สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 71 ปล่อยไป

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 71 ปล่อยไป

ซินโย่วนิ่งเงียบ

หรือว่านางต้องบอกเฮ่อชิงเซียว นางคือปลาที่หลุดรอดจากแหคดีโลหิตที่หุบเขานั้น

แต่หากไม่ให้เหตุผล สำหรับเฮ่อชิงเซียวแล้ว นางก็คือคนร้ายที่ลอบสังหารเขา เขาย่อมไม่ยอมปล่อยนางไปเป็นแน่

นางจ้องมองชายที่อยู่ใกล้เพียงไม่กี่คืบนิ่ง

เขามีรูปโฉมที่หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธ ดูแล้วไม่เหมือนชายกำยำรูปร่างสูงใหญ่พวกนั้น และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้คนประเมินกำลังกายของเขาต่ำไปทันที

แม้ซินโย่วโมโหที่ตนเองใจร้อนเกินไป กลับไม่อาจปฏิเสธผลของการกระทำที่ล้มเหลวของตนเองได้

“ใต้เท้าเฮ่อ ในเมื่อท่านแน่ใจว่าข้าก็คือคนที่ลอบสังหารท่าน เหตุใดไม่จับข้าส่งทางการ”

การที่ซินโย่วไม่ตอบคำถามก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเฮ่อชิงเซียว ยามนี้สีหน้าเขาไร้ความอ่อนโยน “คุกของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินล้วนขังบรรดาขุนนางต้องอาญา คุณหนูโค่วลงมือกับข้าน่าจะเป็นความแค้นส่วนตัว ข้ารู้สึกว่าควรแก้ไขปัญหานี้ส่วนตัวจะเหมาะสมกว่า”

“หากข้าให้เหตุผลไม่ได้เล่า”

เฮ่อชิงเซียวกระตุกมุมปากเล็กน้อย น้ำเสียงฟังไม่ออกว่าเป็นการเสียดสีหรือเยาะตนเอง “ข้าน่าจะไม่ถึงกับทำให้คนรังเกียจอย่างไร้สาเหตุจนต้องมาเอาชีวิตข้ากระมัง”

แววตาเขากระจ่างใส สีหน้านิ่งสงบ มองไม่ออกแม้สักนิดว่าโมโหหรือโกรธแค้นผู้ที่ลอบสังหารเขา

ยามเผชิญหน้ากับเขาเช่นนี้ ซินโย่วรู้ดีว่าพูดมากไปก็จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ยังคงอดถามไม่ได้ “ใต้เท้าเฮ่อเดินทางลงใต้ด้วยภารกิจใด เหตุนองโลหิตที่ประสบคือเหตุใด”

เฮ่อชิงเซียวรีบถามขึ้นว่า “พฤติกรรมคุณหนูโค่วเมื่อวานเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ”

อาการนิ่งเงียบของซินโย่วทำให้เขาได้คำตอบกระจ่าง

“ขออภัย การเดินทางลงใต้เพราะพระบัญชา ไม่อาจเปิดเผยต่อคนนอกได้”

“ฮ่องเต้ให้ท่านสังหารผู้ใด ท่านก็สังหาร ไม่ว่าคนผู้นั้นจะดีหรือเลวใช่หรือไม่”

ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบ

ซินโย่วมุมปากกระดกขึ้น “ดังนั้น มีคนได้รับความอยุติธรรมคิดต้องการชีวิตใต้เท้าเฮ่อก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด”

แววตาเฮ่อชิงเซียวมองสำรวจใบหน้าสาวน้อย คิดไม่ออกจริงๆ ว่าตอนลงใต้ไปเมื่อต้นฤดูร้อนนั้นเกี่ยวข้องกับการตายของบิดามารดาคนตรงหน้าที่มาอาศัยจวนรองเจ้ากรมอย่างไร

บางทีเขาควรตรวจสอบบิดามารดาคุณหนูโค่ว?

ความคิดนี้ผุดขึ้นมา แววตาเฮ่อชิงเซียวก็กลับคืนสู่ความปกติดังเดิม “ในเมื่อคุณหนูโค่วไม่ยินดีเอ่ย ข้าก็ไม่ฝืนใจ ได้แต่หวังว่าคุณหนูโค่วจะหยุดตรงนี้ อย่าได้ปล่อยไปจนบานปลาย”

ซินโย่วอึ้งไปเล็กน้อย

เฮ่อชิงเซียวกล่าวเช่นนี้เพราะไม่คิดเอาเรื่องต่อหรือ

เห็นสีหน้าสงสัยของนาง เฮ่อชิงเซียวยิ้ม “กล่าวกับคุณหนูโค่วตามตรง ข้าเกิดมาก็มีความรู้สึกไวกว่าคนปกติ แม้เผชิญกับเหตุไม่คาดฝันต่างๆ ค่อนข้างมาก แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะหลบพ้น หากคุณหนูโค่วจะเอาชีวิตข้าด้วยฝีมือตนเองผู้เดียว เกรงว่าคงยากอยู่สักหน่อย”

“ข้าคิดไม่ตก เหตุใดใต้เท้าเฮ่อกล่าวเรื่องเหล่านี้กับข้า”

“น่าจะเพราะข้าหวังว่าการมาร้านหนังสือทุกครั้งจะมาเพื่ออ่านหนังสือเท่านั้น ไม่ใช่ต้องคอยเขม่นมีเรื่องกับคุณหนูโค่ว”

เห็นชัดว่าเป็นเหตุผลที่ไร้เหตุผล แต่ซินโย่วถึงกับรู้สึกว่ามีเหตุผล

ใต้เท้าเฮ่อที่มักมายืนอ่านจะเลือกหนทางเช่นนี้

“คุณหนูโค่วขอตัวก่อน” เฮ่อชิงเซียวทิ้งสาวน้อยที่สีหน้าสับสนไว้ที่เดิมก่อนจะก้าวเดินจากไปทันที

เป็นนานกว่าซินโย่วจะก้าวออกมาจากชั้นหนังสือได้ เดินกลับเรือนตะวันออกโดยไม่เอ่ยอันใด

ตอนผู้ดูแลร้านหูมาก็เห็นหลิวโจวฮัมเพลงทำงาน ถามขึ้นอย่างงุนงงว่า “มีเรื่องอันใดน่าดีใจหรือ”

มุมปากหลิวโจวเผยรอยยิ้มกว้าง “ไม่มีอันใด ไม่มีอันใด ข้าก็แค่รู้สึกว่าร้านหนังสือเราอนาคตยาวไกล”

ใต้เท้าเฮ่อกับเจ้าของร้านคุยส่วนตัวกันเป็นเวลานาน เรียกได้ว่าเกินขอบเขตความสัมพันธ์ของลูกค้ากับเจ้าของร้านหนังสือ วันหน้าหากใต้เท้าเฮ่อได้เป็นเจ้านายของร้านเขาอีกคน ก็มิใช่ว่าร้านหนังสือมีที่พึ่งพิงแล้วหรือ

แม้ผู้ดูแลร้านหูไม่รู้ความคิดคนงานลอยไปไกลโพ้น แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งเอ่ยว่า “ไม่ต้องให้เจ้าบอก ทำงานไปดีๆ”

เฮ่อชิงเซียวกลับถึงที่ทำการก็สั่งการลูกน้อง “ไปสืบเรื่องบิดามารดาของคุณหนูนอกโค่วชิงชิงจวนรองเจ้ากรมมา”

ไม่นาน ลูกน้องก็มารายงานเรื่องราวที่สืบความมาได้ต่อเฮ่อชิงเซียว

“บิดาโค่วชิงชิงชื่อว่าโค่วเทียนหมิง บิดาของเขาเชี่ยวชาญการค้า สะสมเงินทองไว้ไม่น้อย แต่มีบุตรชายเพียงคนเดียวก็คือโค่วเทียนหมิง ญาติสนิทในตระกูลเดียวกันต่างล้มหายตายจากไปในช่วงสงคราม ต่อมาแผ่นดินสงบสุข ก็ได้พบเครือญาติสายหนึ่ง แต่ว่ากันตามสายโลหิตแล้วก็ถือว่าห่างไกลมาก แต่งงานกับต้วนซื่อ (มารดาโค่วชิงชิง) มีบุตรสาวหนึ่งคน ชื่อว่าโค่วชิงชิง…”

ลูกน้องรายงานสามชีวิตตระกูลโค่วคร่าวๆ ประเด็นเน้นหนักที่บิดานาง “โค่วเทียนหมิงสอบจิ้นซื่อได้ในปีรัชศกซิ่งหยวนที่ห้า สี่ปีก่อนถูกส่งไปดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหว่านหยาง ระหว่างทางพลัดตกแม่น้ำ…”

เฮ่อชิงเซียวยกมือบอกให้ลูกน้องหยุดก่อน

“หว่านหยาง?”

เขาคิดถึงที่ข้างชั้นหนังสือในเย็นวันนั้น ก่อนคุณหนูโค่วจะจากไปได้ถามเขาว่า จุดหมายปลายทางที่เขาลงใต้ใช่หว่านหยางหรือไม่

หว่านหยางสำหรับคุณหนูโค่วแล้วย่อมเป็นสถานที่พิเศษมาก และบิดานางก็เดินทางไปรับตำแหน่งที่หว่านหยางเมื่อสี่ปีก่อน

“เล่าต่อ”

“ตอนข่าวร้ายโค่วเทียนหมิงเกิดเรื่องมาถึง ต้วนซื่อทนรับไม่ได้ จึงล้มป่วยลง ก่อนจะจากไปยังขายทรัพย์สมบัติ ส่งโค่วชิงชิงบุตรสาวคนเดียวมาเมืองหลวงพึ่งพาบ้านยายตน…”

เรื่องราวต่อจากนั้นแม้ลูกน้องไม่รายงาน เฮ่อชิงเซียวก็รู้มาบ้างแล้ว

เฮ่อชิงเซียวอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ “ตรวจสอบใต้เท้าโค่วตอนไปรับตำแหน่ง”

ผ่านมาสี่ปีแล้ว กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอาจตรวจสอบไม่พบอันใด เฮ่อชิงเซียวไม่คิดว่าจะต้องสืบหาอันใดได้ แต่ท่าทีคุณหนูโค่วต่อเขาทำให้เขารู้สึกอยากรู้ขึ้นมา

อีกอย่าง…

เฮ่อชิงเซียวฉุกคิดครู่หนึ่ง แต่ก็มิได้ปิดกั้นความรู้สึกแท้จริงของตนเอง เขาไม่อยากให้คุณหนูโค่วเห็นเขาเป็นศัตรู

เขาหวังว่านอกวงการขุนนางที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย ร้านหนังสือชิงซงจะเป็นสถานที่ผ่อนคลายให้เขาได้ เจ้าของร้านหนังสือยังคงให้คนงานวางบันทึกการเดินทางเล่มใหม่ขึ้นชั้นเหมือนเมื่อก่อน ตอบแทนที่เขาได้ช่วยเหลือที่ก็แค่ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แม้ซินโย่วคิดไม่ตกว่าเหตุใดเฮ่อชิงเซียวไม่เอาเรื่องต่อ แต่ก็ไม่อยากหาเรื่องมาคิดให้ปวดสมอง ไม่นานก็ปรับอารมณ์เป็นปกติ ตัดสินใจจะเข้าทางโจวหนิงเยวี่ยอีกรอบ

คืนนั้นที่ได้ยินบทสนทนาของโจวทงสองสามีภรรยา แม้โจวทงบอกว่าเขาไม่รู้ท่าทีเบื้องบน แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นเพียงการปลอบใจภรรยาที่กำลังอยู่ในสภาวะไม่อาจควบคุมอารมณ์ตนเองได้

โจวทงรู้หรือไม่ จะเป็นการตัดสินแผนการวันหน้าของนาง

เทียบกับจี้ไฉ่หลันที่ร่าเริงสดใส โจวหนิงเยวี่ยไม่รู้เพราะอาการบาดเจ็บที่ขาสร้างภาพทรงจำดำมืดให้นาง หรือว่าเดิมก็มีนิสัยนิ่งสงบ จึงไม่ค่อยออกนอกบ้านสักเท่าไร คนที่ซินโย่วได้พบก่อนก็ยังคงเป็นจี้ไฉ่หลัน

ล่อหลอกให้จี้ไฉ่หลันมาหาด้วยตนเองนั้นไม่ยาก แค่เขียนประกาศเวลาคร่าวๆ ว่า ‘วาดหนัง’ เล่มสองจะออกจำหน่ายเวลาใดไว้ที่กำแพงด้านนอกร้านหนังสือ ข่าวก็ย่อมแพร่ออกไป

นักเรียนจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนกรูกันออกมาออหน้าร้านหนังสือชิงซงแน่นขนัด ทำให้คนงานร้านหนังสือตรงข้ามหย่าซินอิจฉาตาร้อน

ผู้ดูแลร้านกู่เห็นคนงานชื่นชมผู้อื่นทำลายขวัญตนเอง ก็แค่นเยาะว่า “ก็แค่แสงสว่างพาดผ่านชั่วคราว ตื่นเต้นอันใด”

เด็กน้อยไม่รู้จักเก็บความในใจ เผยเวลาวางขาย ‘วาดหนัง’ เล่มสองออกมาแต่เนิ่น พวกเขาจะได้เตรียมรับมือได้พอดี

ซินโย่วเข้าไปหลบในห้องรับรองที่เชื่อมติดกับโถงร้านหนังสือ ไม่สนใจความครึกครื้นภายนอก จนกระทั่งสองวันต่อมาจี้ไฉ่หลันก็มาเยือนร้านหนังสือ

“ท่านเจ้าของร้าน สหายท่านมา” สือโถวได้รับการกำชับจากซินโย่วไว้แล้วว่า หากเห็นจี้ไฉ่หลันมา ก็ให้รีบเข้ามารายงานนาง

ซินโย่วลุกขึ้นเลิกชายเสื้อขึ้นเดินออกไป

“พี่จี้มาหรือ”

การปรากฏตัวขึ้นของซินโย่วทำให้แววตาจี้ไฉ่หลันเผยความประหลาดใจระคนยินดี “น้องโค่วอยู่ด้วย! ข้าได้ยินว่า ‘วาดหนัง’ เล่มสองออกวางขายแล้ว ทนไม่ไหวต้องมาดูสักหน่อย”

“พี่จี้เข้ามาคุยด้านในเถิด”

ซินโย่วพาจี้ไฉ่หลันเข้าไปในห้องรับรอง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท