สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 61 มาเยือน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 61 มาเยือน

“ใครน่ะ” เสียงจี้ไฉ่หลันดังขึ้นพร้อมกับประตูเปิดออกทันที

พอเห็นซินโย่ว จี้ไฉ่หลันทั้งตกใจและดีใจ “น้องโค่ว เจ้ามาได้อย่างไร รีบเข้ามา”

ซินโย่วยืนนิ่งอยู่หน้าประตู นำหยกประดับออกมา “ข้าพบสิ่งนี้ในห้องรับรองร้านหนังสือ คิดว่าหากไม่ใช่ของพี่จี้ก็คงเป็นของน้องโจว วันนั้นพี่จี้บอกว่าบ้านท่านอยู่ที่ชุมชนตรอกเมาเอ๋อร์ในถนนจี๋เสียงฟาง ข้าจึงได้มาลองถามดู พอถามก็เจอ”

“อา นี่คือหยกประดับของน้องสาวข้า” จี้ไฉ่หลันแค่เห็นก็จำได้ เอ่ยด้วยท่าทีเกรงใจ “ยังต้องรบกวนน้องโค่วนำมาคืนให้ด้วยตนเอง รบกวนเจ้าแล้วจริงๆ”

“พี่จี้เกรงใจไปแล้ว ข้าก็ว่างอยู่ กำลังอยากออกมาเดินเล่นรับลมพอดี กล่าวกับพี่ตามตรง หากพี่จี้กับน้องโจวไม่ได้มาร้านหนังสือ ข้าก็คงได้แต่สัปหงกอยู่แถวนั้น ถูกคนงานนึกรังเกียจว่าเกะกะ”

ได้ยินซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ จี้ไฉ่หลันก็ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะคำว่า ‘ว่างอยู่’ ทำให้นางหลุดปากเชื้อเชิญออกไป “หากน้องโค่วไม่มีการงานอันใด หรือว่าไปหาน้องสาวข้าด้วยกัน”

“ดีสิ” ซินโย่วยิ้มพยักหน้า ในใจก็ผ่อนคลายลง

ตระกูลโจวกับตระกูลจี้อยู่ห่างกันเพียงสองชุมชน ซินโย่วทำท่าทางเหมือนไม่เคยมา “บ้านพี่จี้กับน้องโจวใกล้กันมากจริง”

จี้ไฉ่หลันยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “บ้านที่น้องสาวข้าอยู่ตอนนี้ เป็นบ้านที่ท่านแม่ข้าช่วยหาเลยนะ เพราะอยากให้อยู่ใกล้กัน ไปมาหากันสะดวก”

“พวกเจ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันหรือ”

“ใช่ ท่านแม่ข้าเป็นพี่สาวของน้าข้า เมื่อก่อนน้าข้าอยู่นอกเมืองหลวง ต้นปีเพิ่งย้ายมาเมืองหลวง”

“เช่นนั้นก็ดีมาก มีญาติคอยดูแลกัน เมืองหลวงก็ยังเจริญรุ่งเรืองมากอีกด้วย”

ได้ยินซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ จี้ไฉ่หลันก็อดพยักหน้าไม่ได้ “ใช่ เมื่อก่อนน้องสาวอิจฉาข้าที่ข้าได้อยู่เมืองหลวงที่สุด ได้ซื้อนิยายสนุกหลายเรื่อง แต่นิยายก็แพงอยู่ ท่านแม่ข้าเอาแต่บ่นว่าข้าใช้เงินเปลือง”

สำหรับคนทั่วไปแล้ว การใช้เงินสองสามร้อยเหรียญทองแดงไปกับความบันเทิงนับว่าไม่น้อย แต่ก็ทำอันใดไม่ได้ แต่ไรมากระดาษและหมึกไม่ใช่ของถูก ยังมีค่าแรงอีก ต้นทุนหนังสือไม่ถูก

“ความจริงข้าอิจฉาน้องสาว น้าข้ามีนางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว เงินค่าขนมน้องชิงมากกว่าข้ามาก”

เห็นว่าจะถึงบ้านตระกูลโจวแล้ว ซินโย่วก็แอบเอ่ยเสริมว่า “น้าเจ้าต้องมีความสามารถมากอย่างแน่นอน จึงตั้งรกรากในเมืองหลวงได้”

เอ่ยถึงบิดาโจวหนิงเยวี่ย สีหน้าจี้ไฉ่หลันก็ฉายแววอิจฉา “ท่านน้าเก่งกาจมากจริงๆ ไม่เพียงแต่ได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ยังได้ดำรงตำแหน่งในเป่ยเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน”

“เป่ยเจิ้นฝู่ซือ?” ซินโย่วสีหน้างุนงง ในใจนึกถึงเฮ่อชิงเซียว

บิดาโจวหนิงเยวี่ยถึงกับเป็นลูกน้องใต้เท้าเฮ่อ

เห็นซินโย่วไม่เข้าใจ จี้ไฉ่หลันก็อธิบายอย่างภูมิใจอยู่ไม่น้อย “อย่าเห็นว่าเป็นกองกำลังองครักษ์จิ่น หลินเหมือนกัน แต่ภารกิจต่างกันมาก ตำแหน่งที่มีเกียรติที่สุดในหน่วยงานนี้ก็คือเป่ยเจิ้นฝู่ซือ…”

สำหรับชาวบ้านทั่วไปแล้ว กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินดำเนินคดีกับขุนนาง ไม่มีเวลามาสนใจชาวบ้าน ทั่วไป กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินชื่อเสียงเกรียงไกรห่างไกลจากพวกเขาก็คือสาเหตุนี้ ภาพของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินในสายตาคนทั่วไปล้วนมีเกียรติ ไม่เหมือนขุนนางชนชั้นสูงที่น่ารังเกียจพวกนั้น

ซินโย่วพยักหน้าตาม ทำตัวเป็นนักฟังที่ดี

ขณะที่คุยกัน ก็ถึงบ้านโจวหนิงเยวี่ยที่ต่างจากบ้านตระกูลจี้ หน้าประตูตระกูลโจวยังมีคนเฝ้าประตู เห็นได้ชัดว่าชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายกว่าตระกูลจี้

ไม่ต้องไปรายงาน คนเฝ้าประตูก็ให้จี้ไฉ่หลันกับซินโย่วเข้าไป

จี้ไฉ่หลันรู้ว่ายามนี้น้าชายไม่อยู่บ้าน คล้องแขนซินโย่วก้าวข้ามธรณีประตูไปได้ ก็ส่งเสียงตะโกนดัง “น้าสะใภ้ น้องเยวี่ย ข้ามาแล้ว”

ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น โจวหนิงเยวี่ยเดินออกมาเห็นซินโย่วที่ยืนอยู่ข้างจี้ไฉ่หลัน ก็เผยสีหน้าตกใจ “พี่หลัน พี่ไปหาพี่โค่วอีกแล้วหรือ”

จี้ไฉ่หลันยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “น้องโค่วมาหาพวกเรา น้องเยวี่ย เจ้าไม่รู้สึกว่าอะไรหายไปหรือ”

“อะไรหายไป?” โจวหนิงเยวี่ยก้มหน้าลงมองด้วยสัญชาตญาณ ดูไปดูมาก็ตกใจ “หยกประดับข้า!”

ซินโย่วส่งหยกประดับให้นาง “น้องโจวดูว่าชิ้นนี้ใช่หรือไม่”

“ใช่!” โจวหนิงเยวี่ยรับมาแล้วก็ถอนใจโล่งอกพร้อมกับสีหน้างุนงง “หล่นตอนไหนกัน ข้าถึงกับไม่รู้”

“ข้าพบที่ห้องรับรอง”

“โชคดีที่พี่โค่วพบ” โจวหนิงเยวี่ยดึงมือซินโย่วมากล่าวขอบคุณ

“มีแขกมาหรือ” เสียงสตรีนุ่มนวลดังขึ้น

ซินโย่วมองไป คนที่เลิกม่านเข้ามาก็คือสตรีงดงามอายุราวสามสิบกว่า ดวงตาเมล็ดซิ่งกลมโตเช่นเดียวกับโจวหนิงเยวี่ย สองแม่ลูกเหมือนกันอยู่มาก เพียงแต่สีหน้าอิดโรยยากปิดบัง

“ท่านแม่ พี่โควสหายคนใหม่ของข้าเจ้าค่ะ” โจวหนิงเยวี่ยแนะนำอย่างดีใจ

ซินโย่วย่อกายคำนับ “ท่านน้า”

นางเผยรอยยิ้มอารี “ช่างเป็นเด็กมีพรสวรรค์ได้รับการอบรมมาดีเสียจริง เยวี่ยเอ๋อร์ ไช่หลัน พวกเจ้าต้อนรับสหายให้ดี ตอนเที่ยงก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน”

โจวหนิงเยวี่ยชอบคบสหายวัยเดียวกัน ได้ยินก็ตอบรับอย่างดีใจ

“ไปนั่งคุยกันที่เรือนตะวันตกเถอะ” มารดาโจวหนิงเยวี่ยยิ้มเอ่ย

“รบกวนท่านน้าแล้วเจ้าค่ะ”

ซินโย่วเพิ่งเอ่ยประโยคตามมารยาทจบ ก็ถูกโจวหนิงเยวี่ยกับจี้ไฉ่หลันดึงมือคนละข้าง พาไปยังเรือนตะวันตก

มารดาโจวกลับเข้าห้องสั่งการสาวใช้ “ปอกผลไม้ไปให้พวกคุณหนูหน่อย แล้วบอกหวางต้าเหนียงว่ากลางวันทำอาหารเพิ่มอีกสองอย่าง”

สาวใช้รับคำสั่งออกไป มารดาโจวหนิงเยวี่ยพิงหัวเตียงหุบยิ้ม สีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด

เรือนตะวันตกจัดวางเครื่องเรือนในแบบฉบับห้องสาวน้อย พอโจวหนิงเยวี่ยเป็นเจ้าของบ้าน ก็ช่างเจรจามากกว่าตอนอยู่ร้านหนังสือ

สามคนกินผลไม้ไปคุยกันไป ไม่นานก็ถึงเที่ยง ซินโย่วก็ขอตัวกลับ แต่โจวหนิงเยวี่ยกลับรั้งไว้

“ท่านแม่ข้าสั่งห้องครัวไปแล้ว หากพี่โค่วไม่อยู่รับประทานกลางวัน ก็จะน่าเสียดาย”

ขณะกำลังเอ่ยอยู่นั้น สาวใช้ก็ยกอาหารเข้ามา

“คุณหนู นายหญิงให้คุณหนูต้อนรับคุณหนูโค่วให้ดี นายหญิงไม่มาร่วมรับประทานด้วยแล้ว จะได้ผ่อนคลายตามสบายได้”

ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย อาหารเที่ยงก็เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย เห็นชัดว่าซินโย่วรู้สึกได้ว่าสองพี่น้องสนิทสนมกับนางมาก

การได้สังสรรค์ร่วมโต๊ะอาหารคุยเล่นเป็นอาวุธในการสร้างสัมพันธ์แท้จริง

นางเอ่ยขอตัวกลับอีกครั้ง โจวหนิงเยวี่ยกับจี้ไฉ่หลันพานางไปอำลามารดา

“เหตุใดไม่อยู่คุยต่ออีกสักหน่อย” มารดาโจวหนิงเยวี่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ที่ร้านยังมีงาน วันหน้าค่อยมาเยี่ยมคารวะท่านน้าอีกเจ้าค่ะ”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยท่าทีเมตตาอารีอย่างมาก “เยวี่ยเอ๋อร์เอาแต่ขลุกอยู่แต่ในบ้าน ยากจะได้คบหาสหายสักคน คุณหนูโค่วต้องมาบ่อยๆ นะ”

“ท่านป้าไม่รังเกียจข้ามารบกวน ข้าก็จะมาบ่อยๆ” ซินโย่วรับคำอย่างตรงไปตรงมา แววตาส่องประกาย

มีภาพปรากฏขึ้นมา

ดวงจันทร์กลมโต สายลมพัดต้นไม้ไหว มารดาโจวหนิงเยวี่ยคุกเข่าอยู่ใต้ต้นไม้เผากระดาษเงินกระดาษทอง ชายผู้หนึ่งกระชากตัวนางขึ้นมา พูดจาอันใดสักอย่างด้วยท่าทางโกรธจัด

มารดาโจวหนิงเยวี่ยผลักชายผู้นั้นออกอย่างไม่อาจคุมสติ ยื้อยุดฉุดกระชากกันจนไม่ทันระวังล้มลง มือหนึ่งกดลงไปบนกะละมังที่กำลังเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่

ซินโย่วยังไม่ทันได้เห็นสีหน้าปวดร้าวใจของมารดาโจวหนิงเยวี่ยกระจ่าง ภาพตรงหน้าก็พลันจางหายไป ภาพเบื้องหน้ายามนี้ก็คือมารดาโจวหนิงเยวี่ยที่กำลังเผยใบหน้างดงามรอยยิ้มอารี

ซินโย่วตั้งสติ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน เอ่ยอำลากับมารดาโจวหนิงเยวี่ย

โจวหนิงเยวี่ยไปส่งซินโย่วกับจี้ไฉ่หลันที่หน้าประตู พลันเห็นคนที่มาอย่างไม่คาดคิด “ท่านพ่อ เหตุใดท่านพ่อกลับมายามนี้เจ้าคะ”

ซินโย่วหันหน้าไปมองบิดาโจวหนิงเยวี่ยที่เดินเข้ามา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท