สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 29 พบกันอีกครั้ง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 29 พบกันอีกครั้ง

ร้านหนังสือตรงข้ามชื่อว่าร้านหนังสือหย่าซิน เมื่อวานซินโย่วได้ยินฟางหมัวมัวเอ่ยถึง แต่วันนี้ฟางหมัวมัวไม่ได้มา คนที่ตามซินโย่วมาก็คือเสี่ยวเหลียน

ซินโย่วสั่งให้สารถีบังคับรถม้าไปจอดหลบไกลออกไปอีกหน่อย ให้เสี่ยวเหลียนไปสอบถามสถานการณ์ก่อน

ไม่นานเสี่ยวเหลียนก็กลับมา ซับเหงื่อไปพลางเอ่ยว่า “วันนี้ร้านหนังสือหย่าซินเปิดขายนิยายเรื่องใหม่ของท่านผิงอัน จำนวนจำกัด จึงได้มีผู้คนมากมายมาแย่งกันเช่นนี้”

ซินโย่วมองบรรดาฝูงชนที่เบียดเสียดกัน เอ่ยน้ำเสียงสับสน “ที่แท้ชาวเมืองหลวงชอบอ่านนิยายเพียงนี้”

เสี่ยวเหลียนอยู่เมืองหลวงมาสี่ปี เห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้รู้สึกแปลก “ใช่เจ้าค่ะ ชาวเมืองหลวงรู้หนังสือ ยามว่างก็ชอบอ่านนิยายฆ่าเวลา แม้ไม่รู้หนังสือก็ชอบไปฟังคนเล่านิยายเรื่องใหม่ที่ร้านอาหารร้านน้ำชา…”

สาวใช้พูดไปๆ ก็หยุด ดึงแขนเสื้อซินโย่ว “คุณหนู ท่านดูนั่นใช่คุณชายรองหรือไม่!”

ซินโย่วมองตามมือเสี่ยวเหลียนชี้ไป ก็เห็นเด็กหนุ่มสองคนลับๆ ล่อๆ หนึ่งในนั้นก็คือต้วนอวิ๋นหลาง

“คุณชายรองถึงกับออกมาซื้อนิยายตอนกำลังเรียนอยู่!” เสี่ยวเหลียนตกใจ

ซินโย่วคิดหลบต้วนอวิ๋นหลาง จะได้ไม่เป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้นจึงเบียดผู้คนเดินเข้าไปในร้านหนังสือชิงซง

เทียบกับร้านหนังสือหย่าซินที่ผู้คนแน่นขนัดแล้ว ร้านหนังสือชิงซงเงียบเหงาจนน่าปวดใจ ผู้ดูแลร้านหูกำลังนั่งเหม่อ คนงานกำลังสัปหงก ถึงกับไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินเข้ามา

เสี่ยวเหลียนกระแอมไอทีหนึ่ง

คนงานกระโดดขึ้นโพล่งถามว่า “เบียดมาถึงในร้านพวกเราเลยหรือนี่”

เสี่ยวเหลียนเอ่ยเสียงดังฟังชัด “คุณหนูของเรามาซื้อหนังสือ”

“เดินเข้าผิดร้านหรือไม่…”

ผู้ดูแลร้านหูยื่นมือไปดันหลังคนงานออก เผยรอยยิ้มกระตือรือร้น “คุณหนูต้องการซื้อหนังสืออะไรหรือ”

“ขอข้าดูก่อน”

“คุณหนูเชิญ เชิญคุณหนูดูตามสบาย”

ซินโย่วหูไว เดินไปมุมสุดของชั้นหนังสือ ได้ยินคนงานกระซิบว่า “ผู้ดูแลหู ท่านยิ้มกระตือรือร้นเช่นนี้ อย่าทำให้คุณหนูตกใจหนีไปล่ะ”

“ไปยืนข้างๆ โน่นไป!”

บนชั้นหนังสือมีหนังสือเรียงราย กลิ่นกระดาษและหมึกดำโชยมากระทบจมูก ยิ่งเดินเข้าไปกลิ่นหนังสือกลิ่นหมึกก็ยิ่งแรง

สายตาซินโย่วกวาดตามองหนังสือเหล่านี้ พลันเอื้อมมือไปหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง นั่นคือบันทึกการเดินทางเล่มหนึ่ง มีความหนาพอสมควร ราคาขายแค่คิดก็รู้ว่าไม่ถูก

เป้าหมายของซินโย่วไม่ใช่ซื้อหนังสือ แต่เพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวของร้านหนังสือร้านนี้ ซื้อหนังสือเล่มนี้ก็ย่อมมีเรื่องให้คุยกันต่อได้

นางอุ้มหนังสือเดินออกมา ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็เห็นคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามา คุกเข่าลงตรงหน้าผู้ดูแลร้านหู

เป็นเด็กหนุ่มร่างผอมอายุราวสิบสองสิบสาม แม้ว่าอยู่ในอาการตื่นตกใจ แต่กลับยังคงพยายามกดเสียงให้เบาลง “ผู้ดูแลร้านหู ขอร้องท่านจ่ายเงินค่าแรงให้ข้าล่วงหน้าสักหน่อยเถิดนะขอรับ ท่านแม่ข้าไม่มียาแล้ว…”

ผู้ดูแลร้านหูตอบอย่างอารมณ์เสีย “เจ้านี่เบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าไปครึ่งปีแล้ว ร้านหนังสือเราไม่ใช่โรงทาน ไม่จบไม่สิ้นใช่หรือไม่”

เด็กหนุ่มโขกศีรษะ “ขอร้องท่านเถิดขอรับ ข้าไม่อยากไร้มารดา…”

“รีบไป ยังมีแขกอยู่” ผู้ดูแลร้านหูดูแล้วท่าทีไม่ดีนัก แต่กลับควักเงินจากถุงเงินยัดใส่มือเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มรีบโขกศีรษะติดๆ กัน ตะกายลุกขึ้นจะวิ่งออกไป

“รอสักครู่” ซินโย่วส่งเสียงเรียก

เด็กหนุ่มหันมามองอย่างงุนงง

ผู้ดูแลร้านหูรีบขออภัย “รบกวนคุณหนูหรือ เจ้าเด็กนี่ไม่รู้ความ คุณหนูอย่าได้เอาเรื่องเขา…”

“เสี่ยวเหลียน หยิบสองตำลึงให้น้องชายคนนี้หน่อย”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนตอบรับอย่างไม่ลังเล เดินไปหาเด็กหนุ่มยัดเศษเงินก้อนใส่มือเขา

ยามนี้เด็กหนุ่มสีหน้านิ่งอึ้ง มองไปทางผู้ดูแลร้านหูด้วยสัญชาตญาณทันที

ผู้ดูแลร้านหูไม่ได้โง่เขลา ได้สองตำลึงนี้ไป มารดาเจ้าเด็กนี่ไม่แน่ก็คงรักษาหายแล้ว ก็ไม่ต้องให้เขาควักเงินตนเองจ่ายค่าแรงล่วงหน้าแล้ว

“คุณหนูเมตตาให้เจ้า ยังไม่รีบขอบคุณคุณหนูอีก!”

เด็กหนุ่มเหมือนฝันไป รีบคุกเข่าโขกศีรษะให้ซินโย่ว

“รีบกลับไปดูแลมารดาเจ้าเถอะ” ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน

นางเองก็ไม่ใช่เพราะเกิดจิตเมตตาอารีอันใด เพียงแต่คำพูดของเด็กหนุ่มว่า ‘ข้าไม่อยากไร้มารดา’ ทำให้นางไม่อาจนิ่งดูดายได้

เด็กหนุ่มจ้องมองซินโย่วอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโขกศีรษะอีกครั้ง ตะกายลุกขึ้นรีบวิ่งออกไปทันที

ผู้ดูแลร้านหูมองซินโย่วอีกครั้ง รอยยิ้มจริงใจยิ่งกว่าเดิม หันไปคุยเรื่องของเด็กหนุ่มผู้นั้น “มารดาเจ้าเด็กนั่นเมื่อก่อนเคยทำงานที่ร้านหนังสือ เดิมพอดำรงชีพได้ แต่พอล้มป่วย ชีวิตสองแม่ลูกก็ลำบาก ก็เป็นคนน่าสงสาร แม่ลูกเข้าเมืองหลวงมาหาสามี หาอยู่หลายปีก็หาไม่พบแม้เงา…”

ซินโย่วมองดูเงียบๆ พยักหน้าอยู่ตลอดเวลา

อาจเพราะว่างจนเบื่อ มีคนแสดงท่าทีรับฟังอย่างดีเช่นนี้ทำให้ผู้ดูแลร้านหูยิ่งพูดก็ยิ่งหยุดไม่อยู่ สุดท้ายซินโย่วยังได้รู้แม้แต่ชื่อบิดาของเด็กหนุ่มผุ้นั้น

นางย่อมเริ่มคุยต่ออย่างเป็นธรรมชาติ “ข้าว่าหนังสือในร้านท่านก็มีหลากหลายประเภท เหตุใดคนเข้าร้านไม่มากนักเล่า”

คนงานข้างๆ มองท้องฟ้าเงียบๆ

คุณหนูผู้นี้จิตใจดีงามจริง คนเข้ามาในร้านไหนเลยเรียกว่าไม่มาก จริงๆ ก็มีเพียงคุณหนูผู้เดียวต่างหาก

เอ่ยถึงเรื่องนี้ ผู้ดูแลร้านหูก็ถอนหายใจยาว น้ำเสียงอดเจือโทสะเล็กน้อยไม่ได้ “หากไม่ใช่ท่านผิงอันถูกร้านเขาแย่งตัวไป ไหนเลยจะ…”

ร้านหนังสือสองร้านตั้งใกล้กันเช่นนี้ หนังสือหลากหลายประเภท ร้านหนังสือตนมี ร้านตรงข้ามก็มี ประเด็นสำคัญอยู่ที่ร้านผู้ใดตีพิมพ์นิยายที่เป็นที่นิยมทั่วเมืองหลวงได้

นิยายของท่านผิงอันได้รับความนิยมจากผู้คน ทุกคนมาซื้อนิยายก็จะซื้อหนังสืออื่นๆ ไปด้วย เช่นนี้จึงทำให้ร้านหนังสือหย่าซินมีคนมาออกันแน่นขนัดก็มิใช่เรื่องแปลกอันใด

“หากยังหานักเขียนที่ดีไม่ได้อีก เจ้าของร้านก็จะขายร้านหนังสือแล้ว…” ผู้ดูแลร้านหูคุยกับสาวน้อยได้ถูกคอมาก พลันไม่ทันระวังเอ่ยสถานการณ์ยากลำบากของร้านหนังสือออกมา

ซินโย่วแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางเก้กังของผู้ดูแลร้านหูที่ตั้งสติได้ว่าไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องนั้น นางเอ่ยถามขึ้นว่า “จะรับช่วงร้านหนังสือต่อ ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยกระมัง”

“แน่นอน ร้านหนังสือเราไม่เพียงแต่ขายหนังสือ ด้านหลังยังมีโรงพิมพ์และเรือนพักที่ไม่เล็กอีกแถวหนึ่ง” เอ่ยถึงตรงนี้สายตาผู้ดูแลร้านหูก็เศร้าสลดลง

สำหรับเขาแล้ว ร้านหนังสือชิงซงไม่เพียงแต่เป็นสถานที่เลี้ยงชีพ แต่ยังนับได้ว่าเป็นบ้านของเขา

“ผู้ดูแลร้านหูอย่าได้เศร้าใจไป ไม่แน่การค้าอีกไม่นานก็คงจะดีขึ้น” ซินโย่วหยิบบันทึกการเดินทางไปวางไปบนโต๊ะเก็บเงิน “หนังสือเล่มนี้ราคาเท่าไร”

ผู้ดูแลร้านหูทำท่าทางเหมือนจะตบปากตนเอง “ดูปากข้าสิ พอได้พูดก็พูดไม่หยุด ทำให้ท่านเสียเวลา หนังสือเล่มนี้…”

ได้อ่านชื่อหนังสือบันทึกการเดินทางกระจ่างแล้ว ผู้ดูแลร้านหูก็นิ่งอึ้งไป แววตาคล้ายแปลกไปครู่หนึ่ง

ซินโย่วสงสัยถามขึ้นว่า “ผู้ดูแลหู หนังสือเล่มนี้มีปัญหาอันใดหรือ”

“ก็ไม่ได้มี…” ผู้ดูแลร้านหูลังเล ไม่รู้ควรเอ่ยอันใด

ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นหน้าประตู มีคนเดินเข้ามา

ซินโย่วได้เห็นชุดแดงชุดนั้น ก็เลิกคิ้วอย่างรู้สึกแปลกใจ

ถึงกับเป็นท่านผู้กล้าที่ยื่นมือเข้าช่วยตอนม้าตื่นตกใจ…เจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เฮ่อชิงเซียว

“ใต้เท้ามาแล้วหรือ” คนงานเข้าไปคำนับนอบน้อม เห็นชัดว่ารู้สถานะเฮ่อชิงเซียว

ผู้ดูแลร้านหูเองก็รีบทักทาย

สบตากับผู้ดูแลร้านหูและคนงาน เฮ่อชิงเซียวไม่ได้มีทีท่าหยิ่งยโส แต่พยักหน้าอ่อนโยน สายตามองไปยังใบหน้าของซินโย่ว

ซินโย่วได้เห็นความตกใจจากแววตาอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ก็ย่อกายคำนับอย่างเปิดเผย “คิดไม่ถึงจะได้พบท่านผู้กล้าอีกครั้งที่นี่”

สายตาเฮ่อชิงเซียวสงบนิ่งดังเดิม ถามขึ้นว่า “คุณหนูโค่วสบายดีหรือ”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท