สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 62 เซ่นไหว้

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 62 เซ่นไหว้

ผู้ที่มาถึงร่างกายสูงใหญ่ หน้าตาคมคาย เห็นชัดว่าเป็นชายที่มีเหตุกระชากดึงดันกับมารดาโจวหนิงเยวี่ยในภาพที่นางเห็น

ผู้นี้ก็คือบิดาโจวหนิงเยวี่ย ดำรงตำแหน่งในเป่ยเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน

ซินโย่วมองประเมินเงียบๆ บิดาโจวหนิงเยวี่ยเอ่ยขึ้น “กลับบ้านมาหยิบของ เยวี่ยเอ๋อร์ เจ้าจะออกไปเที่ยวกับสหายเจ้าหรือ”

โจวหนิงเยวี่ยมองไปทางซินโย่ว “ข้าออกมาส่งสหายเจ้าค่ะ พี่โค่ว ท่านนี้คือบิดาข้า”

ซินโย่วคำนับ “ท่านน้า”

บิดาโจวหนิงเยวี่ยพยักหน้า “พวกเจ้าตามสบาย” พูดจบก็ก้าวเข้าประตูไป

“น้องโจวไม่ต้องส่งแล้ว”

“พี่โค่วว่างก็มาคุยเล่นเป็นเพื่อนข้านะ” โจวหนิงเยวี่ยยิ้มเชื้อเชิญ อารมณ์ดีไม่เลว

“ได้ พวกเจ้าก็มาเที่ยวร้านหนังสือข้าได้ทุกเมื่อ ปกติข้าก็อยู่”

เอ่ยอำลาโจวหนิงเยวี่ยกับจี้ไฉ่หลันแล้ว ซินโย่วก็กลับร้านหนังสือ

เสี่ยวเหลียนเห็นซินโย่วสีหน้าไม่ดีนัก ก็ยกน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งเข้ามาให้นางดื่มชุ่มคอแก้วหนึ่ง พอได้ดื่มน้ำผึ้งลงคอไปก็รู้สึกหวานชุ่มคอ

“เสี่ยวเหลียน วันนี้วันที่สิบสี่ใช่หรือไม่”

เสี่ยวเหลียนคาดไม่ถึงว่าซินโย่วจะถามเรื่องนี้ นิ่งอึ้งไปก่อนจะเอ่ยว่า “ใช่ วันนี้สิบสี่เจ้าค่ะ”

ซินโย่วประคองแก้วน้ำ มองออกไปนอกหน้าต่างพึมพำว่า “ถึงวันสารทแล้ว”

คนทั่วไปล้วนจะเซ่นไหว้ญาติมิตรกันในวันสารท ภาพที่นางเห็น มารดาโจวหนิงเยวี่ยเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ผู้ใด ทำให้บิดาโจวหนิงเยวี่ยโมโหด้วยเรื่องอันใด

เรื่องราวในภาพที่เห็นจะเกิดในคืนนี้ หรือคืนพรุ่งนี้ หรือคืนมะรืนนี้

ซินโย่วค่อยๆ จิบน้ำผึ้งแล้วก็ตัดสินใจได้

มารดาโจวหนิงเยวี่ยแอบบิดาโจวหนิงเยวี่ยเผากระดาษเงินกระดาษทอง เห็นชัดว่าไม่ได้เผาให้คนตระกูลโจว หวนกลับมามองดูเรื่องราวของโจวหนิงเยวี่ย ก็ไม่เหมือนว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงดูข้างกายบิดามารดาที่มีปากเสียงกันมานาน แต่หากมารดาโจวหนิงเยวี่ยเผากระดาษเงินกระดาษทองให้คนในครอบเดิมของนาง ก็มีความเป็นไปได้ไม่มาก

เรื่องขัดแย้งย่อมมีสาเหตุ น่าเสียดายนางเห็นเพียงภาพ ไม่ได้ยินเสียง เช่นนั้นก็ต้องไปฟังด้วยตนเองเสียแล้ว บางทีอาจจะได้อะไรบ้าง

“คุณหนู ยังต้องการดื่มอีกไหม บ่าวจะไปรินมาอีกถ้วย” เสี่ยวเหลียนเดาว่าวันพิเศษเช่นวันสารทนี้ อาจทำให้ซินโย่วนึกถึงเรื่องเศร้าใจ จึงระมัดระวังคำพูดอย่างมาก

“ไม่เอาแล้ว” ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “หยิบชุดดำที่ข้าให้แม่นมตัดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาหน่อย ข้าจะสวมคืนนี้”

เสี่ยวเหลียนกะพริบตา ตั้งสติได้ก็พลันถามว่า “คืนนี้คุณหนูจะออกไปหรือเจ้าคะ”

นางก็ว่าเหตุใดคุณหนูจึงได้ให้ฟางหมัวมัวตัดชุดดำ ที่แท้เป็นชุดปฏิบัติการยามค่ำคืน!

ยามนี้นิยายที่เคยได้เสพมาก็เริ่มทำงาน เสี่ยวเหลียนเอ่ยการคาดเดาอย่างสุดโต่ง “คุณหนูท่านคงไม่ได้เป็นวิทยายุทธ์กระมัง”

“เป็น” ซินโย่วตอบรับน้ำเสียงนิ่งเรียบ

เสี่ยวเหลียนอุดปากกลั้นเสียงกรีดร้อง จ้องมองซินโย่วด้วยแววตาเลื่อมใสร้อนแรง

อา คุณหนูถึงกับเป็นวิทยายุทธ์ จอมยุทธ์หญิงในนิยายมีอยู่จริง!

มิน่าคุณหนูปีนต้นไม้ได้ว่องไวเช่นนั้น มิน่าคุณหนูไม่ว่าพบเจอเรื่องใดก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ได้

“คุณหนูท่านคือจอมยุทธ์หญิงท่องยุทธภพหรือ” เสี่ยวเหลียนกระซิบถาม

ซินโย่วยื่นมือไปแตะใบหน้าสาวใช้ที่กำลังตื่นเต้น “ข้าไม่ใช่จอมยุทธ์หญิงมีวิทยายุทธ์เหมือนในนิยายกังฟู พวกนั้นแค่อ่านเล่นก็พอ อย่าได้คิดจริงจัง”

“อ้อ อ้อ” เสี่ยวเหลียนปากเอ่ยรับคำ แต่ในใจกลับกำลังกรีดร้อง

โอ้ โอ้ โอ้ คุณหนูคือจอมยุทธหญิงสิบก้าวลงมือสังหาร พันลี้ไม่ทิ้งร่องรอย!

ซินโย่วไม่รู้ความคิดเหลวไหลของเสี่ยวเหลียน ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ดังนั้นข้าออกไปข้างนอก เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง คืนนี้ข้าออกไปทำธุระสักหน่อย”

พอตกค่ำซินโย่วก็เปลี่ยนชุดดำออกจากร้านหนังสือโดยมีเสี่ยวเหลียนมองตามหลัง ก่อนจะตรงไปยังถนนจี๋เสียงฟาง

ดวงจันทร์กลมเด่นกลางนภา สายลมค่ำคืนเย็นสบาย ท้องถนนตรอกซอกซอยไม่ได้พลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน ยามนี้ว่างเปล่าไร้ผู้คน

เสียงตีฆ้องบอกเวลาดังแว่วมา ได้ยินเสียงชายเมาสุราเดินโซเซไปมาเป็นระยะ มีเสียงฝีเท้าวิ่งประปราย

ซินโย่วหลบอย่างระมัดระวัง มาถึงนอกบ้านตระกูลโจวปีนกำแพงในตำแหน่งที่เล็งไว้ในตอนกลางวัน กระโดดเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

นางหลบอยู่ในห้องเก็บฟืน มองไปยังเรือนหลัก

ไฟในห้องยังไม่ดับ สะท้อนให้เห็นเงาคนทาบทับหน้าต่างไปมา

ห้องเก็บฟืนมียุงไม่น้อยบินว่อน ซินโย่วรอคอยนิ่งอย่างอดทน รอมาจนถึงยามเที่ยงคืน

นางเหลือบตาขึ้นมองพระจันทร์ดวงกลมบนท้องฟ้า เทียบกับภาพที่นางเห็น แน่ใจแล้วว่าไม่ใช่คืนนี้

พอกลับถึงเรือน ซินโย่วหลับทีเดียวถึงยามสายจึงได้ตื่นนอน พอตกค่ำก็เปลี่ยนชุดดำออกจากบ้านอีก

คืนวันสารทนี้ ท้องถนนไม่มีคนเดินแม้แต่คนเดียว กลิ่นเผากระดาษเงินกระดาษทองลอยโขมง ทำให้เมืองหลวงที่ยามกลางวันผู้คนพลุกพล่าน ยามนี้เย็นเยียบเงียบเหงา ทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคย

กลับมามือเปล่าอีกคืนหนึ่งหลังจากเลี้ยงยุงจนอิ่ม ซินโย่วนอนเอาแรงตอนกลางวันแทน หูจ่างกุ้ยอดเข้ามาถามเสี่ยวเหลียนไม่ได้ สองสามวันมานี้เจ้าของร้านไม่ได้ไปหน้าร้าน สุขภาพไม่ค่อยดีใช่หรือไม่

คืนวันที่สิบหก เห็นซินโย่วเปลี่ยนชุดดำ ในที่สุดเสี่ยวเหลียนก็ทนไม่ไหวถามขึ้นว่า “คุณหนูท่านออกไปทุกคืนเลยหรือเจ้าคะ”

ซินโย่วเงยหน้ามองดวงจันทร์กลมบนท้องฟ้าทีหนึ่ง พลางส่ายหน้าเล็กน้อย “คืนพรุ่งนี้น่าจะไม่ต้องออกไปแล้ว”

พอซินโย่วหายลับไปท่ามกลางความมืด เสี่ยวเหลียนพลันคาดเดาขึ้นมาได้ว่า คุณหนูคงไม่ได้ปลอมตัวเป็นผีในช่วงวันสารทนี้กระมัง!

ไม่รู้เหตุใด คุณหนูยิ่งลึกลับ นางก็ยิ่งมั่นใจว่าคุณหนูจะนำทรัพย์สมบัติของตระกูลโค่วกลับมาได้

ซินโย่วลอบเข้าตระกูลโจวอย่างชำนาญ หลบซ่อนตัวที่เดิม

รอเก้อมาสองวันไม่ได้ทำให้นางสิ้นหวัง แต่กลับทำให้นางยิ่งนิ่ง

ภาพที่นางเห็นล้วนเกิดขึ้นในระยะอันใกล้ทั้งสิ้น มารดาโจวหนิงเยวี่ยแอบเผากระดาษเงินกระดาษทองไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อสองคืนก่อน เช่นนั้นก็ย่อมเป็นคืนวันนี้แล้ว

ซินโย่วคาดเดาไม่ผิด รออยู่ราวหนึ่งชั่วยาม ยามดึกสงัดประตูเรือนกลางก็ค่อยๆ แง้มออก

มีคนผู้หนึ่งถือตะกร้าย่องออกมา อาศัยแสงจันทร์ทำให้มองเห็นว่าเป็นมารดาโจวหนิงเยวี่ย

ดูแล้วนางระวังตัวมาก หันไปมองที่ประตูอยู่ตลอดเวลา แน่ใจไม่มีคน จึงรีบวิ่งไปที่ต้นดอกกุ้ยมุมกำแพง

ซินโย่วจ้องมองตาไม่กะพริบ ก็เห็นมารดาโจวหนิงเยวี่ยลงคุกเข่า และหยิบกระดาษเงินกระดาษทองที่พับไว้แล้วออกจากตะกร้ามาเริ่มเผาพร้อมกับพึมพำอันใดสักอย่าง

กระดาษเงินกระดาษทองลุกไหม้โชนในกะละมัง ส่องสว่างใบหน้าเศร้าสลดของมารดาโจวหนิงเยวี่ย

ซินโย่วมองไปรอบๆ ก่อนมองไปทางประตูเรือนกลาง

มีเงาร่างสูงใหญ่ก้าวออกมา เขาชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบก้าวไปยังมุมกำแพง

มารดาโจวหนิงเยวี่ยได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็หันมา แต่เพราะลานไม่ใหญ่มาก บิดาโจวหนิงเยวี่ยก้าวมาถึงตรงหน้าแล้ว

ซินโย่วเห็นสีหน้าตกใจบนใบหน้าของมารดาโจวหนิงเยวี่ย จากนั้นภาพก็เป็นดังภาพที่นางเห็น ถูกบิดาโจวหนิงเยวี่ยกระชากให้ลุกขึ้น

ต่างจากภาพไร้เสียงที่ได้เห็น ตอนนี้นางได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน

“เจ้าเผากระดาษเงินกระดาษทองทำไม ไม่กลัวนำภัยมาสู่ตนเองหรือ!”

“ข้าอยู่บ้านแอบเผาเงียบๆ ไม่มีคนเห็นสักหน่อย จะนำภัยมาสู่ตนเองได้อย่างไร”

“ไม่มีคนเห็น หรือว่าเจ้าไม่รู้ความร้ายกาจของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน” ภายใต้แสงจันทร์ สีหน้าบิดาโจวหนิงเยวี่ยดำทะมึน

มารดาโจวหนิงเยวี่ยเองก็โมโหขึ้นมาผลักมือเขาทิ้ง “กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน กองกำลังองครักษ์จิ่น หลิน หากไม่ใช่ว่าข้าเชื่อท่าน ฮองเฮาซินก็คงไม่ตาย! ฮือ ฮือ ฮือ ข้าทำร้ายฮองเฮา…”

บิดาโจวหนิงเยวี่ยสีหน้าแปรเปลี่ยน ตำหนิขึ้นด้วยน้ำเสียงเบายิ่ง “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ คิดอยากให้ทั้งครอบครัวตายไร้ที่ฝังให้ได้อย่างนั้นหรือ!”

“เจ้าหลีกไป!”

ทั้งสองคนฉุดกระชากกันอยู่นั้นเอง มารดาโจวหนิงเยวี่ยก็ไม่ทันระวังลื่นล้ม มือหนึ่งกดลงไปในกะละมังที่กำลังเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่พอดี

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทำให้คนที่หลับกันอยู่ตื่นตกใจ มีคนออกมากันหลายคน แม้แต่โจวหนิงเยวี่ยก็ยังคลุมเสื้อตัวนอกรีบวิ่งออกมา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท