ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 335 ตายไปด้วยกัน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 335 ตายไปด้วยกัน(1)

ตอนที่ 335 ตายไปด้วยกัน(1)

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้หาข้อมูลของเย่อินมาหมดแล้ว จึงทราบเรื่องของหล่อนเป็นอย่างดี

“หลังจากที่เธอเข้ากลุ่มของหวงจิ่นซง ตอนแรกเธออาจไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังของหวงจิ่นซงก็จริง แต่พอหวงจิ่นซงแนะนำให้เธอเข้าร่วมองค์กรของพวกเขา เธอไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องได้หรอก แล้วหลายวันก่อนฉันก็เห็นเธอคุยกับพ่อบุญธรรมด้วย ถ้าคิดอยากจะบอกตอนนั้นก็สามารถบอกได้ ตอนนี้เธอไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรแล้วล่ะ”

“ฉัน…”

เย่อินพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง อันที่จริงหล่อนมีโอกาสจะบอกได้ แต่เมื่อเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงปฏิเสธตัวเองอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า จึงมีความแค้นอยู่ภายในใจ คิดอยากจะทำให้เจี่ยงสือเหิงต้องทนทุกข์ทรมาน ดังนั้นหล่อนจึงไม่บอกอะไร แต่หลังจากลงมือแล้วก็เริ่มตระหนักได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้

หวงจิ่นซงเห็นใบหน้ายับยู่ยุ่งเหยิงของเย่อินเช่นนี้ จึงรีบตะโกนเสียงดัง “เย่อิน เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเจี่ยงสือเหิงปฏิเสธเธอ แล้วยังผลักไสไล่ส่งเธออย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน แต่เจี่ยงสือเหิงก็ยังปฏิบัติต่อเธอแบบนี้อีก”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่อินก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ใช่ เจี่ยงสือเหิงควรเป็นฝ่ายขอโทษฉัน ไม่ใช่ฉันที่เป็นฝ่ายผิด”

“เหอะ…”

ในตอนนั้นเอง เจี่ยงสือเหิงก็แค่นหัวเราะขึ้นมา เขาหันมองหวงจิ่นซงด้วยสีหน้าดูถูกก่อนจะพูดขึ้น “นี่เป็นวิธีที่นายหลอกใช้เย่อินสินะ ชีวิตนายกำลังไปได้สวยแท้ ๆ เห็นชัดว่านายเป็นนักวิชาการที่มีความรู้และคุณสมบัติเหมาะสมเต็มเปี่ยม แต่สุดท้ายนายกลับทำแบบนี้ หวงจิ่นซง ฉันสมเพชนายเหลือเกิน”

หวงจิ่นซงได้ยินแบบนี้ ก็อดกระชากคอของเจี่ยงสือเหิงเสียไม่ได้

“เจี่ยงสือเหิง นายอย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรนายนะ ถ้านายยังขืนพูดจาเหน็บแนมอีก ก็อย่าหาว่าฉันหยาบคายกับนายแล้วกัน”

“เหอะ…ฉันพูดจาเหน็บแนมตรงไหนกัน นายโกรธกับสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปอย่างนั้นเหรอ ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ต่อให้นายลักพาตัวฉันไปก็ตาม แต่นายก็จะไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ไปหรอก”

หวงจิ่นซงระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา แล้วพูดขึ้น “นายคิดว่าอยู่ในกำมือของพวกเราแล้วพวกเราจะไม่สามารถง้างปากนายได้อย่างนั้นเหรอ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย พวกเรามีหลายวิธีที่จะทำให้นายปริปากพูดเรื่องที่นายรู้ออกมาให้หมดเปลือก”

แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของเจี่ยงสือเหิงกลับมองดูด้วยความสมเพชเสียยิ่งกว่า

“หวงจิ่นซงเอ๊ยหวงจิ่นซง นายอยู่ในสถาบันวิจัยมาตั้งหลายปี แต่กลับทำได้ไม่ดีเท่าฉันที่เพิ่งเรียนจบมาได้ไม่ถึงปีแท้ ๆ นายลองบอกหน่อยสิว่าทำไมนายถึงแย่ขนาดนี้กันล่ะ”

