ตอนที่ 861 ถูกบังคับให้ช่วยชีวิตใครบางคน
การที่คุณนายสีมาเยี่ยมเยือนหลินม่ายนั้นเป็นคำสั่งของหัวหน้าสี
ตั้งแต่หลินม่ายพาคุณหมอเริ่นไปเยี่ยมหัวหน้าสีเพื่อทำการรักษา เขาก็ไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย
หัวหน้าสีกำลังลองใจเธอเพื่อดูว่าใครจะพูดถึงโครงการพื้นที่อาศัยครอบครัวพนักงานก่อน
เขารอแล้วรอเล่า หลินม่ายก็ยังไม่มาอ้อนวอนขอโครงการ
เขาส่งคนไปสอบถามอย่างลับ ๆ ก่อนจะรู้ว่าหลินม่ายคลอดบุตร
ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีการเคลื่อนไหวจากเธอ ซึ่งเกือบทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอเพียงต้องการรักษาโรคกระเพาะของเขาจริง ๆ และเธอก็ไม่ได้โลภมากในโครงการพื้นที่อาศัยครอบครัวพนักงาน
โครงการพื้นที่อาศัยครอบครัวพนักงานไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไปและต้องหาใครบางคนเพื่อเริ่มงาน
แม้ว่าหลินม่ายจะมีลูกและไม่สามารถมาเองได้ เธอก็ส่งคนของเธอมาได้ แต่เธอก็ไม่ได้ส่งคนของเธอมาเลย เธอกำลังรอให้เขาอ้อนวอนหรือ?
อย่าแม้แต่จะคิด!
ดังนั้นหัวหน้าสีได้มอบโครงการพื้นที่อาศัยครอบครัวพนักงานให้กับผู้อื่นด้วยความขุ่นเคือง
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายได้เชิญคุณหมอเริ่นมาเยี่ยมเขาเพื่อขอคำปรึกษา และเขายังต้องตอบแทนบุญคุณ
ดังนั้นเขาจึงให้คุณนายสีเตรียมของขวัญมากมายไปเยี่ยมหลินม่ายและตอบแทนบุญคุณเธอ
คุณนายสีกลับมาจากบ้านของหลินม่าย ขณะที่หัวหน้าสีเพิ่งกลับจากเลิกงาน
หัวหน้าสีถาม “ตอนที่เสี่ยวหลินเห็นคุณ หล่อนได้พูดถึงโครงการในพื้นที่ของครอบครัวหรือเปล่า?”
คุณนายสีโยนกระเป๋าถือของหล่อนลงบนโซฟาและพูดด้วยความโกรธ “เสี่ยวหลินรู้อยู่แล้วว่าคุณมอบโครงการนี้ให้คนอื่น หล่อนไม่มีทางพูดถึงเรื่องนี้หรอก!”
หัวหน้าสีอึ้งไปชั่วครู่ “หล่อนรู้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ? การแสดงออกของหล่อนเป็นยังไง? อึดอัดใจไหม?”
คุณนายสีมองเขา “คุณเอาตัวเองเป็นใหญ่มากเกินไป ตัดสินคนแบบมองโลกในแง่ร้ายอยู่เรื่อย เสี่ยวหลินไม่ได้อารมณ์เสียสักนิดและพูดกับลูกน้องของหล่อนว่าอย่าโกรธคุณ ทั้งยังรู้สึกดีที่รักษาโรคกระเพาะของคุณได้ด้วย”
หัวหน้าสีหัวเราะเยาะ “แน่นอนว่าเสี่ยวหลินพูดแบบนั้นต่อหน้าคุณเพราะต้องการชนะใจคุณอย่างชัดเจน และคุณก็ตกหลุมพรางหล่อนจริง ๆ”
คุณนายสีเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะเตะเขา “ฉันบังเอิญไปได้ยินต่างหากล่ะ!”
หัวหน้าสีพลันตกตะลึง และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พึมพำกับตัวเอง “เด็กคนนั้นเป็นคนดีขนาดนี้เลยเหรอ?”
คุณนายสีหรี่ตามองเขาอย่างไม่พอใจ “คุณนี่มองคนอื่นในแง่ร้ายอยู่เรื่อยเลย!”
หัวหน้าสีจับจมูกของเขาด้วยความลำบากใจ
ภรรยาบอกว่าเขาคิดร้ายกับคนอื่นเสมอ และเขาก็ยอมรับ
ในอาชีพการงานของเขา เขาไม่เคยพบใครเลยที่ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงใจ จึงไม่ผิดที่เขาจะมองหลินม่ายเช่นนั้น
เธออาจอยากช่วยเขาเพียงเผื่อผลประโยชน์บางอย่าง
แต่ในตอนนี้ เธอเอาชนะเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของคนที่ทำทุกอย่างให้เขาเพื่อหวังผลประโยชน์
เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของคนที่ต้องการผลประโยชน์จะช่วยหาทางรักษาอาการปวดท้องให้กับเขาเหมือนที่หลินม่ายทำ ดังนั้นเขาจึงยกโครงการนี้ให้คนอื่นพร้อมต่อว่าเธอลับหลังแบบเสียๆ หายๆ
คุณนายสีดุหัวหน้าสีด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ฉันบอกคุณแล้วว่าจะไม่ยกโครงการพื้นที่อาศัยครอบครัวพนักงานให้คนอื่น แต่คุณยืนยันที่จะทำแบบนั้น ตอนนี้ คุณจะให้โครงการอะไรแก่เสี่ยวหลิน?”
หัวหน้าสีโต้กลับ “จะโทษผมในเรื่องนี้ไม่ได้ ใครบอกให้หล่อนไม่เข้าหาผมเอง ผมควรจะเป็นฝ่ายเริ่มขอร้องหล่อนเหรอ?”
คุณนายสีกล่าว “เสี่ยวหลินบอกฉันว่าหล่อนไม่กล้าถามคุณ เพราะกลัวคุณจะเข้าใจผิดว่าหล่อนกระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว หล่อนต้องการครอบครองพื้นที่อาศัยครอบครัวพนักงานจริงๆ และหล่อนก็ต้องการรักษาโรคกระเพาะของคุณด้วยใจจริง ดูคุณสิ มองคนอื่นใจแง่ร้ายไปเสียหมดจนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จริงใจ หวังดี และควรผูกมิตรด้วย”
หัวหน้าสีเงียบไปชั่วขณะและกล่าว “สำนักการรถไฟมีโครงการที่ใหญ่กว่าพื้นที่อาศัยของครอบครัวพนักงานอยู่ คุณหาโอกาสบอกเสี่ยวหลินให้หล่อนมาหาผม แล้วผมจะให้โครงการใหญ่นี้กับหล่อน”
“โครงการแบบไหน คุณต้องคิดดีก่อน หากใหญ่เกินไป เสี่ยวหลินจะกล้ารับหรือไม่ และหล่อนมีกำลังพอที่จะรับมันหรือเปล่า”
หัวหน้าสีผายมือ “นั่นมันเรื่องของหล่อน ไม่ว่ายังไงผมก็จะมอบหมายให้หล่อน”
กว่าจะผ่านวันที่สิบแปดของเดือนแรกไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย และในที่สุดวันหยุดฤดูหนาวก็สิ้นสุดลง
โต้วโต้วมีวันหยุดฤดูหนาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
วันปีใหม่ในปีหน้าจะเป็นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1985 ปีนี้จะมีวันหยุดฤดูหนาวที่ยาวนานเป็นพิเศษซึ่งหาได้ยาก ทำให้เด็กน้อยมีความสุขมาก
ตั้งแต่สอบกลางภาค โต้วโต้วได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากติวเตอร์ และผลการเรียนของหล่อนก็ดีขึ้นมาก
หล่อนสอบผ่านการสอบปลายภาควิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ทั้งหมดแล้ว และคะแนนของหล่อนก็ไม่ได้อยู่ที่จุดต่ำสุดอีกต่อไป
ดังนั้นหลินม่ายจึงไม่สนใจว่าโต้วโต้วจะปล่อยตัวเองอย่างไร ตราบใดที่หล่อนทำการบ้านวันหยุดฤดูหนาวให้เสร็จก็เพียงพอแล้ว
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่โต้วโต้วจะทำการบ้านให้เสร็จโดยลำพัง หล่อนไม่มีความรู้มากขนาดนั้น
ดังนั้นครอบครัวนี้จึงจำเป็นต้องจ้างติวเตอร์ต่อไปเพื่อช่วยสอนการบ้านโต้วโต้วช่วงวันหยุด
หลินม่ายวางแผนพักผ่อนไว้อย่างดี
เธอใช้เวลาไปกับการทบทวน สอบ เลี้ยงลูก และทำงาน
ยิ่งเธอต้องการความสงบสุขมากเท่าไร ปัญหาก็มักจะถาโถมเข้ามามากเท่านั้น
เฉินเฟิงโทรหาหลินม่ายและบอกว่าเจอเผยซู่อวิ๋นแล้ว หล่อนถูกแฟนหนุ่มหลอกให้ไปขายตัวที่ฮ่องกง
เฉินเฟิงสั่งให้ใครบางคนไปตรวจสอบแฟนของเผยซู่อวิ๋นและพบว่าเขาเป็นนักเลงจากสังคมใต้ดิน
สิ่งที่คนกลุ่มนี้ทำคือการลักพาตัวและขายผู้หญิงจากครอบครัวดีๆ ให้เป็นโสเภณี
หญิงที่มาจากแผ่นดินใหญ่คือเป้าหมายสำคัญของพวกเขา
หลินม่ายถาม “สังคมใต้ดินแบบนี้ไม่ง่ายที่จะยั่วยุใช่ไหม?”
เฉินเฟิงตอบกลับจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “ใช่ แต่สำหรับฉันแล้วไม่ตึงมือหรอกที่จะช่วยผู้หญิงคนนั้น แค่กลัวว่ามันจะไม่คุ้มค่าที่จะทำให้พวกอันธพาลขุ่นเคือง ถ้าฉันยังอยู่ที่ฮ่องกงก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรมาก แต่ฉันกำลังจะออกจากฮ่องกงเพื่อไปอเมริกาก่อนปีใหม่ปีนี้ กลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้น อันธพาลเหล่านี้จะออกอาละวาดและก่ออันตราย ไม่มีใครรับมือได้”
หลินม่ายพูดอย่างเด็ดขาด “งั้นนายก็อย่าเข้าไปยุ่ง”
เฉินเฟิงถาม “เธอหมายความว่าจะปล่อยให้เผยซู่อวิ๋นอยู่คนเดียวเหรอ?”
“หล่อนมีพ่อมีแม่ ทำไมเราต้องยืนหยัดเพื่อหล่อนและจุดไฟเผาตัวเองด้วยล่ะ?”
เฉินเฟิงกล่าว “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
พ่อแม่ของเผยซู่อวิ๋นตามหลินม่ายมาถึงปักกิ่งเพื่อรอข่าว และเช่าบ้านในเขตชานเมืองของเมืองหลวงเพื่ออาศัยอยู่ชั่วคราว
หลังจากคุยกับเฉินเฟิงเสร็จสิ้น หลินม่ายก็โทรหาคณะกรรมการหมู่บ้านของหมู่บ้านที่พ่อเผยและแม่เผยอาศัยอยู่
เธอบอกให้เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านช่วยบอกพ่อเผยและภรรยาของเขาว่าพบตัวลูกสาวของพวกเขาแล้ว และให้พวกเขาไปตามหาหล่อน
เมื่อทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อเผยและแม่เผย พวกเขาก็แสดงควาเห็นอกเห็นใจทั้งสอง
เมื่อรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาเผชิญก็ไม่มีใครในคณะกรรมการหมู่บ้านไม่ช่วยเหลือ
เมื่อพ่อและแม่เผยได้รับข่าว พวกเขาตื่นเต้นมากและรีบมาที่บ้านของหลินม่ายในวันนั้นโดยไม่คำนึงถึงลมและหิมะ
หลินม่ายขอให้น้าถูชงนมมอลต์ร้อนให้พวกเขาคนละแก้ว
สารสกัดจากนมมอลต์มีรสหวาน และอะไรก็ตามที่มีรสหวานล้วนบรรเทาอารมณ์ของผู้คนได้
สิ่งที่เธอกำลังจะบอกพ่อเผยและแม่เผยคือข่าวร้าย และเธอต้องการใช้นมมอลต์เพื่อทำให้อารมณ์ของพวกเขาเย็นลง แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักก็ตาม
ทั้งพ่อเผยและแม่เผยไม่มีความตั้งใจที่จะดื่มนมมอลต์ พวกเขาเพียงต้องการทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ของลูกสาวอย่างรวดเร็ว
หลินม่ายบอกให้พวกเขาใจเย็น และบอกพวกเขาว่าสถานการณ์ของเผยซู่อวิ๋นแย่มาก
แม่เผยพูดอย่างกระวนกระวาย “คุณหลินคะ บอกเราเถอะค่ะ เราเตรียมใจแล้ว”
หลินม่ายเล่าเรื่องสถานการณ์ของเผยซู่อวิ๋นในฮ่องกงให้พวกเขาฟัง
แม้ว่าเธอจะพูดอย่างมีชั้นเชิงให้ฟังดูอ่อนลงแล้ว แต่แม่เผยก็ยังตกตะลึงจนหมดสติไป
พ่อเผยสะกิดแม่เผยอย่างรุนแรงเพื่อให้หล่อนตื่น
ทันทีที่แม่เผยตื่นขึ้น น้ำตาของหล่อนก็ไหลไม่หยุด
หลินม่ายรู้สึกปวดหัวอย่างมาก
เธอกลัวมากที่จะเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะปลอบใจแม่เผยอย่างไร
เธอเพียงลุกขึ้นเตรียมจะออกไปโดยอ้างว่าจะไปให้นมลูก และเธอจะกลับมาเมื่อพวกเขาสงบลง
แม่เผยรีบเช็ดน้ำตา จับมือหลินม่าย และขอร้องด้วยเสียงสะอื้น “คุณหลิน ได้โปรดช่วยอวิ๋นอวิ๋นด้วยนะคะ”
ในที่สุดพ่อและแม่เผยก็คุกเข่าลงอ้อนวอนหลินม่าย
หลินม่ายรู้สึกปวดหัวมากขึ้น ไม่ว่าเธอจะห้ามปรามอย่างไร แต่ทั้งพ่อและแม่เผยก็ไม่ยอมลุก
หลินม่ายเกลียดคนที่คุกคามเธอด้วยวิธีนี้ และใบหน้าของเธอก็เย็นชาทันที “ถ้าพวกคุณยังเป็นแบบนี้ก็ได้โปรดออกไปจากบ้านของฉันเถอะค่ะ!”
พ่อเผยและแม่เผยมองหน้ากันด้วยความตกใจและรีบลุกขึ้นจากพื้น
แม่เผยพูดอย่างระมัดระวัง “เราไม่มีเจตนาอื่นนะคะ แค่อยากให้คุณช่วยเรา”
หลินม่ายพูดอย่างชัดเจน “พวกคุณไม่ได้ขอร้องฉัน แต่พวกคุณพยายามบังคับให้ฉันช่วย!”
พ่อแม่ของเผยซู่อวิ๋นก้มหัวลง พวกเขามีความคิดนี้จริง ๆ
หลินม่ายพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย “ถ้าฉันมีความสามารถที่จะช่วยพวกคุณได้ ฉันคงทำไปนานแล้ว ลูกสาวของคุณถูกอันธพาลฮ่องกงจับตัวไป ฉันจะช่วยหล่อนได้อย่างไร?”
แม่เผยโพล่งออกมา “คุณขอให้คนของคุณในฮ่องกงโทรหาตำรวจได้ และอวิ๋นอวิ๋นของฉันก็จะได้รับการช่วยเหลือ”
หลินม่ายเยาะเย้ย “ตอนที่อวิ๋นอวิ๋นของคุณได้รับการช่วยเหลือ ลูกน้องของฉันในฮ่องกงจะถูกพวกอันธพาลฮ่องกงเขม่นเพราะเหตุนี้ และพวกเขาก็ต้องเป็นคนที่รอคอยความตายแทนลูกสาวของคุณ ฉันแค่อยากจะถามคุณว่า ครอบครัวของคุณมีบุญคุณอะไรกับฉันหรือคนของฉันในฮ่องกงเหรอคะ? คุ้มไหมที่คนของฉันจะเสี่ยงชีวิตโทรแจ้งตำรวจเพื่อช่วยลูกสาวของคุณ?”
ทั้งคู่พูดไม่ออก
หลินม่ายสงบลง “ไม่จำเป็นต้องขอให้ฉันช่วยลูกสาวของพวกคุณหรอกค่ะ พวกคุณสามารถช่วยเผยซู่อวิ๋นได้ด้วยตัวเอง”
พ่อและแม่เผยตกอยู่ในความสูญเสียเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “เราสามารถช่วยอวิ๋นอวิ๋นได้ด้วยตัวของเราเอง? อย่างไร?”
หลินม่ายกล่าว “ไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความคดีนี้ และตำรวจก็จะรับเรื่องไว้ แน่นอนว่าสำนักงานในฮ่องกงจะเดินหน้าแก้ปัญหา”
แม่เผยอยากขอร้องให้หลินม่ายพาพวกเขาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่เธอยังอยู่ในช่วงอยู่เดือน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะพูดแบบนี้
จากนั้นหลินม่ายก็เอ่ยขึ้น “เอาล่ะ ฉันจะทำแค่ชี้ทางสว่างให้พวกคุณ และฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว อันที่จริงฉันไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณ และฉันไม่มีภาระหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือพวกคุณด้วย”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ แม่เผยก็ตระหนักได้ในทันที
เป็นเพราะหลินม่ายคุยง่าย หล่อนจึงร้องขอทุกอย่างโดยไม่เกรงใจ
ทั้งคู่บอกลาและจากไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บางเรื่องก็พูดยากนะคะ แต่ถ้าช่วยใครก็ช่วยเท่าที่ทำได้แหละค่ะ อย่าเอ็นดูเขาเกิน เพราะเอ็นเราจะขาดแทน
ไหหม่า(海馬)