ตอนที่ 64 จิตสังหาร
วันรุ่งขึ้นซินโย่วตื่นเช้ามาก ในกระจกมีภาพร่างอรชร
เสี่ยวเหลียนหยิบไข่ต้มเข้ามาปอกเปลือกรอ
“ไม่ต้องแล้ว ข้าไปดูด้านหน้าหน่อย”
“คุณหนูไม่กินอาหารเช้าหรือ”
“เดี๋ยวค่อยกลับมากิน” ซินโย่วไม่ให้เสี่ยวเหลียนตามไป เดินออกไปด้านหน้าเพียงลำพัง
ยามนี้โถงหน้ายังไม่มีคนแม้แต่คนเดียว ประตูใหญ่ร้านหนังสือยังลงกลอนอยู่ ซินโย่วเดินไปยังชั้นหนังสือที่ตั้งเรียงเป็นแถว สุดท้ายไปหยุดนิ่งอยู่ที่ชั้นหนังสือที่วางบันทึกการเดินทางด้านหลังสุด
นางหยิบบันทึกการเดินทางขึ้นมาเล่มหนึ่ง แต่กลับอ่านไม่รู้เรื่องแม้แต่คำเดียว ในสมองมีแต่ภาพเฮ่อชิงเซียวยืนอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ ชีวิตสงบสุขพลันกลับกลายเป็นเหตุการณ์มารดานอนจมกองโลหิต
นางวางบันทึกการเดินทางกลับที่เดิม ก่อนจะเดินออกจากประตูข้างไป
แม้ยังเช้าอยู่ แต่ท้องถนนก็มีผู้คนเดินกันไม่น้อยแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนเริ่มดิ้นรนเริ่มการค้าในวันนี้
ยามเช้าสายลมพัดเย็นสบาย ซินโย่วเดินทอดน่องไปตามท้องถนน พลันเหมือนรู้สึกว่าคนเดินผ่านไปมามองนางด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
เดินไปเช่นนี้ไม่รู้นานเท่าใด พลันได้ยินเสียงเอะอะดังมา ซินโย่วมองตามไปด้วยสัญชาตญาณ
ประตูใหญ่เปิดออก กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองสามนายจับตัวคนผู้หนึ่งที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงเดินออกมา คนผู้นั้นดิ้นรนหลุดจากการจับกุม ยกมีดสั้นในมือแทงใส่ชายหนุ่มชุดแดง
ชายหนุ่มชุดแดงคล้ายเตรียมตัวมาล่วงหน้า บังเอิญหลบการโจมตีที่มาอย่างฉับพลันนี้ได้ มือหนึ่งบีบข้อมือคนผู้นั้น
มีดสั้นร่วงลงพื้น เคร้ง เสียงโลหะกระทบศิลา
“บังอาจ กล้าทำร้ายใต้เท้า!”
“นำตัวไป”
คนผู้นั้นถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินผลักก็โซเซถลึงตาแดงก่ำมองผู้เป็นหัวหน้า “เฮ่อชิงเซียว เจ้าสุนัขรับใช้ ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ จะต้องได้รับผลกรรมตามสนอง กรรมจะต้องตามสนองเจ้าแน่!”
ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งรีบคว้าผ้ายัดปากชายผู้นั้นไว้อย่างคล่องแคล่ว
ด้านหลังมีแต่เสียงร่ำไห้สุดแสนรันทดของคนในครอบครัวคนผู้นั้น
เฮ่อชิงเซียวเหมือนรู้ตัว มองไปยังทิศทางที่ซินโย่วยืนอยู่
ทั้งสองคนสบตากัน คนหนึ่งสีหน้าไร้ความรู้สึก คนหนึ่งสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
เฮ่อชิงเซียวประหลาดใจที่ซินโย่วปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในตอนนี้ พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการแสดงการทักทาย ก่อนจะพาลูกน้องจากไป
ซินโย่วจ้องมองตามแผ่นหลังเขาจนกระทั่งลับตาไป จึงได้เบนสายตามองไปทางครอบครัวชายผู้นั้นที่กำลังร่ำไห้อย่างสิ้นหวัง
คนที่อ่านหนังสืออยู่ในร้านด้วยท่าทางอ่อนโยนคือใต้เท้าเฮ่อ คนตรงหน้าที่จับกุมคนร้ายเย็นชาไร้น้ำใจก็คือใต้เท้าเฮ่อ
เสียงร่ำไห้ของครอบครัวคนผู้นั้นทำให้ซินโย่วยิ่งหายใจไม่ออก นางหันหลังเดินกลับร้านหนังสือ
ประตูใหญ่ร้านหนังสือชิงซงเปิดแล้ว สือโถวกำลังกวาดถนนหน้าร้าน พอเห็นซินโย่วกลับมาจากข้างนอกก็เอ่ยทักทาย “อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านเจ้าของร้าน”
“อรุณสวัสดิ์” ซินโย่วตอบรับก่อนเดินเข้าไป
สือโถวถือไม้กวาดยืดตัวขึ้นมองตามไปด้วยแววตาเป็นห่วงอยู่มาก
คล้ายว่าเจ้าของร้านไม่สบายใจ
หลิวโจวที่เช็ดโต๊ะอยู่ได้เห็นซินโย่ว ก็ส่งเสียงหัวเราะทักทาย “ท่านเจ้าของร้านออกไปข้างนอกแต่เช้าหรือขอรับ”
ผู้ดูแลร้านหูลุกให้นางนั่ง “ท่านเจ้าของร้านเชิญนั่งพักสักครู่”
“ไม่ต้องแล้ว ท่านนั่งเถอะ” ซินโย่วส่งสายตามองไปยังชั้นหนังสือ น้ำเสียงเย็นเยียบเล็กน้อย “หลิวโจว ไปเก็บบันทึกการเดินทางพวกนั้นออกให้หมด”
หลิวโจวนิ่งอึ้งไปทันที แต่ก็ตั้งสติได้รวดเร็ว รีบหอบบันทึกการเดินทางออกมา “ท่านเจ้าของร้านจะให้เก็บไปไว้ที่ไหนหรือขอรับ”
ซินโย่วจ้องมองหลิวโจวหอบไว้เต็มมือแวบหนึ่ง ก็เปลี่ยนคำสั่ง “เอาเถอะ วางไว้ที่เดิม”
มีบันทึกการเดินทางพวกนี้ เฮ่อชิงเซียวก็จะมาบ่อยๆ นางก็จะมีโอกาสแก้แค้นให้มารดานางมากยิ่งขึ้น
สังหารคนลงมือก่อน ค่อยสังหารชายชั่วทิ้ง หากทำได้ นางไปพบมารดาก็จะไม่เสียใจแล้ว
ซินโย่วเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง ยามตัดสินใจแล้ว แววตาก็สงบนิ่งกลับคืนสู่ความกระจ่างใส
พอซินโย่วไปเรือนตะวันออก หลิวโจวก็เขยิบเข้าไปหาผู้ดูแลร้านหู หรี่เสียงลงน้ำเสียงซุบซิบนินทา “ท่านผู้ดูแลร้าน ท่านว่าท่านเจ้าของร้านน้อยใจใต้เท้าเฮ่อใช่หรือไม่”
ผู้ดูแลร้านหูตบท้ายทอยหลิวโจวทีหนึ่ง “ระวังคำพูดหน่อย นางไม่ได้สนิทกับใต้เท้าเฮ่อ น้อยใจอันใดกัน”
“เช่นนั้นเหตุใดอยู่ดีๆ ก็เก็บบันทึกการเดินทาง ก่อนหน้านี้ท่านเจ้าของร้านให้นำขึ้นวางเองไหม”
“หากเจ้าเดาเรื่องที่นางทำได้ เจ้ายังจะยังทำงานเป็นคนงานอีกหรือ ทำงานไปให้ดีๆ ข้าไปโรงพิมพ์ดูหน่อย”
สำหรับผู้ดูแลร้านหู ‘วาดหนัง’ เล่มสองสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่อาจประมาทได้แม้แต่น้อย
ตอนเฮ่อชิงเซียวมาร้านหนังสืออีกครั้งก็พบว่ามีบันทึกการเดินทางหลายเล่มวางผิดลำดับ ย่อมไม่คิดอันใด เขาหยิบบันทึกการเดินทางที่ยังอ่านไม่จบขึ้นมาอ่านไปเงียบๆ
ยามพลบค่ำ ชั้นหนังสือด้านในเริ่มไม่มีแสงสว่างส่องเข้ามา ใบหน้าขาวนวลถูกเงาดำมืดปกคลุมไปครึ่งหนึ่ง ทำให้กลิ่นอายของเขายิ่งสุขุม
เขาพลันเอียงศีรษะมองไปทางสาวน้อยที่อยู่ใกล้มากด้วยแววตาแสดงคำถาม
ซินโย่วไม่ได้มีสีหน้าตกใจ “แสงสว่างไม่พอ ใต้เท้าเฮ่อระวังสายตาเสีย”
ที่แท้มาเตือนเขาเรื่องนี้
แววตาดำขลับของเฮ่อชิงเซียวมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเล็กน้อย “ขอบคุณคุณหนูโค่วที่เตือน…”
เอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงเขาก็ชะงักไป ก่อนจะขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณคำเตือนก่อนหน้านี้ของคุณหนูโค่ว ทำให้ข้าหลบพ้นเคราะห์เลือดตกยางออกมาได้”
ซินโย่วเม้มริมฝีปาก รู้สึกทิ่มแทงใจ
ก็มิใช่นึกเสียใจภายหลัง รู้คุณตอบแทนคือหลักการดำรงตนของนาง เฮ่อชิงเซียวช่วยนางไว้สองครั้ง นางเตือนเฮ่อชิงเซียวไปสองครั้ง นับว่าเสมอกันแล้ว
จากนี้ไปมีเพียงความแค้นสังหารมารดาเท่านั้น
นางควรจะจัดการดาบสังหารผู้นี้อย่างไร และจะหนีรอดปลอดภัยได้อย่างไร
ในวินาทีนั้นเอง นางเกือบควบคุมจิตคิดสังหารที่พุ่งทะยานขึ้นมาของนางไว้ไม่อยู่ กระทำเรื่องวู่วามออกไป
ความคิดมากมายผุดขึ้นมา ภาพหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
นั่นคือร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง เฮ่อชิงเซียวคล้ายกำลังรอผู้ใด ในมือถือแก้วน้ำชา สีหน้าปวดร้าวใจ โลหิตไหลออกทางจมูก แก้วน้ำชาที่ดื่มไปได้ครึ่งเดียวก็ร่วงลงพื้นแตกละเอียด
กะพริบตาอีกที ภาพน่าตกใจนั้นจางหายไป ตรงหน้ายังคงเป็นชายหนุ่มรูปงามยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ซินโย่วผงะถอยหลังครึ่งก้าว ยิ้มมุมปาก “ใต้เท้าเฮ่อเกรงใจไปแล้ว ด้วยความสามารถของใต้เท้าเฮ่อ แม้ข้ามิได้เอ่ยเตือนก็ย่อมปลอดภัยเจ้าค่ะ”
บางทีนางต้องการเพียงแค่ไม่เอ่ยอันใดทั้งสิ้น เรื่องที่นางคิดทำก็จะสำเร็จไปเรื่องหนึ่ง
“ไม่ คำเตือนคุณหนูโค่วสำคัญมาก” เฮ่อชิงเซียวน้ำเสียงจริงใจ แววตากระจ่างใส
ซินโย่วหลุบตาลงหลบสายตาที่เปี่ยมรอยยิ้มนั้น “เช่นนั้นก็ไม่รบกวนใต้เท้าเฮ่ออ่านหนังสือแล้วเจ้าค่ะ”
นางหันหลังคิดจากไป แต่ถูกเฮ่อชิงเซียวเรียกไว้
“ได้ยินว่าท่านผิงอันกำลังเขียนหนังสือเล่มใหม่อยู่ วันที่จะวางขายน่าจะพร้อมกับ ‘วาดหนัง’ เล่มสอง คุณหนูโค่วระวังหน่อย”
ซินโย่วได้ยินก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามออกมาตรงๆ “เหตุใดใต้เท้าเฮ่อช่วยเหลือข้าครั้งแล้วครั้งเล่าเจ้าคะ”
“ข้าชินกับการอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือชิงซงนี้แล้ว ไม่อยากเห็นกิจการร้านหนังสือไม่ดีจนต้องปิดตัวลง ข้ารู้สึกว่าคุณหนูโค่วเป็นคนไม่เลว มีวาสนาต้องกัน ย่อมหวังให้ท่านมีชีวิตที่ดี”
เฮ่อชิงเซียวเอ่ยถึงตรงนี้ก็ยิ้ม “สำหรับข้าแล้วเป็นเพียงแรงกำลังเล็กน้อย มิได้เปลืองแรงอันใด”
แววตากระจ่างใสของชายตรงหน้ายามกล่าววาจาเช่นนี้เปิดเผยจริงใจยิ่ง ทำให้จิตใจเย็นเยียบของซินโย่วหวั่นไหวเล็กน้อย ตั้งความหวังที่ไม่อาจเอ่ยได้กระจ่างว่าเพราะเหตุใด ถามขึ้นว่า “ตอนเดือนสี่ ใต้เท้าเฮ่อเดินทางไกลใช่หรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวอึ้งไป แววตาสงสัย “คุณหนูโค่วรู้เพราะวิชานรลักษณ์หรือ”