คำพูดนี้ค่อนข้างแทงใจดำเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าหวงจิ่นซงจะควบคุมสติตัวเองได้ดี แต่ก็อดคิดที่จะปล่อยหมัดหนัก ๆ ใส่เจี่ยงสือเหิงเสียไม่ได้

เหยาอี้หนิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “หวงจิ่นซง อย่าตื่นตระหนกไปหน่อยเลย”

กว่าพวกเขาจะจับตัวเจี่ยงสือเหิงมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดในโครงการของสถาบันวิจัยคนอื่นอีก พวกเขาก็ต้องการข้อมูลจากเจี่ยงสือเหิงเพิ่มเติมเช่นกัน

หวงจิ่นซงก็ทราบความหมายที่เหยาอี้หนิงจะสื่อ จึงพยายามสงบสติอารมณ์ หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองเจี่ยงสือเหิงด้วยแววตาสงสัย

ตลอดทางที่ผ่านมานี้ เจี่ยงสือเหิงเชื่อฟังเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้กลับยั่วยุเขาอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่คงเป็นเพราะมีพวกเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่ด้วย จึงอาศัยประโยชน์จากตัวเขาเองแล้วทำตัวหยาบคายแบบนี้สินะ แต่เขาก็ไม่คิดอย่างนั้น พวกเซี่ยเจ๋อหลี่มีกันอยู่แค่ไม่กี่คน ไม่มีทางจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ ถึงเวลาช่วงชุลมุน เจี่ยงสือเหิงก็อาจโดนทิ้งได้

แต่ถึงอย่างไรหวงจิ่นซงก็อยากให้ภารกิจในครั้งนี้สำเร็จลุล่วง จึงหันไปมองแล้วพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “พวกนายอยู่ในที่ของตัวเองไปเถอะ อย่าตามพวกเรามา ไม่อย่างนั้น…ฉันจะตัดแขนเจี่ยงสือเหิงทิ้ง แล้วทรมานเขาเพิ่มอีก จากนั้นก็จะผลักมันลงไป”

สิ่งที่พวกเขาต้องการคือสิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกของเจี่ยงสือเหิง ต่อให้แขนหรือขาขาด พวกเขาก็ไม่สนใจ แต่กับพวกเซี่ยเจ๋อหลี่นั้นไม่เหมือนกัน เขาย่อมไม่อยากเห็นเจี่ยงสือเหิงบาดเจ็บแน่นอน

เป็นเรื่องจริง เซี่ยเจ๋อหลี่พาคนก้าวถอยไปอีกครั้ง ก่อนจะบอกกล่าวขึ้น “พวกเราไม่ตามหรอก พวกนายก็อย่าทำร้ายพ่อบุญธรรม”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่พูดแบบนี้ หวงจิ่นซงก็อดหัวเราะไม่ได้ “ทำถูกแล้ว”

ถึงแม้ว่าโหยวหย่งจะเชื่อฟังคำสั่งของเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างมีข้อกังขา แต่ครั้งนี้เขาอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยเจ๋อหลี่กัน เขาไม่เพียงแต่ไม่ยอมฟังคำแนะนำคนอื่น แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดกลับทำทุกอย่าง มันช่างต่างจากเซี่ยเจ๋อหลี่ที่เขารู้จักไปนิดหน่อย

แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ทำแบบนี้ก็มีเหตุผล เขาเห็นเจี่ยงสือเหิงแอบส่งสัญญาณให้ทางสีหน้า นอกจากนี้ยังคาดเดาแผนการของเจี่ยงสือเหิงได้ด้วย เขาจึงต้องยอมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

เจี่ยงสือเหิงเองก็ทราบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ หลังจากรอให้พวกเซี่ยเจ๋อหลี่ล่าถอยออกไป ทำให้พวกหวงจิ่นซงระวังตัวน้อยลง เขาจึงหาโอกาสโรยผงยาที่มู่หลานมอบให้บนตัวหวงจิ่นซง

“ตอนนี้แหละ…โหยวหย่ง พาพวกเราเข้าไปเลย”

