ตอนที่ 3 ตกใจตื่นจากฝัน
เสี่ยวเหลียนมองดูสาวน้อย ค่อยๆ ดึงผ้าห่มบางมาคลุมกายเงียบๆ จากนั้นฝีเท้ากลับหยุดยิ่ง
“เหตุใดเจ้าจึงปลอมตัวเป็นคุณหนูของเรา” นางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง รองเท้าปักเหยียบไปบนพื้นที่เปียกน้ำอย่างไม่ทันรู้ตัว
ซินโย่วเหลือบตาขึ้นมองพลางกล่าวด้วยสายตานิ่งสงบ “ข้าเปล่า ตอนนั้นข้าก็ได้บอกแล้ว ข้าไม่รู้จักพวกเจ้า พวกเจ้าจำคนผิดแล้ว”
เสี่ยวเหลียนเลิกคิ้วขึ้นท่าทางโมโห “แล้วเหตุใดเจ้าตามพวกเรามาเล่า”
ซินโย่วมองนางพลางเผยสีหน้าเยาะ “ข้าปฏิเสธได้หรือ”
เสี่ยวเหลียนนึกถึงภาพในตอนนั้น ก็อดชะงักไปไม่ได้
ในตอนนั้นคุณหนูผู้นี้นับได้ว่าแทบจะถูกนายท่านรองบังคับนำตัวกลับมา
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เสี่ยวเหลียนก็ขบริมฝีปากเอ่ยว่า “พักผ่อนก่อนสักคืน รอไว้พรุ่งนี้เช้า เจ้าค่อยตามข้าไปพบนายหญิงผู้เฒ่าพูดกันให้กระจ่าง”
ค่ำคืนค่อยๆ เงียบสงัดลง แว่วเสียงแมลงร้องลอดผ่านบานหน้าต่างไม้แกะสลักลายมงคลกระจ่างชัดเจน ซินโย่วมองเสี่ยวเหลียน แน่ใจว่าเป็นบ่าวที่ภักดีต่อนายตน ก็นับว่าเป็นผู้มีจิตใจดีงาม
นางจึงมีใจคิดคุยด้วยดีๆ
เสี่ยวเหลียนเห็นซินโย่วเงียบไป ก็ลังเลเล็กน้อย กระทืบเท้าเอ่ยว่า “เอาละ รอให้เจ้ารักษาตัวหายก่อนค่อยไปบอก!”
มุมซินโย่วปากเผยรอยยิ้มบาง “เจ้าคิดว่าพวกเขาจะเชื่อหรือ”
“แน่นอน…” เสี่ยวเหลียนหลุดปาก แต่พอมองใบหน้าที่แทบจะเหมือนกับคุณหนูตนทุกประการแล้ว ก็พูดไม่ออก
ยามนี้มองให้ดี คุณหนูผู้นี้มีรูปหน้าแตกต่างจากคุณหนูตนอยู่บ้าง เพียงแต่เพราะตอนกลางวันที่หานางพบนั้นตื่นเต้นดีใจเกินไป เดิมยามหญิงสาวปล่อยผมไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อยก็แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดมาก
“น้ำเสียงเจ้าต่างกับคุณหนูของเรา…” น้ำเสียงเสี่ยวเหลียนแผ่วลง
ความแตกต่างมี แต่ไม่มาก อย่างน้อยแม้นางฟังไม่ค่อยคล้าย แต่กลับคิดว่าเป็นเพราะร่างกายคุณหนูไม่สบาย ส่วนพวกนายหญิงผู้เฒ่าไม่เคยได้อยู่ร่วมกับคุณหนูทั้งวันคืน เกรงว่ายากจะสังเกตเห็นได้
ซินโย่วกระชับผ้าห่มบางแน่นขึ้นอีก เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “หากพวกเขาไม่เชื่อ สถานะ ‘คุณหนูโค่ว’ เกรงว่าก็คงไม่ให้เจ้าอยู่ต่อแล้ว”
สีหน้าเสี่ยวเหลียนซีดเผือด นึกถึงฟางหมัวมัวแม่นมคุณหนู ตอนนั้นฟางหมัวมัว[1]กับนางเข้าเมืองมาพร้อมกับคุณหนู พอทำผิดก็ถูกส่งไปโรงบ้านชานเมือง นางจึงไม่ได้พบกับคุณหนูอีก
หากนายหญิงผู้เฒ่าไม่เชื่อนาง ต้องคิดว่านางป่วยเสียสติ เกรงว่าจุดจบของนางคงเลวร้ายกว่าฟาง หมัวมัว และทันทีที่นางเกิดเรื่อง คุณหนูตัวปลอมยังอยู่ในจวน ผู้ใดจะรู้เรื่องคุณหนูกัน
“หากพวกนางเชื่อ…” ซินโย่วชะงัก
เสี่ยวเหลียนอดลืมตาขึ้นจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยไม่ได้
ซินโย่วจ้องเสี่ยวเหลียนเขม็ง ถามขึ้นทีละคำว่า “เจ้าแน่ใจว่า พวกเขาอยากให้คุณหนูเจ้ายังมีชีวิตรอดอยู่หรือ”
สีหน้าเสี่ยวเหลียนปราศจากสีเลือดอย่างสิ้นเชิง “เจ้า เจ้าหมายความเช่นไร”
เทียบกับอาการตื่นตกใจของเสี่ยวเหลียนแล้ว สาวน้อยใต้แสงเทียนกลับดูสงบนิ่งกว่ามาก “คุณหนูทั้งสามจวนรองเจ้ากรมขึ้นเขาไปกับคุณหนูโค่ว มีเพียงคุณหนูโค่วพลัดตกหน้าผา เกรงว่ามีเพียงความเป็นไปได้ประการเดียวก็คือมิใช่อุบัติเหตุ แต่ควรค่าแก่การคิดให้มากอีกสักหน่อย เจ้าว่าไหม”
“เป็นไปไม่ได้ คุณหนูเราเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของนายหญิงผู้เฒ่า นายหญิงผู้เฒ่ารักคุณหนูมาก นายหญิงผู้เฒ่ายังบอกว่าจะให้คุณหนูหมั้นหมายกับคุณชายใหญ่ จะได้กระชับความสัมพันธ์เครือญาติให้ยิ่งแน่นแฟ้น…” เสี่ยวเหลียนปฏิเสธตามสัญชาตญาณ แต่สีหน้ากลับยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
ใช่แล้ว เห็นกันอยู่ว่าคุณหนูทั้งสี่ขึ้นเขาไปด้วยกัน เหตุใดมีเพียงคุณหนูนางพลัดตกหน้าผา เป็นเพราะคุณหนูดวงไม่ดีจริงหรือ
จวนรองเจ้ากรมมีคนตั้งมากมาย หากจะกล่าวถึงคนนอก แท้จริงก็มีเพียงโค่วชิงชิงกับนางสองนายบ่าว พอเกิดความระแวงขึ้นมา ก็ราวกับต้นหญ้าเติบโตหลังฝน ยิ่งงอกงามไปไกล
“แลกเปลี่ยนกันดีไหม” สาวน้อยกอดผ้าห่มบุฝ้ายสีอ่อนพิงหัวเตียงด้วยสีหน้านิ่งสงบ
ในใจเสี่ยวเหลียนสงบลงอย่างไร้เหตุผล “แลกเปลี่ยนอันใด”
“รอให้ข้ารักษาตัวหายดี ก็จะอ้างเหตุไปเยี่ยมท่านปู่หวัง พาเจ้าไปตามหาคุณหนูโค่ว และจากนั้นไม่ว่าตามหาคุณหนูเจ้าพบเมื่อใด ข้าก็จะให้ความร่วมมือยอมเปลี่ยนตัวกลับมาเงียบๆ”
เสี่ยวเหลียนอดพยักหน้าไม่ได้
เทียบกับมีเรื่องขึ้นมาตอนนี้และไม่รู้ผลที่จะตามมา เช่นนี้ย่อมรอบคอบกว่ามาก
“เช่นนั้นเจ้าต้องการอันใด” เสี่ยวเหลียนถามอย่างระแวง
ริมฝีปากซินโย่วโค้งขึ้น เห็นชัดว่ากำลังยิ้ม แต่กลับทำให้คนเห็นรู้สึกได้ถึงความขมเฝื่อน “ข้ามาเมืองหลวงมาตัวคนเดียว ต้องการที่พักอยู่พอดี ก่อนที่จะตามหาคุณหนูโค่วพบ ก็ให้ข้าอยู่ที่นี่ไปชั่วคราวก่อน”
นางไม่รู้ว่าฆาตกรสังหารมารดานางคือผู้ใด การมาตามหาฆาตกรเพื่อแก้แค้นในเมืองหลวงที่ไม่คุ้นเคยนี้ หากต้องการที่พักพิงสักแห่ง ก็มิสู้ได้สถานะปลอดภัยสักสถานะ
ยังจะมีการปกปิดใดดีไปกว่าการได้กลายเป็นอีกคนหนึ่ง?
สีหน้าเสี่ยวเหลียนแปรเปลี่ยนไปมา เม้มปากตัดสินใจเอ่ยว่า “หากว่า…หากว่าคุณหนูเราจากไปแล้ว เจ้าก็ดำรงสถานะคุณหนูต่อไปได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข”
พอตั้งสติคิดให้ดีแล้ว คุณหนูตกลงจากหน้าผาสูงชันขนาดนั้น มีความเป็นไปได้สักเท่าไรกันที่นางจะกลับมาอย่างปลอดภัย
เสี่ยวเหลียนปาดน้ำตาสะอื้นไห้เอ่ยว่า “ขอให้เจ้าช่วยสืบว่าคุณหนูเราตกหน้าผาใช่อุบัติเหตุหรือไม่!”
หากเหลือสาวใช้เช่นนางเพียงผู้เดียว อย่าว่าแต่แอบสืบ จะได้อยู่ในจวนรองเจ้ากรมต่อไปหรือไม่ล้วนขึ้นกับเจ้านาย คุณหนูท่านนี้คิดจะใช้สถานะคุณหนูเพื่อหาที่พักพิงชั่วคราว นางไหนเลยจะไม่ต้องการสถานะ ‘คุณหนู’
ซินโย่วพยักหน้า “ตกลง”
เสี่ยวเหลียนสีหน้าผ่อนคลายลง ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณหนูชื่อแซ่อันใด”
ซินโย่วหลุบตาลง “เดิมก็คิดอาศัยสถานะคุณหนูโค่ว ชื่อของข้าสำคัญอันใด”
เสี่ยวเหลียนเงียบไปครู่หนี่ง ก็ย่อเข่าลง “คุณหนู บ่าวจะเช็ดตัวให้ท่านต่อเจ้าค่ะ”
ซินโย่วพยักหน้า ตอบเบาๆ “ขอบคุณมาก”
“ควรแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนเดินไปที่ประตู ส่งเสียงเรียกสาวใช้ให้มาเปลี่ยนน้ำร้อน บิดผ้าเช็ดหน้าแห้งแล้วก็เช็ดตัวให้ซินโย่ว
เพิ่งก้าวเข้าสู่เดือนห้า ค่ำคืนก็เริ่มอบอ้าวแล้ว พลันมีความเย็นแตะลงบนหัวไหล่ ทำเอาซินโย่วสะดุ้งตกใจก่อนจะได้สติคืนมา นั่นคือน้ำตาของเสี่ยวเหลียน
หลังจากเช็ดตัวเสร็จ เปลี่ยนเป็นชุดตัวในที่คุณหนูโค่วไม่เคยสวมมาก่อน ซินโย่วก็พลันรู้สึกแห้งสบายตัวขึ้นมาก
“หากคุณหนูต้องการสั่งการใด บ่าวพักอยู่ห้องส่วนนอก” เสี่ยวเหลียนดับเทียน ก้าวออกไปด้วยฝีเท้าเบากริบ
แม้ว่าวันนี้ซินโย่วนอนไปแล้ว แต่ไม่นานความง่วงก็เข้าโจมตีอีกครั้ง เข้าสู่ความฝันด้วยสติสะลึมสะลือ
ในฝัน มือคู่หนึ่งออกแรงจนเส้นเอ็นปูดนูนขึ้นมา หมอนที่ปักดอกกล้วยไม้เคลื่อนออก เผยให้เห็นใบหน้าไร้สีเลือดของเสี่ยวเหลียน
เสียงดังกัมปนาท ซินโย่วลืมตาโพลงลุกขึ้นนั่ง
นอกหน้าต่างมีสายฟ้าฟาด ฝนตกลงมาแล้ว
ฝนหน้าร้อนมักจะมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ลมกรรโชกแรงใส่บานหน้าต่าง ซินโย่วเงี่ยหูฟัง คล้ายได้ยินเสียงสะอื้นไห้ที่พยายามกลั้นเอาไว้
ที่แท้เสี่ยวเหลียนยังไม่ได้นอน
ซินโย่วหรี่ตามองไปที่ประตู คิดถึงความฝันเมื่อครู่
นั่นมิใช่ฝันบอกเหตุ แต่ภาพที่ตนได้เห็นในตอนกลางวันยังคงฝังใจ จึงเก็บมาฝันซ้ำ
พอฝันซ้ำ ก็ทำให้นางได้สังเกตเห็นรายละเอียด เช่นชุดที่เสี่ยวเหลียนสวม ในภาพนั้นนางเห็นเพียงครึ่งท่อนบนของเสี่ยวเหลียน นางปักผมดอกไม้สีขาว ตัวเสื้อสีขาวล้วน
เช่นนั้น…ซินโย่วเคลื่อนสายตาไปที่หมอนหัวเตียง
หมอนนั้นยังมีไออุ่นของนางหลงเหลืออยู่ มีร่องรอยหนุนนอนของนาง มุมปลอกหมอนผ้าแพรต่วนสีน้ำตาลอ่อนมีใบกล้วยไม้เขียวดกและดอกกล้วยไม้บาน
ที่แท้ก็คือหมอนใบนี้
ซินโย่วยื่นมือออกไปหยิบหมอนปักดอกกล้วยไม้เล็กๆ ขึ้นมา
[1] หญิงรับใช้ที่แต่งงานแล้วหรือพอมีอายุสักหน่อยจะเรียกขานว่า หมัวมัว หรือ มามา บางครั้งหมัวมัวยังเป็นคำเรียกขาน แม่นม