ตอนที่ 862 การทำงานหนักของกู่เยี่ยน
ชีวิตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ทั้งยังมีจังหวะขึ้นและลงเสมอ
ขณะที่หลินม่ายส่งพ่อเผยและแม่เผยออกไป เถาจืออวิ๋นก็โทรหาเธออีกครั้ง
ซึ่งเถาจืออวิ๋นได้นำข่าวดีมาให้
ถุงน่องแบบหนากว่าพันคู่ที่หลินม่ายส่งมาให้ถูกขายทั้งหมดแล้ว
หล่อนต้องการให้หลินม่ายส่งถุงน่องให้หล่อนอีกชุดหนึ่ง
นอกจากข่าวดีเรื่องนี้แล้ว เถาจืออวิ๋นยังมีข่าวดีอีกอย่าง
ตั้งแต่ผลงานของหล่อนได้รับรางวัลรองชนะเลิศในเทศกาลแฟชั่นมิลานเมื่อปีที่แล้ว มูลค่าตัวของหล่อนก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เทศกาลแฟชั่นน้อยใหญ่บางงานเชื้อเชิญให้หล่อนนำผลงานไปเข้าร่วมแสดง
ก่อนวันคริสต์มาส เถาจืออวิ๋นได้นำคอลเล็กชั่นฤดูหนาวที่ออกแบบสำหรับร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วไปเข้าร่วมงานเทศกาลแฟชั่นสวิตเซอร์แลนด์
ราชินีแห่งสวิตเซอร์แลนด์ชื่นชอบการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวหลายชุด ซึ่งกลายเป็นสินค้าขายดีในยุโรปอย่างรวดเร็ว ตัวแทนจำหน่ายจำนวนมากต่างเข้าหาเพื่อสั่งซื้อกับหล่อน
เมื่อพูดถึงการเจรจาด้านธุรกิจ เถาจืออวิ๋นไม่มีความรู้มากนัก
หล่อนโทรหาหลินม่ายในครั้งนี้ เพราะต้องการแนะนำตัวแทนจำหน่ายเหล่านั้นให้หลินม่ายรู้จัก และปล่อยให้เธอเจรจากับพวกเขาเอง
หลินม่ายมีความสุขมาก เสื้อผ้าที่เถาจืออวิ๋นออกแบบได้รับการชื่นชอบจากราชินีแห่งสวิตเซอร์แลนด์ นี่ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่!
หลินม่ายถามอีกฝ่าย “ฉันขอรูปถ่ายที่ราชินีแห่งสวิตเซอร์แลนด์ทรงฉลองพระองค์หน่อยได้ไหม?”
เถาจืออวิ๋นเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็น่าจะได้นะ มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับทีเดียวที่ลงข่าวราชินีแห่งสวิตเซอร์แลนด์สวมชุดของฉันในเวลานั้น”
หลินม่ายจึงพูดไปว่า “ถ้าเป็นไปได้อยากให้พี่ส่งแฟกซ์สำเนาหนังสือพิมพ์เหล่านั้นมาทั้งหมดเลย”
เถาจืออวิ๋นตอบรับว่าจะทำให้ จากนั้นจึงบอกชื่อและข้อมูลติดต่อของตัวแทนจำหน่ายเหล่านั้นกับหลินม่าย
หลินม่ายจดข้อมูลต่าง ๆ และถามเถาจืออวิ๋นว่าครั้งนี้หล่อนต้องการถุงน่องจำนวนเท่าใด
เถาจืออวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “30,000 คู่”
หลินม่ายตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “30,000 คู่เหรอ? พี่คิดจะขายมันนานแค่ไหนกันเนี่ย?”
เถาจืออวิ๋นกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก กู่เยี่ยนจะช่วยฉันขายด้วย”
หลินม่ายรู้สึกสับสน “ทำไมหล่อนถึงมายุ่งกับพี่ล่ะ?”
“ถ้าไม่มีกู่เยี่ยน เธอคิดว่าถุงน่องชุดแรกจำนวน 1,000 คู่จะหมดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลินม่ายถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เถาจืออวิ๋นบอกกับกู่เยี่ยนว่าหลินม่ายส่งถุงน่องมาให้หล่อนเป็นพันคู่ และหล่อนก็ค่อนข้างเป็นกังวล
ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนใดที่ซื้อถุงน่องจากหล่อนถึงร้อยชิ้น และเป็นเรื่องยากสำหรับหล่อนที่จะขายถุงน่องพันคู่
เมื่อกู่เยี่ยนรู้เรื่องนี้ หล่อนก็สวมถุงน่องแบบหนาคู่หนึ่งที่หลินม่ายส่งมาให้ และนำถุงน่องเหล่านั้นไปขายตามร้านขายชุดชั้นในต่าง ๆ
หล่อนขายถุงน่องมากกว่า 900 คู่จนหมดในเวลาอันรวดเร็ว
ครั้งนี้เถาจืออวิ๋นจึงกล้าขอถุงน่องกับหลินม่าย 30,000 คู่ เพราะกู่เยี่ยนจะเป็นคนช่วยขาย ซึ่งทำให้หล่อนมีความมั่นใจมากขึ้น
เถาจืออวิ๋นกล่าวชื่นชมอีกฝ่าย “ถึงแม้กู่เยี่ยนจะเรียนหนังสือมาน้อย แต่ตอนนี้หล่อนพูดภาษาอิตาลีได้ดีกว่าฉันอีก หล่อนเป็นผู้หญิงที่ทรงพลังไม่ด้อยกว่าเธอเลย”
หลินม่ายถามกลับด้วยความคาดไม่ถึง “กู่เยี่ยนไม่ได้ต้องการไปเป็นนางแบบเหรอ ทำไมถึงอยากช่วยทำธุรกิจล่ะ?”
เถาจืออวิ๋นอธิบาย “หล่อนยังคงทำงานเป็นนางแบบอยู่ และก็ขายถุงน่องไปด้วย ซึ่งสองงานนี้ไม่ได้ขัดแย้งกัน หล่อนไม่ได้รับงานเดินแบบตลอดเวลา ปัจจุบันงานเดินแบบส่วนใหญ่ของหล่อนก็ให้ฉันเป็นคนแนะนำ หล่อนยังสมัครเข้าร่วมคลาสฝึกอบรมนางแบบชั้นนำในท้องถิ่นด้วย ค่าเทอมแพงจนน่าตกใจ ทำให้หล่อนต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอม แล้วหล่อนจะมีเงินจ่ายค่าเทอมได้ยังไงถ้าไม่ขายถุงน่อง?”
หลินม่ายถามอีกครั้ง “ไม่มีถุงน่องแบบหนาขายในท้องถิ่นของอิตาลีหรือ?”
ตอนที่ร้านขายถุงน่องเจียเหม่ยวางขายสินค้าในจีน ไม่นานก็ถูกคนในแวดวงเดียวกันลอกเลียนแบบ กระทั่งมีถุงน่องแบบเดียวกันขายทั่วทุกหนแห่ง
แม้ว่าชาวยุโรปจะไม่ทำงานหนักเท่าชาวจีน แต่พวกเขาก็ได้รับการพัฒนาอย่างดีในทุกด้าน การลอกเลียนแบบถุงน่องเจียเหม่ยคงใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น
เถาจืออวิ๋นรู้สึกงงเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงถามแบบนั้นล่ะ? คนอื่นขายของคนอื่น เราก็ขายของเรา”
“ไม่ใช่ ถ้าอิตาลีมีถุงน่องขายอยู่แล้ว ฉันอยากรู้ราคาของพวกเขา เพื่อที่จะได้ปรับราคาถุงน่องของเราใหม่”
“แบบนี้นี่เอง ถุงน่องที่มีขายในประเทศนี้มีมากมายหลายสิบยี่ห้อเลย แต่ด้วยค่าแรงที่สูง ทำให้ราคาขายยังสูงกว่าของเรา ดังนั้นเราจึงยังคงได้เปรียบในเรื่องของราคา”
หลินม่ายกล่าว “ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงราคาขาย”
หลังจากทั้งสองคุยเรื่องธุรกิจเสร็จแล้ว หลินม่ายแอบกระซิบถามเถาจืออวิ๋น ว่าหลังจากที่หล่อนปฏิเสธอับบราฮัม เขายังคอยมารบกวนหล่อนอยู่อีกหรือเปล่า
ในอดีต หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยในโรงงานที่เถาจืออวิ๋นทำงานคอยมารังควานหล่อนเสมอ ทำให้เถาจืออวิ๋นได้รับผลกระทบอย่างมาก และนั่นทำให้หลินม่ายกลัวว่าจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นอีก
อีกทั้งตอนนี้เถาจืออวิ๋นยังอยู่ต่างประเทศ หลินม่ายจึงเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้แม้จะต้องการมากแค่ไหนก็ตาม
เถาจืออวิ๋นกล่าวว่า “ชายต่างชาติค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ ฉันปฏิเสธเขา โดยคิดว่าต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ติดต่อฉันอีก แต่ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะยังปฏิบัติต่อฉันเหมือนเพื่อนและช่วยเหลือฉันเหมือนเดิม”
หลินม่ายแอบเย้ยหยันอย่างเย็นชาในใจ
อีกาทั่วโลกล้วนเป็นสีดำ ผู้ชายทั้งโลกก็เหมือนกันหมด
เพียงเพราะชายชาวต่างชาติที่เถาจืออวิ๋นเจอนั้นเป็นสุภาพบุรุษ แต่ไม่ได้หมายความว่าชายชาวต่างชาติทุกคนจะเป็นแบบนั้น
หลังจากคุยกับเถาจืออวิ๋นเสร็จแล้ว หลินม่ายมองชื่อตัวแทนจำหน่ายที่เถาจืออวิ๋นแนะนำมา ก่อนจะเริ่มโทรหาทีละคนเพื่อหารือเกี่ยวกับธุรกิจ
แม้ว่าประเทศในยุโรปเหล่านี้จะมีภาษาแม่ของตนเอง แต่โดยทั่วไปแล้วพวกเขาพูดภาษาอังกฤษ มิฉะนั้นหลินม่ายคงไม่สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้
การพูดคุยเรื่องธุรกิจไม่สามารถทำได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน และอย่างเร็วที่สุดจะต้องใช้เวลาราวสามถึงห้าวัน
ยิ่งไปกว่านั้น รายชื่อที่เถาจืออวิ๋นมอบให้กับหลินม่ายนั้นยาวมาก แม้ว่าเธอจะเจรจากับตัวแทนจำหน่าย 5 รายทุกวัน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์จึงจะติดต่อครบทุกคน
หลินม่ายยังคงอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังคลอด และการดูแลทารกในช่วงเวลานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เดี๋ยวก็อุจจาระ เดี๋ยวก็ปัสสาวะ อีกเดี๋ยวก็ต้องให้นมลูก แค่ดูแลลูกคนเดียวหลินม่ายก็เหนื่อยมากแล้ว
แม้ว่าจะมีพี่เลี้ยงเต็มเวลาเพื่อช่วยเหลือเธอดูแลลูกน้อย แต่โดยปกติแล้วหลินม่ายจะพยายามทำด้วยตัวเอง
ส่งผลให้พลังงานและเวลาถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเธอสามารถเจรจาธุรกิจกับตัวแทนจำหน่ายได้สูงสุด 4 รายต่อวันเท่านั้น
ธุรกิจยิ่งเจรจาเร็วยิ่งดี จะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อเงินเข้ากระเป๋าแล้วเท่านั้น ดังนั้นจึงควรต้องหาผู้ช่วยมาแบ่งเบาภาระ
ทันใดนั้นชื่อของเผิงอันน่าก็ผุดขึ้นมาในความคิดของหลินม่าย
เผิงอันน่าเป็นนักข่าวหญิงของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนที่เคยภาษณ์หลินม่ายสองครั้งในอดีต
ครั้งหนึ่งหล่อนมาสัมภาษณ์หลินม่ายเพราะธุรกิจตลาดสดฝูตัวตัวกำลังเฟื่องฟู
อีกครั้งคือในการประกวดชิงถ้วยนางแบบจิ่นซิ่ว หล่อนบังเอิญเจอหลินม่ายที่ส่วนงานทะเบียนของการแข่งขันในเมืองหลวงและขอสัมภาษณ์ระหว่างทาง
เมื่อหลินม่ายโทรไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน เพื่อนร่วมงานของเผิงอันน่าก็โอนสายไปให้เธออย่างรวดเร็ว
หลินม่ายถามเผิงอันน่าอย่างตรงไปตรงมาว่า หล่อนสามารถย้ายมายังว่านถงกรุ๊ปและเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายของแผนกการค้าต่างประเทศ ซึ่งรับผิดชอบด้านการขายในตลาดต่างประเทศได้หรือไม่
หลินม่ายจะจ่ายเงินเดือนให้หล่อนตามระดับเงินเดือนของตำแหน่งผู้จัดการภาคพื้นยุโรป
เหตุผลที่หลินม่ายนึกถึงเผิงอันน่า เป็นเพราะอีกฝ่ายมีการศึกษาสูงและความสามารถยอดเยี่ยม
และการจะเป็นนักข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนได้ จำเป็นต้องสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนภาษาแม่ ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐาน
เผิงอันน่ามีข้อได้เปรียบทั้งด้านภาษาและความสามารถในการทำงาน
หากหล่อนยินดีมาเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายของแผนกการค้าต่างประเทศ หลินม่ายสามารถคาดการณ์ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะต้องทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
เงินเดือนที่หลินม่ายเสมอให้ค่อนข้างสูง การได้รับเงินเดือนของผู้จัดการธุรกิจในยุโรปเพียงหนึ่งถึงสองเดือนก็สามารถทำให้เผิงอันน่าเป็นคนที่ร่ำรวยคนหนึ่งในประเทศจีน
แต่เผิงอันน่าปฏิเสธหลังจากถูกเชื้อเชิญเพียงไม่กี่วินาที
การทำงานในสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดาย และหล่อนยังไม่อยากยอมแพ้
ความหวังของหลินม่ายพังทลายลง แต่บริษัทได้จัดตั้งธุรกิจในต่างประเทศแล้ว และเติบโตขึ้นมาก ดังนั้นความสามารถในด้านนี้จึงขาดไม่ได้
มันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสรรหากลุ่มพนักงานขายที่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้
หลินม่ายส่งมอบหมายงานนี้ให้กับเจิ้งซวี่ตง
เขามีการศึกษาในระดับสูงและได้เรียนในมหาวิทยาลัย ไม่มีใครในบริษัทเหมาะสมกับงานนี้มากกว่าเขาแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
นับถือการทำงานหนักของกู่เยี่ยนมากเลย มาจากชนบท การศึกษาน้อย แต่พัฒนาตัวเองได้แบบก้าวกระโดดมาก
ไหหม่า(海馬)