ตอนที่ 860 คุณนายสีได้ยิน
น้าถูไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกับโต้วโต้ว
ก่อนเข้าไปในวอร์ด โต้วโต้วเอ่ยถามอย่างมีความสุข “พ่อ… พ่อ ปู่ทวดกับย่าทวดบอกว่าแม่คลอดน้องชายใช่ไหมคะ?”
เมื่อได้ยินเสียงดังของลูกสาว ฟางจั๋วหรานรีบก้าวไปข้างหน้าและปิดปากเล็ก ๆ ของหล่อนทันที “ใช่แล้ว แม่กับน้องกำลังหลับอยู่ ลูกจะเสียงดังไม่ได้นะ”
โต้วโต้วพยักหน้าอย่างจริงจัง ฟางจั๋วหรานปล่อยมือแล้วพาหล่อนเข้าไปในวอร์ด
โต้วโต้วมองทารกในเปลด้วยความประหลาดใจ หล่อนอยากสัมผัสเขาแต่ไม่กล้า
หล่อนถามฟางจั๋วหรานว่าตอนหล่อนเกิดมามีหน้าตาแบบนี้ใช่หรือไม่
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า
โต้วโต้วถามอีกครั้งว่าหลินม่ายเจ็บมากขณะที่คลอดน้องใช่ไหม
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าอีกครั้ง
เด็กหญิงตัวเล็กเสียใจจนแทบจะหลั่งน้ำตา หล่อนบอกฟางจั๋วหรานให้ดูแลหลินม่ายอย่างดี จากนั้นก็เดินตามน้าถูไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังได้รับข่าวว่าหลินม่ายให้กำเนิดลูก ฟางเว่ยกั๋วและฟางจั๋วเยวี่ยจึงบินไปเยี่ยมเธอและลูกชายในวันรุ่งขึ้น
ฟางเว่ยกั๋วให้เงินหลินม่ายจำนวนห้าพันหยวน และขอให้ฟางจั๋วหรานซื้อทุกอย่างที่เธอต้องการ
ฟางเว่ยหมินและคนอื่น ๆ ก็มาเยี่ยมเธอและลูกชายเช่นกัน พวกเขาต่างนำซองแดงซองหนามามอบให้
ทารกแรกเกิดดูเปลี่ยนไปทุกวัน และภายในสองวัน ลูกน้อยของหลินม่ายและฟางจั๋วหรานก็มีรูปร่างหน้าตาน่าดึงดูดใจ
คุณย่าฟางกอดเหลนของนางด้วยความรัก และบอกว่าในอนาคตเขาต้องหล่อกว่าพ่อของเขาแน่นอน
ครอบครัวนี้ปวดหัวกับการตั้งชื่อทารกมาหลายวัน เพราะพวกเขาต้องการตั้งชื่อที่ไพเราะที่สุดในโลกแก่หลานชาย
ทั้งครอบครัวเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ และในที่สุดหลินม่ายก็พูดว่าเธออยากมีลูกสี่คน ดังนั้นเธอจะมีลูกอีกสามคนในอนาคต แล้วตั้งชื่อลูกตามฤดูทั้งสี่ของปี โดยลูกคนโตที่เกิดปลายปีให้เรียกว่า ฟางมู่ตง
ทุกคนคิดตาม ชื่อนี้งดงามและมีความหมายดี ดังนั้นพวกเขาจึงตกลง
แม้จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลินม่ายในการคลอดบุตร แต่โรงพยาบาลก็ให้ฟางจั๋วหรานวันหยุดเพียงสามวัน
ดังนั้นแม้ว่าฟางจั๋วหรานจะรักภรรยาและลูกของเขามากเพียงใด แต่กำลังหลักในการดูแลหลินม่ายก็ยังเป็นพ่อไป๋และไป๋เหยียน
คุณปู่ฟางและคู่คุณย่าฟางเริ่มอายุมากแล้ว และพวกเขาก็ไม่มีพละกำลังมากพอที่จะดูแลหลินม่าย
คุณตาไป๋ คุณยายไป๋ และคุณปู่ลั่วเคยไปเยี่ยมหลินม่าย แต่ฟางจั๋วหรานไม่ยอมให้พวกเขามาอีก พวกเขาแก่แล้ว ดังนั้นการมาที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
หลินม่ายมีสอบในวันที่สามหลังคลอด และเธอไม่สามารถไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อสอบได้อย่างแน่นอน
ทางมหาวิทยาลัยจึงดำเนินการด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อเธอ นั่นคือส่งอาจารย์และเอกสารไปยังวอร์ดเพื่อดูแลการสอบของเธอ
หลังการสอบ หลินม่ายก็หลับไปอย่างเหนื่อยล้า และเมื่อตื่นขึ้น เธอก็รู้สึกเสียใจทุกประการ
มีคำถามหลายข้อที่ไม่ควรผิด แต่เธอก็ตอบผิด
ฟางจั๋วหรานกำลังป้อนซุปหมูสามชั้นให้เธอ เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ปลอบโยนเธอ “มันผ่านไปแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเครียดแล้ว”
หลินม่ายกินซุปหมูสามชั้นที่เขานำมาให้และพูดด้วยความหงุดหงิด “แค่ให้ผ่านมันไม่พอ ฉันอยากได้ทุน”
“แต่ครอบครัวเราไม่ได้ยากจนขนาดนั้น”
“มันไม่เกี่ยวกับว่ายากจนหรือไม่ แต่ถ้ามันทำให้เรามีเงินมากกว่านี้และไม่ตึงมือตัวเอง ทำไมเราไม่สู้เพื่อมันล่ะ?”
ห้าวันผ่านไปในพริบตา หลินม่ายคลอดตามธรรมชาติ มีสุขภาพที่ดีและฟื้นตัวได้ดี ดังนั้นแพทย์จึงให้เธอออกจากโรงพยาบาล
หลินม่ายไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลยตั้งแต่เด็ก เมื่อต้องอยู่โรงพยาบาลห้าวันเธอก็รู้สึกไม่ชิน กินไม่อิ่ม นอนหลับไม่สนิท
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอจึงรู้สึกสบายตัวมาก จะมีที่ไหนในโลกนี้ที่ดีไปกว่าบ้านของเรา?
แม้ในยุคนี้จะไม่มีคนที่เรียกว่าพี่เลี้ยงอยู่เดือนแล้ว แต่ฟางจั๋วหรานได้ว่าจ้างพี่เลี้ยงในวัยสามสิบที่เคยมีประสบการณ์มาช่วยดูแลหลินม่ายและลูกแบบเต็มเวลา
ในช่วงบ่ายเมื่อหลินม่ายกลับมาจากโรงพยาบาล ก็มีผู้คนมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย
หลินม่ายอดหลับอดนอนเพื่อพบแขก แต่ทารกยังเด็กเกินไปที่จะพบปะกับบุคคลภายนอกเพราะอาจติดเชื้อโรคได้
ดังนั้นคนเหล่านี้จึงทำได้เพียงให้ของขวัญ พูดคุยกับคุณปู่ฟางและภรรยา ก่อนจะจากไปหลังรับประทานอาหาร
แขกเหล่านี้เกือบทั้งหมดเป็นสหายร่วมรบและคนรู้จักของคุณปู่ฟางและภรรยาของเขาในเมืองหลวง
หลังจากที่คุณปู่ฟางและภรรยาของเขากลับมาที่เมืองหลวง พวกเขามักจะออกกำลังกายกับคนเหล่านี้ในสวนสาธารณะ
หลินม่ายไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยในช่วงอยู่เดือน
ตอนนี้ได้เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคแล้ว ไม่ว่าจะไปมหาวิทยาลัยหรือไม่ การทบทวนอยู่ที่บ้านก็ให้ผลเหมือนกัน
หลินม่ายทำเรื่องสามอย่างที่บ้าน นั้นคือเรียน เลี้ยงลูก และทำงาน
แม้ว่าเธอจะออกไปไหนไม่ได้ แต่เธอก็สามารถจัดการทั้งบริษัทได้ด้วยโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่ออาชีพของเธอเลย
ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากหลินม่ายกลับบ้าน เจียวอิงจวิ้นก็มาเยี่ยมหลินม่ายพร้อมของขวัญ
ร่างกายของหลินม่ายฟื้นตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เพียงแต่เธอไม่ยังสามารถวิ่งหรือกระโดดได้
ทารกได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงเต็มเวลา หลินม่ายจึงไปพบเจียวอิงจวิ้นในห้องถัดไป
ในชีวิตที่แล้วของหลินม่าย ผู้คนกล่าวว่าในช่วงอยู่เดือน เธอจะไม่สามารถสระผม อาบน้ำ แปรงฟัน หรือตากลมได้
แต่ในชีวิคนี้มีแพทย์และผู้ใหญ่ที่ชี้แนะแนวทางทางวิทยาศาสตร์ให้ คุณปู่ฟางและคุณยายฟางจึงไม่ได้ขอให้เธอทำเช่นนั้น
เธอสระผม อาบน้ำ แปรงฟันได้ และหน้าต่างห้องก็ไม่ได้ปิดแน่นตลอดเวลา
เธอเปิดหน้าต่างอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงทุกวันเพื่อให้อากาศถ่ายเท แต่เธอจะไม่สัมผัสน้ำเย็นเด็ดขาด
ดังนั้นหลินม่ายจึงเดินจากห้องของเธอไปยังห้องที่อยู่ถัดไป ตราบใดที่เธอห่อตัวให้แน่นก็ไม่เป็นไร
เจียวอิงจวิ้นกล่าวคำอวยพรแก่หลินม่ายและลูกชาย จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องงาน
เขาบอกข่าวร้ายแก่หลินม่ายว่า ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานการรถไฟมอบโครงการพื้นที่อาศัยของครอบครัวพนักงานให้กับคนอื่น
เขาพูดอย่างขุ่นเคือง “คุณหลินพยายามอย่างมากที่จะขอให้คุณหมอเริ่นไปเยี่ยมเขาเพื่อทำการรักษาปัญหาโรคกระเพาะของหัวหน้าสี แต่เขากลับมอบโครงการนี้ให้กับคนอื่น นี่มันใจแคบเกินไปแล้ว!”
แม้ว่าหลินม่ายจะค่อนข้างประหลาดใจ แต่เธอก็ไม่โกรธมากที่การลงทุนทั้งหมดไม่ประสบผล
เธอพูดแผ่วเบา “ฉันสมัครใจที่จะขอให้คุณหมอเริ่นรักษาปัญหากระเพาะของหัวหน้าสีเอง จำเป็นเหรอว่าหากฉันทำเช่นนี้หัวหน้าสีจะต้องมอบโครงการให้ฉัน? ตราบใดที่โรคกระเพาะอาหารของหัวหน้าสีสามารถรักษาได้ มันก็เป็นบุญเช่นกัน คุณอย่าโกรธไปเลย ชาวนาทำงานหนักเพื่อปลูกพืชมาเป็นปี แต่เมื่อเจอภัยธรรมชาติก็ย่อมไม่ได้ผลผลิต จะหันไปร้องไห้กับใครได้? ชีวิตของคนเราพบเจอได้ทั้งสมหวังและผิดหวังหมดนั่นแหละ”
ตอนที่หลินม่ายกำลังคุยเรื่องงานกับเจียวอิงจวิ้น ทั้งสองไม่รู้ว่าคุณนายสียืนอยู่นอกประตูและแอบฟัง มือของคุณนายสีเต็มไปด้วยของขวัญ
น้าถูที่มากับเธอต้องการจะเคาะประตูเพื่อเตือนหลินม่ายและเจียวอิงจวิ้น แต่ก็ถูกเธอหยุดไว้
น้าถูกระวนกระวายมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ถูก
เจียวอิงจวิ้นพูดคุยเกี่ยวกับงานเป็นเวลาสิบนาที จากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อออกไป
หลินม่ายยังอยู่ในช่วงอยู่เดือน เธอจึงต้องพักผ่อนให้มากขึ้น ส่วนเรื่องงานจะคุยกันหลังจากที่เธออยู่เดือนวันสุดท้าย
เมื่อหลินม่ายส่งเจียวอิงจวิ้นออกไป เธอก็เห็นคุณนายสียืนอยู่ที่ประตูและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เธอพูดกับน้าถู “ทำไมไม่เข้ามาบอกล่ะคะว่าคุณนายสีมาที่นี่? ตอนนี้เป็นฤดูหนาว หากปล่อยให้คุณนายสียืนตากลมหนาวแบบนี้แล้วเกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง?”
คุณนายสียิ้มพลางกล่าว “ฉันไม่ได้ร่างกายอ่อนแอถึงขนาดนั้น คุณนั่นแหละที่ต้องระวังลมหนาว รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ”
ทั้งสองเข้าไปในห้องและนั่งลงบนโซฟา
หลินม่ายมองไปยังของขวัญที่คุณนายสีวางบนโต๊ะน้ำชา และพูดด้วยรอยยิ้ม “ลมอะไรพัดพาคุณสีมาที่นี่คะ?”
คุณนายสียิ้มและกล่าว “ฉันได้ยินว่าคุณคลอดลูก ฉันเลยซื้อของขวัญมาเยี่ยมคุณ”
หล่อนมองหลินม่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณฟื้นตัวได้ดีมาก”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉันยังเด็ก จึงฟื้นตัวได้ดีเป็นธรรมดาค่ะ”
จากนั้นหลินม่ายก็ถามว่าโรคกระเพาะอาหารของหัวหน้าสีดีขึ้นหรือไม่
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยากถามว่าอาการของหัวหน้าสีเป็นอย่างไรบ้างน่ะค่ะ แต่กลัวว่าหัวหน้าสีจะเข้าใจแรงจูงใจของฉันผิดที่ขอให้คุณหมอเริ่นไปรักษาเขา ฉันเลยไม่กล้าถาม”
คราวนี้น้าถูเข้ามาพร้อมกับซุปรังนกและเห็ดหูหนูขาวสองชาม
หลินม่ายหยิบชามซุปรังนกและเห็ดหูหนูขาวมาวางตรงหน้าคุณนายสี
เธอกล่าวต่อ “แม้ฉันจะขอให้คุณหมอเริ่นรักษาโรคกระเพาะอาหารของหัวหน้าสี แต่ฉันไม่ได้ทำเพื่อหวังโครงการพื้นที่อาศัยของครอบครัวพนักงานหรอกค่ะ ฉันทำด้วยความจริงใจและต้องการให้หัวหน้าสีพ้นทุกข์ทรมานจากโรคกระเพาะอาหารเท่านั้น”
คุณนายสีกล่าวขณะดื่มซุปรังนก “ตอนนี้อาการโรคกระเพาะของเขาดีขึ้นมาก ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ”
“คุณสีสุภาพเกินไปแล้วค่ะ”
หลินม่ายคิดว่าหัวหน้าสีไม่ชอบยาจีน และเกรงว่าเขาจะไม่เข้าใจวิธีการดื่มยาจีน ใบสั่งยาจะต้องเปลี่ยนนานที่สุดภายในหนึ่งสัปดาห์ และอย่างสั้นที่สุดภายในสามวัน ดังนั้นเธอจึงเตือนคุณนายสีเป็นพิเศษ
คุณนายสียิ้มพลางกล่าว “เราพอเข้าใจเรื่องนี้อยู่บ้างค่ะ ฉันเห็นคุณหมอเริ่นตรวจอาการป่วยหลายครั้งและเปลี่ยนใบสั่งยาหลายครั้ง มิฉะนั้นโรคกระเพาะของหัวหน้าสีคงไม่ทุเลาอย่างรวดเร็ว”
หลังจากดื่มซุปรังนกแล้ว ทั้งสองก็คุยกันไม่ถึงสิบห้านาทีก่อนที่คุณนายสีจะจากไป
น้าถูไม่มีโอกาสบอกหลินม่ายว่าคุณนายสีได้ยินการสนทนาทั้งหมดระหว่างเธอกับเจียวอิงจวิ้นนอกประตูเมื่อครู่
หล่อนไม่ลืมที่จะอธิบายด้วยตัวเอง “น้าอยากแจ้งให้คุณหลินทราบแล้วค่ะ แต่คุณนายสีปฏิเสธ”
หลินม่ายยิ้มให้หล่อน “ไม่เป็นไรค่ะ”
น้าถูรู้สึกโล่งใจ
หล่อนกลัวว่าหลินม่ายจะเข้าใจผิดว่าหล่อนไม่ฉลาดพอที่จะเตือนเธอว่าคุณนายสีกำลังแอบฟังอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
บางเรื่องมันก็แล้วแต่การตัดสินใจของอีกฝ่ายล่ะนะ มีสมหวังก็ต้องมีผิดหวังเป็นธรรมดา
ไหหม่า(海馬)