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นเจี่ยงสือเหิงลงมือแล้ว จึงพุ่งเข้าไปหาเหยาอี้หนิงประหนึ่งเสือนักล่า

ถึงแม้ว่าโหยวหย่งจะรู้สึกแปลกใจกับท่าทางของเจี่ยงสือเหิงนิดหน่อย แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้เข้าใจถึงท่าทางแปลก ๆ ของเซี่ยเจ๋อหลี่เมื่อสักครู่ด้วยเช่นกัน จึงแสยะยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดขึ้น “เร็ว พวกเรา วันนี้ต้องช่วยผอ.เจี่ยงให้ได้”

“ครับ…”

ทุกคนรอคอยช่วงเวลานี้มานานแล้ว จึงพยายามก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างเต็มที่

เหยาอี้หนิงเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังตรงปรี่เข้ามาหาตัวเอง แววตาจึงเย็นชามากขึ้น “เซี่ยเจ๋อหลี่ นายนี่เป็นก้างขวางคอฉันไปทุกที่เลยนะ นายคอยทำให้ฉันมีปัญหาตลอด”

“เหอะ…นายทำเรื่องแบบนี้ ก็ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว”

“นายคิดว่าตัวเองดีเลิศกว่าฉัน เริ่นม่านลี่กลายเป็นแบบนั้น ก็เป็นเพราะพวกนายไม่ใช่เหรอ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดแค่นหัวเราะก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียไม่ได้ “ทำไม นายยังคิดถึงอดีตภรรยาอยู่อีกเหรอ น่าเสียดายจริงที่นายยังไม่ลืมหล่อน แต่หล่อนกลับไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับนาย ก่อนหน้านี้หล่อนก็กำลังวุ่นอยู่กับการดูตัวไปทั่ว ดูอยากจะรีบแต่งงานให้เร็วที่สุด ต่อมาหล่อนก็พยายามจะทำร้ายคุณยาย แต่ก็ล้มเหลว กลายเป็นตัวเองโดนพิษแทน”

ถึงแม้ว่าทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ แต่มือของพวกเขาก็เคลื่อนไหวไม่หยุด ระหว่างนายกับฉันเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดนิ่ง

เหยาอี้หนิงได้ยินแบบนี้ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ “เซี่ยเจ๋อหลี่ ตอนนี้นายทำได้ทุกอย่างเพื่อทำให้ใจฉันไขว้เขวจริง ๆ ที่สร้างเรื่องออกมาแบบนี้ เพราะนายจะเลี่ยงความรับผิดชอบใช่ไหมล่ะถึงได้ใส่ร้ายเริ่นม่านลี่ น่ารังเกียจจริง ๆ”

ครั้งนี้เขาไปเมืองหลวงเพื่อช่วยหวงจิ่นซงจับตัวเจี่ยงสือเหิง จึงมีเวลาไม่มากนักในตอนแรก ทำได้เพียงไปดูเริ่นม่านลี่ และไม่ได้ลงมือทำอะไร ตอนแรกเขาอยากจะไปที่นั่นอีกครั้ง ไม่คิดว่าจะมาเจอเซี่ยเจ๋อหลี่ที่นี่เข้าโดยบังเอิญ แล้วยังได้ยินคำพูดแบบนี้อีก

เซี่ยเจ๋อหลี่มองเหยาอี้หนิงด้วยแววตาสงสาร ก่อนจะเอ่ย “ไม่คิดเลยว่านายจะเชื่อใจเริ่นม่านลี่ขนาดนี้ รู้หรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้หล่อนไปนัดดูตัวกับใคร กับหลิวเสวียข่ายไงล่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรขนาดนั้น นายแค่ลองไปถามทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เมืองหลวงเอาก็ได้”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ยืนกรานหนักแน่น และเอ่ยแม้แต่ชื่อของหลิวเสวียข่ายขึ้นมาด้วย จึงดูเหมือนไม่ใช่เรื่องโกหก

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พ่อบุญธรรมเก็บความลับพิเศษอะไรเอาไว้กันนะ คนพวกนี้ถึงมาชิงตัวไป

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท