โชควาสนาก็ไม่ถูกแย่งชิง ตอนนี้มรดกพังทลายลง รากฐานร้อยปีพังลงในทีเดียว

จะช้าไม่ได้อีกแล้ว

คุณชายครามนั่งในบ่อน้ำร้อนตามังกร ตรงแขนเขามีมังกรเล็กขยับไปมา เทียบกับการต่อสู้กับหนิงอี้ครั้งก่อน กลิ่นอายพลังในตัวเขาพัฒนาขึ้นไปอีกก้าว มองไกลๆ หมอกน้ำแร่ข้างกายเขาเกิดคลื่นร้อนไร้รูป เขานั่งอยู่กลางบ่อ เหมือนกับเทพเจ้าโบราณ

เขารับทรัพยากรทั้งจวนขานฟ้า

อีกทั้งยังใช้วิธีการกดพลังบำเพ็ญมาตกตะกอนพลังบำเพ็ญของตนให้หนาแน่น

แต่หากมีผู้บำเพ็ญระดับราชันดารามาดูก็จะพบว่าคุณชายครามเดินเส้นทาง ‘ลัดขั้นตอนเพื่อให้สำเร็จโดยเร็ว’ เขารีบร้อนมาก กินทรัพยากรพวกนี้ลงท้อง ยังไม่ทันส่งต่อก็กดลงในตันเถียน

แสงดาราพวกนี้มีส่วนช่วยอย่างมากจริงๆ แต่ผู้ใช้คุมไม่ได้อย่างชำนาญก็เป็นเพียงสิ่งที่ดูดีแต่เปลือก ตอนนี้ใช้พลังมหาศาลปราบศัตรูได้ แต่ยิ่งฝึกไปช่วงหลัง แสงดาราไร้ประโยชน์ที่สั่งสมมาพวกนี้จะไม่ผลักดันอีก แต่จะกลายเป็นแรงขัดขวางที่มากที่สุด

คุณชายครามรู้จุดอ่อนของตนเองดี

แต่ภาระของจวนขานฟ้าตอนนี้วางอยู่บนบ่าเขา

เขาไม่มีทางเลือก

คุณชายครามเคยประมือกับนักกระบี่ที่มาเยือนจวนเขาครามในคืนนั้น จนมาถึงตอนนี้ ตัวตนของนักกระบี่นั่นไม่สำคัญแล้ว…เขามั่นใจได้ว่าคนนั้นไม่ใช่หนิงอี้ แต่เป็นผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์เหมือนกัน

ไม่ว่าใคร มีคนในรุ่นเยาว์เดินไปถึงก้าวนั้นได้ ก็เป็นระฆังเตือนคุณชายครามแล้ว

เหนือคนมีคน เหนือฟ้ามีฟ้า

ตนต้องเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าจะเกียจคร้านไม่ได้ ไม่อย่างนั้นภาพในอดีตจะฉายซ้ำอีกครั้ง

จิตมรรคของคุณชายครามไม่ใช่แค่ไม่ถูกทำลาย แต่กลับคิดได้แล้วยังแกร่งขึ้นกว่าเดิม แหลมคมขึ้น

นี่คือการพังทลายและสร้างขึ้นใหม่ที่ว่า

กลางน้ำพุร้อนตามังกร คุณชายครามพ่นลมหายใจขุ่น เขาลุกขึ้นยืน ย่อยสิ่งที่ตนตระหนักรู้มาเมื่อครู่ สวมชุดคลุมดำ ละอองน้ำในตัวถูกแสงดาราระเหยไปแล้ว

เวลาบังเอิญมาก เมื่อเขาทำทุกอย่างเรียบร้อย ก็มีคนเคาะประตูจวนเขาคราม

เขาสงสัยนิดๆ มองบุรุษที่สวมชุดคลุมแดงหลายคนก้าวเข้ามาในจวนตน โค้งตัวคารวะตน นี่เป็นมารยาทอย่างหนึ่ง ใบหน้าคนพวกนั้นเฉยชาไร้ความรู้สึกตลอด

“คนกรมผู้คุมกฎมาทำอะไรกันที่นี่”

เหลียนชิงวางมือข้างหนึ่งบนด้ามกระบี่ ชั้นวางไม้ที่แขวนกระบี่ยาวสี่เล่มส่งเสียงดังเอี๊ยดๆ เปล่งเสียงเหมือนแบกรับภาระหนัก

“เหลียนชิง คดีลึกลับจวนเขาคราม…กรมผู้คุมกฎคลี่คลายได้แล้ว พวกเรามาบอกเจ้าโดยเฉพาะ”

เหลียนชิงคว้ากระบี่โบราณฝักดำ นอนลงไปบนเก้าอี้ไม้ข้างหลัง เขามองผู้คุมชุดแดงจากกรมผู้คุมกฎด้วยความสนอกสนใจ

“เจี่ยนอี”

ผู้คุมกฎชุดแดงเอ่ยนามนี้ด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

“เจ้าเคยได้ยินนามนี้หรือไม่”

คุณชายครามขมวดคิ้ว เขาส่ายหน้า มั่นใจว่าไม่มีนามนี้ในความคิดตน

เจี่ยนอีเป็นคนร้ายในคดีลึกลับจวนเขาครามรึ

“ค่ายกลของจวนขานฟ้าผ่านมาร้อยปี คนและเรื่องราวเปลี่ยนไป ปรมาจารย์ค่ายกลที่ร่วมสร้างในตอนนั้นมีทั้งหมดเจ็ดสิบสองท่าน ร้อยปีมานี้ รวมผู้เข้าร่วมในทุกการปรับแก้แล้วมีทั้งหมดสามร้อยยี่สิบสี่ท่าน” ผู้คุมกฎชุดแดงนิ่งไป ก่อนจะพูดต่อ “เจี่ยนอีเป็นผู้สร้างแรกเริ่มในตอนนั้น รวมถึงผู้รวมกลุ่มปรมาจารย์ค่ายกลในช่วงหลัง”

คุณชายครามเงียบลง

“ค่ายกลจวนเขาครามเสื่อมสภาพลงในคืนนั้น ไม่อาจตรวจสอบผู้บุกรุกได้ เพราะตัวค่ายกลมีข้อบกพร่องใหญ่หลวง เพราะแอบลดขั้นตอนและคุณภาพลง หลังประกบกับปราณหยาง เลยเลี่ยงการตรวจสอบจากไข่มุกเชื่อมฟ้าได้พอดี”

ผู้คุมกฎชุดแดงเอ่ยเนิบนาบ “ขุดรากลึกลงไปก็เป็นเพราะบุรุษที่ชื่อเจี่ยนอี นี่เป็นความผิดของเขา”

คุณชายครามรู้สึกขำนิดๆ

เมืองหลวงแห่งนี้รู้ว่าจวนเขาครามมีนักกระบี่คนหนึ่งฝ่ายอดค่ายกลจวนขานฟ้าเข้ามาได้อย่างเงียบเชียบ

กรมผู้คุมกฎให้คำตอบเช่นนี้ นักกระบี่คนนั้นเข้าจวนขานฟ้าได้ก็เพราะค่ายกลของจวนขานฟ้าเกิดปัญหา ไข่มุกเชื่อมฟ้าไม่สังเกตเห็น ก็เพราะบุรุษชื่อเจี่ยนอี…วังไม่สนใจเลยหรือว่านักกระบี่คนนั้นเป็นใคร

คุณชายครามครุ่นคิดก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง ขอแค่รู้เหตุผลที่ค่ายกลจวนขานฟ้าผิดพลาดได้ชัดเจน เช่นนั้นวังจะสนใจหรือว่านักกระบี่ใดทำร้ายตน

เหลียนชิงถาม “ตอนนี้เจี่ยนอีอยู่ที่ใด ข้าอยากพบเขา”

“เจี่ยนอีตายแล้ว”

ผู้คุมกฎชุดแดงก้มหน้าลงพูดอย่างจริงจัง “เมื่อสิบสี่วันก่อน ถูกประหารเพราะรับสินบน ในคำสั่งเสียของเขา ได้ยอมรับความจริงที่เขาปรับแก้ค่ายกล นี่เป็นคำสั่งเสียที่ถูกพบหลังเขาตาย”

คุณชายครามมองกระดาษสีแดงที่ถูกแสงดาราเก็บรักษาไว้ในมือผู้คุมกฎชุดแดง

“ดังนั้น พวกเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร”

คนชุดคลุมแดงยักไหล่ ชูกระดาษแดงขึ้น ปากพูดอย่างเฉยชา “ต่อให้ไขคดีนี้ได้แล้ว ก็ต้องมีลายนิ้วมือของเจ้าทุกข์”

เขารู้ท่าทีที่ผู้คุมกฎมาที่นี่ เอ่ยคำพูดนี้กับเขาก็หมายความว่าเรื่องนี้จะผ่านไปเช่นนี้แล้ว

ไม่อยากเชื่อว่าจะไขคดีเรื่องนี้ได้เร็วขนาดนี้ ดูท่าในวังคงมีคนดำเนินการสืบคดีลึกลับจวนเขาคราม

ส่วนเป็นเทพเซียนที่ใด ไม่อาจรู้ได้

คุณชายครามใช้นิ้วโป้งประทับตรา กดลงบนที่ว่างเปล่าของคำสั่งเสียสีแดง

“ผ่านไปแล้ว ธุลีคืนสู่ธุลี ดินคืนสู่ดิน…”

เขาลุกขึ้นพูด “ไม่ส่ง”

………………………..

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท