สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 19 แอบช่วยเหลือ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 19 แอบช่วยเหลือ

“ใต้เท้า ท่านไม่เป็นอันใดกระมัง!” ทหารองครักษ์จิ่นหลินสองนายรีบก้าวเข้ามาอารักขาเฮ่อชิงเซียวซ้ายขวา

“ไม่เป็นอันใด” เฮ่อชิงเซียวเงยหน้ามองไปยังชั้นสองของร้านอาหาร ก่อนจะกวาดตามองคนเดินไปมา รอบๆ สุดท้ายก้มลงมองกระถางดอกไม้แตกละเอียดบนพื้น

คำพูดสาวน้อยวันนั้นพลันดังขึ้นในห้วงความคิด ว่า ‘ข้าเห็นหน้าผากของท่านผู้กล้ามีสีดำ เกรงว่าจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก ระยะนี้ยามเดินอยู่บนท้องถนนก็อย่าได้เดินริมอาคาร ระวังของร่วงตกใส่’

หน้าผากดำคล้ำ…เฮ่อชิงเซียวยกมือกดหว่างคิ้วตนเอง

ตอนนั้นเขารู้สึกว่าเป็นวาจาเหลวไหล วันนี้ถึงกับเกิดขึ้นจริง

คุณหนูผู้นั้นเชี่ยวชาญวิชานรลักษณ์จริงหรือ

ขณะเฮ่อชิงเซียวครุ่นคิด ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งบุกเข้าไปในร้านอาหาร นำตัวตัวต้นเรื่องออกมา

“ใต้เท้า เจ้าสองตัวบัดซบนี่ตีกัน ทำกระถางร่วงลงมาขอรับ!”

เฮ่อชิงเซียวมองด้วยแววตาสงบนิ่ง

สองคนที่ดื่มสุราแล้วมีเรื่องตีกันรู้ว่าผู้ที่จับตัวพวกเขาไว้ก็คือคนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ก็ตกใจสร่างเมากันไปก่อนหน้านี้แล้ว ปรี่ลงคุกเข่าขอร้อง

แม้แต่ผู้ดูแลร้านกับคนงานที่ตามออกมาต่างมีสีหน้าตกใจซีดเผือด เอ่ยขอชดใช้ไม่หยุด

“ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอร้อง แต่พวกเจ้าดื่มสุราแล้วโยนของลงมาทำให้คนด้านล่างบาดเจ็บ เกรงว่าวันหน้าอาจทำผิดเช่นนี้อีก ปรับคนละสิบตำลึงก็แล้วกัน”

“สิบ สิบตำลึง?” หนึ่งในนั้นตกใจ

ผู้ดูแลร้านแทบจะเข้าไปปิดปากคนผู้นั้น “หวางหยวนไว่ สิบตำลึงสำหรับท่านก็แค่ค่าสุราอาหารไม่กี่มื้อ…”

นี่มันคนโง่เง่าหรือนี่ นี่คือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเชียวนะ ไม่รีบมอบเงินอัญเชิญให้รีบไป คิดอยากส่งมอบตนเองไปแทนหรือ

แขกอีกคนกลับตั้งสติได้เร็วกว่า “ใช่ ใช่ ใช่ ไม่มากเลย ใต้เท้าเมตตาไม่คิดเอาเรื่องพวกเรา จึงได้ให้พวกเราแค่จ่ายเงินไว้เพื่อเตือนความจำเท่านั้น”

เขาพูดไปก็รีบควักเงินจากถุงเงินออกมา หยิบตั๋วแลกเงินสิบตำลึงสองใบประคองส่งให้ด้วยสองมือ

ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินผู้หนึ่งรับตั๋วแลกเงินมากวาดตามองแล้วก็ส่งให้เฮ่อชิงเซียว “ใต้เท้า”

เฮ่อชิงเซียวยัดตั๋วแลกเงินใส่ถุงเงิน เดินอ้อมกระถางดอกไม้ไปต่อ ลูกน้องสองคนรีบตามไป

แขกทั้งสองกับผู้ดูแลร้านอาหารยืนนิ่งไม่กล้าขยับเป็นนาน กลัวจะโชคร้ายอีก

เฮ่อชิงเซียวไม่พูดอันใดตลอดทาง จนกระทั่งเดินผ่านร้านหนังสือเงียบเหงาแห่งหนึ่งจึงหยุดลง

“ใต้เท้า มีอันใดสั่งการ?”

“พวกเจ้าไปสืบเรื่องของคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรมต้วนมาหน่อย ว่าเป็นอย่างไรกัน”

“ขอรับ”

เฮ่อชิงเซียวเดินเข้าไปในร้านหนังสือเพียงลำพัง เดินไปยังมุมที่คุ้นเคย หยิบบันทึกท่องเที่ยวเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน

ชายหนุ่มนิ้วมือเรียวยาว ข้อกระดูกกระจ่างชัด เปิดอ่านไปสักพักก็หยุด

วันนั้นตอนเสี่ยวเหลียนร้องไห้บนท้องถนน เฮ่อชิงเซียวได้จากไปแล้ว ย่อมไม่มีความคิดคาดเดาอันใด แต่เหตุที่ประสบมาวันนี้ ทำให้เขารู้สึกสนใจใคร่รู้จักคุณหนูโค่วผู้นั้นขึ้นมา

เดิมความสนใจใคร่รู้ไม่อาจทำให้เขาสั่งการลูกน้องไปสืบเรื่องของสตรีนางหนึ่ง แต่คุณหนูผู้นั้นถึงกับเชี่ยวชาญวิชานรลักษณ์ รู้ล่วงหน้าได้ว่าเขาจะถูกของที่ตกจากที่สูงทำให้บาดเจ็บ เหตุใดจึงไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่าม้าจะตื่นตกใจ?

หากใช้วิชานรลักษณ์เป็นเพียงข้ออ้าง แล้วนางรู้เรื่องวันนี้ได้อย่างไร

เฮ่อชิงเซียวไม่คิดจะมองสาวน้อยแววตากระจ่างใสให้ซับซ้อนมากนัก แต่เพราะตำแหน่งนี้ของเขา เขาจำต้องรอบคอบให้มาก

ลูกน้องสองคนกลับมารายงานเรื่องที่เขาคาดเดาไว้ได้แล้ว

“ใต้เท้า ในเมืองวันนี้มีข่าวลือของคุณหนูท่านนั้นไม่น้อย ที่แทบไม่น่าเชื่อที่สุดก็คือลือกันว่าจวนรองเจ้ากรมคิดยึดครองสมบัติคุณหนูโค่ว ต้องการเอาชีวิตนาง…” ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินผู้หนึ่งเล่าเรื่องที่สืบมาได้

ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอีกนายหนึ่งเสริมขึ้นว่า “นอกจากคุณหนูนอกท่านนี้ ยังมีคุณหนูนอกอีกผู้หนึ่งที่มักมาพักที่จวนรองเจ้ากรมบ้าง คุณหนูท่านนั้นแซ่เฉียว…”

เฮ่อชิงเซียวตัดบทลูกน้องที่กำลังรายงาน “เรื่องผู้อื่นไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง”

ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายสบตากัน ในใจคาดเดาไม่ผิด ใต้เท้าต้องการรู้จักคุณหนูนอกผู้นั้นที่อยู่ในกระแสสังคม

เฮ่อชิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะออกคำสั่งว่า “ไปตรวจสอบรองเจ้ากรมต้วน”

ยามนี้ได้เวลาเลิกทำการแล้ว บรรดาขุนนางหากไม่กลับบ้าน ก็ไปดื่มสุราสังสรรค์

รองเจ้ากรมต้วนเป็นประเภทหลัง

ในงานเลี้ยงสังสรรค์นี้เองทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เป็นร้านอาหารประจำ คุ้นเคยกับผู้ดูแลร้านและคนงานร้านอาหาร เหตุใดตอนคนงานนำอาหารขึ้นโต๊ะลอบมองเขาสายตาแปลกๆ

อีกอย่างตอนเข้ามาก็เห็นคนกินดื่มกันอยู่ ทุกคนล้วนเป็นคนคุ้นเคยกันดี คล้ายว่าเป็นคนกองพิธีการ แต่ไม่รู้เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนว่าคนเหล่านั้นเอาแต่แอบเหลือบมองเขา

ในใจรองเจ้ากรมต้วนนึกสงสัย แต่สีหน้ายังคงนิ่งสงบ หาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ สั่งให้บ่าวประจำตัวไปสืบข่าว

ดื่มสุราไปสามรอบ บ่าวประจำตัวก็กลับมา

รองเจ้ากรมต้วนเห็นสีหน้าบ่าวประจำตัวก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว ออกปากปิดงานเลี้ยงสังสรรค์ด้วยตนเอง

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว บ่าวประจำตัวถือโคมไฟเดินนำอยู่ด้านหน้า รองเจ้ากรมต้วนนิ่งไปครู่หนึ่งก็กระซิบถามว่า “มีเรื่องอันใดใช่หรือไม่”

บ่าวประจำตัวผ่อนฝีเท้าลง “นายท่าน เมื่อครู่ข้าน้อยเพิ่งสืบได้ข่าวเกี่ยวกับจวนรองเจ้ากรมมา…”

ฟังบ่าวประจำตัวเล่าจบ รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าเขียวคล้ำ ตวาดดังว่า “เหลวไหลสิ้นดี! คนพวกนี้…”

คำพูดต่อมาพลันชะงักกึก รองเจ้ากรมต้วนมองไปยังชายชุดแดงที่ค่อยๆ เดินเข้ามา ก็หยุดฝีเท้าลงอย่างไม่ทันรู้ตัว

ชายชุดแดงเดินมาใกล้ตรงหน้า ใบหน้าขาวเนียน วงคิ้วงามประณีต แม้เป็นคนที่พบกันบ่อยๆ ครั้งได้พบกันอีกครั้ง ก็ยังคงอดทอดถอนใจไม่ได้ว่า สวรรค์สร้างคนเรามาช่างไม่ยุติธรรมแท้

เจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินคนใหม่ท่านนี้ ชื่อเสียงมิได้มาจากสถานะน่าอึดอัดของเขาเท่านั้น ยังมีชื่อเสียงเพราะรูปร่างหน้าตาของเขาอีกด้วย

“ใต้เท้าเฮ่อ” เฮ่อชิงเซียวพลันปรากฏตัวขึ้น ทำให้ในใจรองเจ้ากรมต้วนเต้นแรง แต่กลับไม่แสดงท่าทางกล้าล่วงเกิน จึงเอ่ยทักทายก่อน

เฮ่อชิงเซียวไม่ได้ทักทายแล้วเดินผ่านไปเหมือนดังที่รองเจ้ากรมต้วนแอบหวัง หากหยุดลงเอ่ยว่า “ใต้เท้าต้วน ไม่ทราบว่าคุณหนูโค่วเป็นอย่างไรบ้าง”

รองเจ้ากรมต้วนเบิกตาโพลง อึ้งมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ

เจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสอบถามถึงหลานสาวเขา?

นี่มันเรื่องอันใดกัน หรือว่าเฮ่อชิงเซียวได้ยินข่าวลือพวกนั้น คิดนำเรื่องนี้มาหาเรื่องเขา?

รองเจ้ากรมต้วนสมองคิดเร็วจี๋ แต่กลับคิดไม่ออกว่าเคยล่วงเกินเจิ้นฝูสื่อผู้นี้เมื่อใดกัน แต่ไม่นานก็สงบจิตใจลงได้

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินต้องการหาเรื่องผู้ใดผู้หนึ่ง ไยต้องเคยล่วงเกินด้วย

“ใต้เท้าเฮ่อ…” รองเจ้ากรมต้วนเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

ยามนี้เฮ่อชิงเซียวจึงอธิบายว่า “วันนั้นออกไปปฏิบัติภารกิจ ระหว่างทางพบกับเหตุการณ์ม้าตื่นตกใจ หลังระงับม้าไว้ได้แล้ว จึงได้รู้ว่าหลานสาวท่านนั่งอยู่ในรถม้า วันนี้ได้พบใต้เท้าต้วนจึงได้ลองถามดูเท่านั้น”

“ที่แท้ใต้เท้าเฮ่อช่วยหลานสาวข้าไว้” รองเจ้ากรมต้วนคำนับนอบน้อมสีหน้าละอายใจ “วันนั้นรู้เพียงหลานสาวได้รับการช่วยเหลือจากผู้กล้าท่านหนึ่งที่ขี่ม้าผ่านมา จึงได้ปลอดภัยมาได้ กลับไม่รู้ว่าเป็นใต้เท้าเฮ่อ เสียมารยาทจริงๆ พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมคารวะขอบคุณที่จวน”

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ใต้เท้าต้วนไม่ต้องเกรงใจ คุณหนูโค่วปลอดภัยดีก็ดีแล้ว” เฮ่อชิงเซียวประสานมือ “ใต้เท้าต้วน เชิญตามสบาย”

“ใต้เท้าเฮ่อ ค่อยๆ เดิน” รองเจ้ากรมต้วนประสานมือคำนับตอบ

องครักษ์จิ่นหลินที่ตามอยู่ด้านหลังเฮ่อชิงเซียวหันไปมองรองเจ้ากรมต้วนที่ยังอยู่ในท่าคำนับตอบทีหนึ่ง ก็เกิดความรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา

ใต้เท้าตั้งใจช่วยเหลือคุณหนูโค่วผู้นั้นหรือ

ใต้เท้าเอ่ยเอาไว้เช่นนี้ หากจวนรองเจ้ากรมคิดร้ายต่อคุณหนูโค่วดังที่ได้ยินข่าวลือมาจริง ก็คงสงบเสงี่ยมขึ้นบ้าง

ก็ไม่รู้ว่าคุณหนูโค่วผู้นั้นรูปโฉมเช่นไร

รองเจ้ากรมต้วนยืนนิ่งอยู่กับที่จนบ่าวติดตามเอ่ยเตือน จึงได้ค่อยๆ ปล่อยมือลง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท