สูตรโกงฉบับเด็กเรียน – บทที่ 296 ตัดสินใจแล้ว!

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 296 ตัดสินใจแล้ว!

ไป๋เยี่ยและจ้าวเฉินพูดคุยกันตลอดทั้งบ่าย ตั้งแต่เรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการวิจัยและพัฒนา แนวคิดในการผลิตไปจนถึงขั้นตอนการโปรโมตผลิตภัณฑ์ ลากยาวไปจนถึงเรื่องที่ปรึกษาของจ้าวเฉินที่มหาวิทยาลัยในแมสซาชูเซตส์

ค่ำวันนั้น ไป๋เยี่ยและจ้าวเฉินจึงทำสัญญากันแบบปากเปล่า สุดท้ายแล้วไป๋เยี่ยก็ยังไม่ได้ก่อตั้งสถาบันวิจัยของตนเองสักที

ไป๋เยี่ยขอให้คนขับรถช่วยจองโรงแรมดีๆ และเลี้ยงอาหารเย็นจ้าวเฉินด้วย

อย่างไรเสีย ผู้ชายคนนี้ก็หมกอยู่ในห้องทดลองมาเกือบสองเดือนแล้ว เขาประทังความหิวในแต่ละวันด้วยการสั่งเดลิเวอรี่มา ส่วนเวลาที่เหลือก็หมดไปกับการทำวิจัยในห้องนั้นหรือไม่ก็อ่านงานเขียนต่างๆ

บางครั้งคนเราก็ต้องกวดขันตนเองบ้าง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม

กว่าจ้าวเฉินจะประสบความสำเร็จในวันนี้ ได้เป็นถึงอาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอกที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยเป่ยหาง ผู้มีโครงการวิจัยมากมายในครอบครองและวารสารที่ได้คะแนนไอเอฟสูงหลายฉบับนั้นล้วนมาจากความมุมานะอันแรงกล้าและความเชื่อมั่นในตนเองของเขา

เขามีอายุเพียงสามสิบสามปีเท่านั้น แต่กลับมีทักษะเลเวลสูงถึงสองทักษะ ทั้งที่บางคนอาจจะต้องใช้เวลาชั่วชีวิตกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้

ระหว่างมื้ออาหาร ไป๋เยี่ยก็ตระหนักได้ว่าอาหารราคาแพงที่เขาสั่งมานั้นช่างสิ้นเปลืองเงินเหลือเกิน!

รู้งี้ซื้อผงโปรตีนให้เขาสักกระป๋องยังดีซะกว่า

เพราะว่าในสายตาของจ้าวเฉิน เขามองว่าอาหารมีไว้เพื่อเติมเต็มกระเพาะเท่านั้น มันเป็นเพียงสารอาหารที่ถูกนำไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญขั้นพื้นฐานและช่วยรักษาสภาพการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติเท่านั้น

นั่นทำให้ไป๋เยี่ยเริ่มสงสัยว่าผู้ชายคนนี้มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร ทว่าพอได้รู้ว่าจ้าวเฉินยังโสด ไป๋เยี่ยก็พอจะเข้าใจแล้ว

คงมีแค่ ‘วิทยาศาสตร์’ เท่านั้นที่แต่งงานกับคนแบบนี้ได้!

คนที่ทั้งเก่งกาจ หล่อเหลา มีไอคิวและอีคิวที่สูงปรี๊ด แถมยังมีระบบคอยควบคุมแบบผมน่ะมีน้อยเกินไปจริงๆ แหละ…

หลังจากนั้นไป๋เยี่ยก็ขอให้คนขับรถพาจ้าวเฉินไปส่ง ส่วนเขาก็แยกย้ายกลับบ้านไป

กว่าไป๋เยี่ยจะถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว ทว่าไฟในห้องนั่งเล่นยังคงส่องสว่าง บ้านหลังนี้มีแค่สองห้องนอน ไป๋หลิงเองก็หลับไปแล้ว ไป๋เยี่ยจึงนอนที่โซฟาห้องนั่งเล่นแทนเพื่อที่จะได้ไม่รบกวนเธอ

เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยเดินปรี่ไปที่หน้าประตูชุมชนเพื่อซื้อซาลาเปา น้ำเต้าหู้และโหยวเถียว[1] มากินเป็นอาหารเช้ากับทั้งครอบครัว

อีกไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาแล้ว ไป๋เยี่ยจึงพยายามใช้เวลากับครอบครัวให้มาก

วันนี้ไป๋เยี่ยจึงไม่ได้ไปหาอาคามอสและโมลโด เพราะเขาต้องการศึกษาเรื่องสถาบันวิจัยก่อน

เมื่อวานนี้ เขาได้ไปเยือนฐานทดลองของมหาวิทยาลัยเป่ยหาง สิ่งที่เขาได้พบเห็นผ่านดวงตารอบรู้นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน!

แขนกลของจ้าวเฉินมีคุณค่าต่อการทำวิจัยมาก หลังจากที่ไป๋เยี่ยพิจารณาจนถี่ถ้วนแล้วก็ตัดสินใจก่อตั้งสถาบันวิจัยขึ้น

แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาในระยะยาว!

อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งสถาบันวิจัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ประการแรกคือปัญหาเรื่องเงินทุน เพราะว่าเป็นสถาบันวิจัย จึงมีการทดลองและโครงการวิจัยเกิดขึ้นแทบทุกวัน ซึ่งอาศัยงบประมาณจำนวนมาก

ในปัจจุบัน สถาบันวิจัยส่วนใหญ่จึงมักจะร่วมมือกับบริษัทกองทุนต่างๆ ในขณะที่ไป๋เยี่ยต้องการก่อตั้งสถาบันวิจัยอิสระ

และเพราะเหตุนี้เอง การหมุนเวียนของเงินทุนจำนวนมหาศาลจึงถือเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่สำคัญมาก

ทว่าไป๋เยี่ยก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่โตนัก เพราะตอนนี้องค์ความรู้ด้านการศัลยกรรมกระดูกของเขาก็สมบูรณ์มากแล้ว ซึ่งล้วนเป็นทักษะที่สร้างประโยชน์ให้เขาได้

เมื่อเทียบกับหน่วยงานวิจัยอื่นๆ แล้ว สถาบันวิจัยกระดูกที่ไป๋เยี่ยจะก่อตั้งขึ้นนั้นจะเป็นสถาบันวิจัยที่ครอบคลุมด้านการบูรณาการงานวิจัยเข้ากับการปฏิบัติงานในโรงพยาบาล

หมายความว่าอย่างไร

นอกจากก่อตั้งสถาบันวิจัยกระดูกขึ้นแล้ว ก็จะมีการก่อตั้งโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกในเครือของสถาบันวิจัยด้วย เพื่อใช้ในการฝึกฝนภาคปฏิบัติและใช้ในการรายงานผลการวิจัยต่างๆ

ทั้งสองหน่วยงานนี้จะส่งเสริมซึ่งกันและกันและจะมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาร่วมกัน

ยิ่งไปกว่านั้น โรงพยาบาลก็เป็นหน่วยงานที่พึ่งพาตนเองได้ ซึ่งไป๋เยี่ยก็มั่นใจว่าศักยภาพของเขาในปัจจุบันจะสร้างชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาลได้อย่างแน่นอน

ไม่ต้องยกตัวอย่างไกลตัวเลย แม้แต่โมลโดผู้เป็นถึงบุคคลสำคัญในสาขาศัลยกรรมกระดูกจากเยอรมันและรองประธานสมาคมศัลยกรรมกระดูกนานาชาติก็ยังเป็นลูกศิษย์ของไป๋เยี่ย

เพราะฉะนั้น ปัญหาเรื่องเงินทุนหลักๆ แล้วน่าจะเป็นเรื่องทุนตั้งต้นมากกว่า ซึ่งแก้ไขได้ไม่ยากนัก เพราะไป๋เยี่ยมีเงินในบัญชีอีกหลายร้อยล้านหยวน ทั้งยังใช้หุ้นของน่าย่ามาค้ำประกันเงินกู้ได้อีกด้วย

ดังนั้น ตอนนี้ไป๋เยี่ยจึงไม่กังวลเรื่องเงินทุนเลย ต่อไปก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการก่อตั้งสถาบันวิจัย

นั่นคือการหาบุคลากร!

ความพร้อมของบุคลากรถือเป็นกำลังหลักในการก่อตั้งและพัฒนาสถาบันวิจัย

หากต้องการพัฒนาสถาบัน ก็ขาดบุคลากรระดับแนวหน้าไปไม่ได้ ไหนจะมีบุคลากรระดับกลางที่กำลังทำงานหรือศึกษาต่ออยู่ด้วย

ทว่าไป๋เยี่ยกลับยิ่งกังวลว่าสิ่งที่เขาต้องการสร้างขึ้นมานั้นจะเป็นเพียงสถาบันวิจัยไร้ชื่อแห่งใหม่ที่ไม่ประสบผลสำเร็จหรือได้รับรางวัลใดๆ

บรรดาบุคลากรระดับแนวหน้ามักจะดูแคลนสถาบันหน้าใหม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งนักวิจัยหรือผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นก็ล้วนเป็นกลุ่มคนที่สถาบันวิจัยรายใหญ่กำลังแย่งชิงกันทั้งนั้น

แน่นอนว่าเงินทุนที่มากพอก็ดึงดูดบุคลากรได้บางส่วน แต่ไป๋เยี่ยจะมีเงินสักเท่าไหร่กัน

เหล่านักวิจัยที่มีอนาคตยาวไกล มีศักยภาพและมีความเก่งกาจนั้นล้วนมองที่ผลลัพธ์เป็นหลัก

ผลการวิจัยและคุณภาพของงานวิจัยคือสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด

ดังนั้น ไป๋เยี่ยจึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อย แน่นอนว่าเขาสามารถปลูกฝังบุคลากรได้ แต่มันอาศัยเวลานานเกินไป

ไป๋เยี่ยทนรอไม่ไหว

ไป๋เยี่ยมี ‘ดวงตารอบรู้‘ ที่สามารถส่องหาจุดเด่นและพรสวรรค์ของตัวบุคคลได้ แต่กว่าจะค้นพบบุคคลเหล่านั้นก็ยังใช้เวลานานมากอยู่ดี

ในด้านของอุปกรณ์ เส้นสายและการติดต่อสื่อสาร ฯลฯ นั้นยังพอค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่เรื่องบุคลากรนั้นไม่อาจรอช้าได้!

ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น

[ติ๊ง! เริ่มภารกิจก่อตั้งสถาบันวิจัยกระดูก]

[เงื่อนไขภารกิจ: ก่อตั้งสถาบันวิจัยกระดูกให้สำเร็จภายในหนึ่งปี รางวัลสำเร็จภารกิจ:

1. แต้มสมาชิก 100 แต้ม

2. ชุดเครื่องมือศัลยกรรมกระดูก

3. โอกาสจับรางวัลระดับ 6 ดาว 1 ครั้ง]

ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง เขาไม่คิดว่าความคิดเพียงแค่นี้จะกระตุ้นภารกิจได้เช่นกัน

ไป๋เยี่ยถอนหายใจ จะดึงดูดผู้เชี่ยวชาญมายังไงดี

นี่แหละปัญหาของจริง!

เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยรีบตื่นแต่เช้าไปหาโมลโดและอาคามอส หลังจากที่ไป๋เยี่ยเล่าความคิดของตนให้ทั้งสองคนฟัง พวกเขาก็พากันตะลึง

พวกเขาไม่คิดเลยว่าไป๋เยี่ยจะมีความกล้าถึงขนาดนี้ แต่เมื่อคิดดูดีๆ ไป๋เยี่ยก็เป็นคนแข็งแกร่งจริงๆ

เมื่อไป๋เยี่ยเกริ่นประเด็นเรื่องบุคลากรขึ้นมา โมลโดก็แทรกขึ้นทันที “อาจารย์ ผมเป็นศิษย์ของคุณนะ! ผมมาได้อยู่แล้ว”

อาคามอสเองก็พยักหน้า ทำไมเขาจะมองไม่เห็นอนาคตของไป๋เยี่ยล่ะ ในเมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าคือคนที่มีโอกาสคว้ารางวัลโนเบลแท้ๆ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขายังอายุน้อยอยู่!

อาคามอสยิ้ม “อาจารย์ ผมมีวิธี!”

ไป๋เยี่ยหันไปมองอาคามอสด้วยสายตางุนงงก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มมาอย่างมีเลศนัย “จัดการประชุมไง!”

“การประชุมครั้งล่าสุดที่เราจัดขึ้นที่เมียนมาได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย พูดตามตรงนะ คุณคือคนที่มีความรู้ด้านศัลยกรรมกระดูกมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ถ้าคุณจัดการประชุมสาขาศัลยกรรมกระดูกขึ้นมา คุณจะต้องดึงดูดคนมาได้เยอะแน่ๆ พอถึงตอนนั้นแล้ว…ผมคิดว่าทำอะไรก็จะสะดวกมากขึ้นแล้วแหละ!”

[1] โหยวเถียว (油条) คือขนมปาท่องโก๋ของไทย แต่ในความเป็นจริงคำว่าปาท่องโก๋ที่คนไทยเรียกกันจนติดปากนั้นมาจากชื่อขนมไป๋ถังเถา (白糖糕) หรือขนมน้ำตาลทรายขาว ซึ่งเป็นขนมคนละชนิดกันกับโหยวเถียว

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

Status: Ongoing
สูตรโกงฉบับเด็กเรียน แฟนตาซีระบบเรื่องใหม่จากผู้เขียนเดียวกับ “เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ”ถูกหลอกดูดเงินจนหมดบัญชี สิ่งที่ได้มากลับเป็นระบบเด็กเรียน?! เป็นเด็กเรียนน่ะไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่เกรงว่าเด็กเรียนผู้นี้จะต้องใช้สูตรโกงเสียแล้ว![สวัสดี คุณไป๋เยี่ยที่เคารพ สมาชิก QQ เดือนนี้ของท่านกำลังจะหมดอายุโปรดต่ออายุสมาชิกทันทีเพื่อคงเลเวลสมาชิกของท่านไว้]ไป๋เยี่ย แค่อยากจะต่ออายุสมาชิก QQ เท่านั้นแต่เขากลับถูกตัดเงิน! ตัดเงิน!! ตัดเงิน!!!จนยอดเงินในบัญชีธนาคารเหลืออยู่เพียง 0.01 หยวน?!นี่หรือว่า…เขาจะเจอมิจฉาชีพหลอกดูดเงินเข้าแล้ว?!!แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีหน้าต่างประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้า[ติ๊ง! ต่ออายุสมาชิกสำเร็จ เลเวลสมาชิกปัจจุบัน: 1][ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านได้เปิดใช้แผนสมาชิกตลอดชีพแล้ว โปรดรับสิทธิประโยชน์สมาชิกของท่าน]และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำภารกิจเด็กเรียนเพื่อพิชิตการเป็นสุดยอดแพทย์แผนจีนผันตัวกลายเป็นเด็กเรียนเบอร์ต้นๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ฟันฝ่าอุปสรรคทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จและขวนขวายหาวิชาความรู้ด้วยตนเองท้ายที่สุดแล้วเขาจะเอาตัวรอดได้ด้วยตนเองหรือจะต้องใช้ ‘สูตรโกง’ กันนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท