สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 27 คิดจากไป

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 27 คิดจากไป

ได้ยินซินโย่วเอ่ยถึงร้านหนังสือ เสี่ยวเหลียนก็อดนึกถึงนิยายที่ซินโย่วทิ้งไว้ที่หมู่บ้านภูเขานั่นไม่ได้ เล่มนั้นมีคราบสกปรกสีน้ำตาลเป็นดวงๆ หลายจุด

หากคุณหนูให้ฟางหมัวมัวไปสอบถามร้านหนังสือ หรือว่าเกี่ยวข้องกับนิยายเล่มนั้น

ฟางหมัวมัวรับคำออกไป ทิ้งเสี่ยวเหลียนไว้เฝ้าคุณหนูตอนกลางคืน

พอเหลือกันเพียงสองคน เสี่ยวเหลียนพลันคุกเข่าลง

ซินโย่วทำอันใดไม่ได้ “เหตุใดจึงคุกเข่าอีกแล้ว”

เสี่ยวเหลียนปาดน้ำตาเอ่ยว่า “ขอบคุณท่านที่แก้แค้นแทนคุณหนูเรา”

“ไม่ต้องขอบคุณ นี่คือค่าตอบแทนที่ข้ายืมสถานะคุณหนูโค่วมาใช้”

ซินโย่วดึงเสี่ยวเหลียนขึ้นมา ถามสีหน้าเคร่งเครียด “คุณหนูโค่วทิ้งสมบัติมหาศาลไว้ เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ”

เสี่ยวเหลียนถูกถามก็นิ่งอึ้งไปทันที “ท่าน ท่านคิดว่าอย่างไร”

“ข้าคิดอย่างไรไม่สำคัญ”

เสี่ยวเหลียนสีหน้าไม่เข้าใจ ซินโย่วได้แต่เอ่ยออกมาให้กระจ่าง “ข้าไม่ใช่คุณหนูโค่ว”

นางตัดสินใจเอาเองว่าจะดึงสมบัติคุณหนูโค่วคืนจากมือคนจวนรองเจ้ากรม จากนั้นเล่า?

นางไม่มีคุณสมบัติพอที่จะจัดการสมบัติก้อนนี้

เสี่ยวเหลียนจึงตั้งสติได้ พึมพำว่า “ใช่ ท่านไม่ใช่คุณหนูเรา…”

สาวใช้พูดไปก็ร้องไห้ออกมาอีก

ฟ้าคงรู้ว่าหลายครั้งที่ได้เห็นใบหน้าที่เหมือนกับคุณหนูนี้ นางก็คิดว่าคุณหนูยังอยู่ นางยังอยู่ข้างกายคุณหนู

“แต่บ่าวยอมให้ท่านได้เงินก้อนนี้ไป ก็ไม่อยากให้จวนรองเจ้ากรมได้ไป!”

ซินโย่วส่ายหน้า “เงินก้อนนี้ข้าไม่อาจรับไว้”

เดิมที่นางอาศัยสถานะโค่วชิงชิงก็เพราะไร้หนทางอื่น หากจะเอาเงินทองของนางไว้อีก ใช่ว่ากลายเป็นคนหน้าด้านที่ครอบครองสมบัติผู้อื่นหรือ

“หรือจะให้จวนรองเจ้ากรมได้สมบัตินี้ไปอย่างนั้นหรือ” เสี่ยวเหลียนสีหน้าไม่ยินยอม “คุณหนูถูกนายหญิงใหญ่ทำร้ายจนตาย แต่คนอื่นก็ไม่ใช่คนดี คุณชายใหญ่มักหลบเลี่ยงคุณหนู คุณหนูรองก็เยาะเย้ยคุณหนูนายท่านใหญ่วันนี้ก็ไม่ได้คิดออกหน้าให้คุณหนู บ่าวเพียงแค่คิดว่าวันหน้าคนที่เกลียดคุณหนูเหล่านี้ยังได้ใช้เงินทองของคุณหนู ก็รู้สึกแค้นใจแทนคุณหนูยิ่งนัก”

เสี่ยวเหลียนจะคุกเข่าอีก แต่ถูกซินโย่วดึงไว้

“คุณหนู ขอร้องท่านช่วยคุณหนูเราเถอะ หากท่านมีวิธีนำเงินทองคืนมา บ่าวจะจัดการตัดสินแทนคุณหนูเราเอง ท่านเก็บไว้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือเอาไว้แจกทานอาหารซ่อมแซมถนน หรือบริจาคก็ย่อมได้ อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้จวนรองเจ้ากรมได้ไปครอง!”

ซินโย่วตั้งใจฟังความคิดของเสี่ยวเหลียน ก็เอ่ยตามตรงว่า “คิดจะดึงสมบัติมหาศาลของคุณหนูโค่วทั้งหมดกลับมา แทบจะเป็นไปไม่ได้”

เงินทองนั่นมิใช่ไม่กี่สิบตำลึงหรือไม่กี่ร้อยตำลึง แต่คือล้านตำลึงเชียวนะ! มีคนสักกี่คนที่กลืนเงินมหาศาลกองนี้เข้าไปแล้วตัดใจคายออกมาได้

ก็เหมือนที่มารดาโค่วชิงชิงบอกกล่าวกับฟางหมัวมัว ขอเพียงบุตรสาวแต่งเข้าตระกูลต้วน หรือแต่งออกไปอย่างสมเกียรติได้ ล้วนไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเงินทองมหาศาลนี้กับบุตรสาวนางอีก

มารดาโค่วชิงชิงทำเช่นนี้ ล้วนเพราะรู้ดีว่าคนเราไม่อาจทนสิ่งล่อลวงใจก้อนโตเช่นนี้ได้ แม้คนผู้นั้นจะเป็นมารดาตนเองหรือยายแท้ๆ ของบุตรสาวนางก็ตาม

“เช่นนั้น เช่นนั้นนำกลับคืนมาได้เท่าไร” เสี่ยวเหลียนถามอย่างงุนงง

“หากคุณหนูโค่วออกเรือน น่าจะเป็นหนทางนำส่วนหนึ่งกลับมาได้ง่ายที่สุด แต่เจ้าก็รู้ ข้าไม่อาจเดินไปบนเส้นทางนี้ได้ ได้แต่พยายามเต็มที่ก็แล้วกัน หากราบรื่น บางทีอาจนำกลับมาได้หกส่วน…”

ปัญหาใหญ่ของโค่วชิงชิงก็คือเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีแรงเกื้อหนุนอื่นใดนอกจากจวนรองเจ้ากรม สมุดบัญชีในมือฟางหมัวมัวไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานได้ หากไม่เตรียมตัวให้ดี นำสมุดบัญชีออกมาขอคืนจากนายหญิงผู้เฒ่า นายหญิงผู้เฒ่าล้วนปฏิเสธได้

ก็แค่แม่นมเล็กๆ ผู้ใดเป็นพยานได้ว่าปีนั้นเงินก้อนโตของตระกูลโค่วถูกส่งเข้ากระเป๋าตระกูลต้วน

หกส่วน คือตัวเลขที่ซินโย่วคิดว่าพอจะนำกลับคืนมาได้

“หกส่วน…” เสี่ยวเหลียนแววตากระจ่างใสดังเดิม “หากนำกลับคืนมาได้หกส่วนจริง เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว เรื่องอื่นๆ…ก็ถือเสียว่านายหญิงกตัญญูต่อนายหญิงผู้เฒ่าก็แล้วกัน…”

จะทำใจยอมรับไม่ได้เพียงใด แต่เสี่ยวเหลียนก็ยังรู้อยู่ว่านายหญิงผู้เฒ่าเป็นมารดาของมารดาโค่วชิง ชิง เป็นยายแท้ๆ ของโค่วชิงชิง หากนำกลับมาไม่ได้จริง ๆ ก็ได้แต่ทำใจยอมรับ

หากนางยืนยันจะนำกลับมา ก็จะเป็นการบีบบังคับผู้อื่นเกินไป ไม่รู้จักมารยาทขอบเขต

คุยเรื่องนี้จบ ซินโย่วก็เอ่ยว่า “เสี่ยวเหลียน ข้าจะไปจากจวนรองเจ้ากรมแล้ว”

เสี่ยวเหลียนสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “คุณหนู ท่านไม่ใช่คิดอาศัยสถานะคุณหนูเราหรือ เหตุใดต้องไปจากจวนรองเจ้ากรม”

ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “ไปจากที่นี่ไม่ดีหรือ”

เสี่ยวเหลียนคิดถึงความสกปรกโสมมของจวนรองเจ้ากรมแล้ว แววตาก็ฉายแววรังเกียจ แต่มีความกังวลอยู่มากกว่า “ที่นี่แม้ว่าน่ารังเกียจ แต่อย่างไรก็เป็นบ้านท่านยายของคุณหนูเรา หากท่านออกไปเพียงผู้เดียว ไม่เอ่ยถึงจวนรองเจ้ากรมรับปากหรือไม่ ก็ยากจะรับรองความปลอดภัยได้”

แม้ได้รับอานิสงส์จากฮองเฮาของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแผ่นดิน สตรีแบ่งสันที่นาได้ ดำรงชีพเป็นเอกเทศได้ สถานะดีกว่าสมัยราชวงศ์ก่อนมาก แต่ในความเป็นจริง สตรียังไม่แต่งงานดำรงชีวิตเพียงลำพังไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น

ไม่มีเงินโดนคนรังแก มีเงินไร้อำนาจก็ถูกคนรังแกเช่นกัน

“ในเมื่อข้าคิดจากไปแล้ว ย่อมต้องมีที่พักในเมืองหลวง” เห็นเสี่ยวเหลียนยังคิดกล่อม ซินโย่วก็เอ่ยตรงๆ ว่า “ข้าต้องไปจากที่นี่ เรื่องสำคัญก็คือข้ามีธุระของข้าที่ต้องจัดการเช่นกัน”

จวนรองเจ้ากรมดีก็เท่านั้น ร้ายก็เท่านั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับโค่วชิงชิง มิใช่ซินโย่ว

เสี่ยวเหลียนได้ยินซินโย่วกล่าวเช่นนี้ ก็กลืนความกังวลลงท้องไป สีหน้ายืนยันหนักแน่นเอ่ยว่า “คุณหนูท่านไปที่ใด เสี่ยวเหลียนก็ขอตามท่านไปด้วย”

ซินโย่วเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “หากเจ้าติดตามข้า ย่อมอันตรายยิ่งกว่าในจวนรองเจ้ากรม”

“บ่าวไม่กลัว ขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่าน บ่าวไม่กลัวอันใด”

“ถ้าเจ้าคิดดีแล้วก็ได้” ซินโย่วบอกเรื่องที่ควรบอกหมดแล้ว ก็บ้วนปากล้างหน้าขึ้นเตียงนอน

ค่ำคืนเงียบสงัด จักจั่นส่งเสียงร้องดัง ซินโย่วพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ดึงสมุดเล่มหนึ่งออกจากใต้หมอน

นั่นก็คือนิยายที่ดูแล้วก็รู้ว่าถูกเปิดอ่านมาหลายครั้ง ขอบมุมล่างของปกบอกถึงแหล่งที่พิมพ์ ‘ร้านหนังสือชิงซง’

เช้าวันรุ่งขึ้น ตระกูลเฉียวก็มา ให้นายท่านสองต้วนเหวินไป่กับจูซื่อภรรยาออกหน้าตรวจนับทรัพย์สิน

เฉียวซื่อแต่งเข้าตระกูลต้วนยี่สิบกว่าปี สินออกเรือนไม่ว่าใช้ไปหรือนำไปเพิ่มมูลค่ามากขึ้น นับให้ละเอียดก็เสียเวลามาก

ต้วนอวิ๋นเฉินกับต้วนอวิ๋นหลางก้าวเข้ามาในจวนก็รู้สึกว่าผิดปกติ ต้วนอวิ๋นหลางเป็นคนนิสัยไม่เก็บงำความคิด ดึงบ่าวคนหนึ่งที่ผ่านมาถามขึ้นว่า “เหตุใดที่จวนเราวุ่นวายกันเช่นนี้ ยังมีคนแปลกหน้าไม่น้อย”

คนที่ถูกคว้าตัวไว้แววตาวูบไหว อึกอักครู่ใหญ่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา

“เป็นใบ้หรือ”

ต้วนอวิ๋นเฉินดึงต้วนอวิ๋นหลางไว้ “น้องรอง ไปคำนับท่านย่าก่อน”

สองพี่น้องรีบไปยังเรือนหรูอี้ถัง ได้ข่าวว่านายหญิงผู้เฒ่าสุขภาพไม่ค่อยดีกำลังพักผ่อนอยู่

ต้วนอวิ๋นหลางกะพริบตาปริบๆ “พี่ใหญ่ ที่จวนเราเกิดเรื่องแล้วแน่นอน!”

“ข้าไปถามท่านแม่”

สีหน้าต้วนอวิ๋นเฉินนับว่ายังคงเก็บอาการไว้ได้ รีบเร่งฝีเท้าเดินไปได้ไม่นานก็พบกับรองเจ้ากรมต้วน

วันนี้ไม่เพียงแต่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนหยุด แม้แต่ขุนนางก็เป็นวันหยุด ต้วนอวิ๋นเฉินไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ได้พบรองเจ้ากรมต้วนที่จวนในตอนนี้ รีบก้มกายคำนับ

“ท่านพ่อ วันนี้จวนเราคล้ายว่าวุ่นวายอยู่สักหน่อย มีเรื่องอันใดหรือ”

รองเจ้ากรมต้วนมองดูบุตรชายที่นับว่ายังคงนิ่งสงบอยู่ได้ทีหนึ่ง ก่อนมองดูหลานชายที่ออกอาการอยากรู้อยากเห็นและกังวลชัดเจน ทำหน้าบึ้งตึงเอ่ยว่า “คนจากบ้านยายเจ้ามา”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท