บทที่ 841 กระบี่ฉุนจวิน ผู้แข็งแกร่งหลังฉากต่างมาถึง!
กระบี่ปักอยู่บนยอดเขาสาดประกายวาววับ ด้ามจับสลักด้วยอักขระซับซ้อน ยิ่งหลี่จิ่วเต้ามองดูก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้น สอดคล้องกับมุมมองความงามของเขาอย่างสมบูรณ์ เป็นกระบี่ที่หาที่เปรียบไม่ได้ในใจของเขา
ตู้ม!
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงดังสนั่น จากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตออกมาจากความว่างเปล่า
มันเป็นอสูรขนาดใหญ่โตมโหฬาร หัวเป็นมังกรตัวเป็นเสือ เกล็ดร้อยเรียงกันอย่างแน่นหนา ด้านหลังมีอยู่แปดปีก หางเรียวคมอย่างถึงที่สุดสะท้อนประกายเย็นเยียบ
หลังจากมันก้าวออกมา ทั่วทั้งฟ้าดินพลันถูกปกคลุมไปด้วยลมหายอันดุร้ายนองเลือด สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตัวสั่นสะท้าน สะเทือนไปจนถึงจิตวิญญาณ
“ได้ยินมาว่ากระบี่ฉุนจวินอยู่ที่นี่!”
มันรำพึงด้วยเสียงแผ่วเบา ดวงตามังกรเปล่งประกายวาววับ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโลภ คิดครอบครองกระบี่ที่ปักอยู่บนยอดเขา
ทว่ามันก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างหุนหันพลันแล่น ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่ากระบี่ฉุนจวินนั้นน่ากลัวถึงเพียงใด!
เล่ากันว่ากระบี่ฉุนจวินอยู่เหนือกระบี่ทั้งปวง เป็นอันดับหนึ่งในหมู่กระบี่ เป็นสมบัติสะท้านฟ้า หากได้รับมันมา การสังหารสิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันก็จะเป็นเรื่องง่ายดาย
ทว่ามันก็ไม่รู้ข้อมูลอันใดเกี่ยวกับกระบี่ฉุนจวินมากนัก มีเรื่องมากมายที่มันไม่เข้าใจ กระบี่ฉุนจวินนั้นลึกลับเป็นอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตระดับมันไม่อาจสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
“พวกข้าสืบเสาะตามฝีเท้าคนผู้นั้นไปถึงสถานที่แห่งนั้น นึกว่าที่แห่งนั้นจะเป็นจุดสิ้นสุด ทว่าผู้ใดจะรู้ว่ามันไม่ใช่จุดสิ้นจุด แต่กลับเป็นที่นี่!”
มันเอ่ยต่อ ในน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากมาย
พวกมันละทิ้งสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าจะต้องหวนกลับมายังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง!
สถานที่แห่งนั้นคือโลกหลังฉาก ส่วนสถานที่แห่งนี้ถูกพวกมันรียกว่าโลกหน้าฉาก
‘เมฆหมอกลอยปกคลุมอาณาจักร ไม่อาจมองเห็นความจริงได้อย่างชัดเจน หลังฉากที่คิดว่าจริง เมื่อมองย้อนกลับไปอีกครา ก็ไม่อาจมองได้กระจ่าง หรือจริงกลายเป็นเท็จ?’
มันเอ่ยขึ้นมาในใจ ความจริงทุกอย่างช่างยุ่งยากเหลือเกิน
ตอนนี้โลกเบื้องหลังกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง ความจริงที่ไม่มีผู้ล่วงรู้มาก่อนค่อย ๆ เผยออกมา สิ่งมีชีวิตในระดับพวกเขายากจะสามารถแยกแยะจริงเท็จได้
ใช่แล้ว มันมาจากหลังฉาก ทว่าหลังฉากเกิดความวุ่นวายไม่หยุด ทำให้มันเคลื่อนมายังหน้าฉาก
ขณะนั้นเอง มันสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แผ่ออกมาจากกระบี่ฉุนจวิน ทำให้ถูกดึงดูดความสนใจเข้าให้
ครืนนน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน ส่งอสนีบาตออกมาไม่หยุด เมฆสีดำทะมึน ประหนึ่งมีทะเลอสนีบาตปรากฏขึ้นกลางนภา ตามด้วยสิ่งมีชีวิตที่มาเพิ่ม!
นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ใจกลางเหล่าอสนีบาต รูปร่างสูงใหญ่ ดวงตามีประกายวาววับเป็นพิเศษ รอบกายมีสายฟ้าแล่นผ่าน ราวกับผู้เป็นจ้าวผู้บงการอสนีบาต!
“จ้าวอสนีบาต!”
อสูรตัวใหญ่มหึมาเอ่ยทักทายผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์คนนั้น พวกเขารู้จักกันดี เพราะต่างก็มาจากฉากหลัง ความสัมพันธ์นับได้ว่าไม่เลว
จ้าวอสนีบาตพยักหน้า กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเราตามหาร่องรอยเท่าใดก็ไม่อาจพบกระบี่ฉุนจวิน ผู้ใดกันจะคาดคิดว่ากระบี่ฉุนจวินจะมาอยู่หน้าฉากกัน?”
นี่มันเกินกว่าความคาดหมายจริง ๆ อย่างไรเสียกระบี่ฉุนจวินก็เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของฉากหลัง มีพลังอันไร้ขอบเขต สามารถใช้สังหารผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งฉากหน้ายังเป็นสถานที่ที่พวกเขาละทิ้งไปนานแล้ว
ฟิ้ว!
ขณะนั้นเอง ก็มีสายรุ้งทอดยาวมาจากแสนไกล มีชายท่าทางสง่างามผู้หนึ่งยืนอยู่บนรุ้งที่พุ่งเข้ามา เป็นชายรูปงามท่าทางภูมิฐาน ถือพัดด้ามจิ้วพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
เขาผงกหัวให้กับจ้าวอสนีบาตและอสูรขนาดมหึมา ตัวเขาเองก็มาจากฉากหลังเช่นเดียวกัน
…
ด้านนอกเมืองชิงซาน
สายตาของต้นหลิวเองก็ถูกกระบี่ฉุนจวินดึงดูดให้จับจ้อง
เมื่อมันเห็นชายภูมิฐานก็พลันเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เป็นเขา! จ้าวแห่งแดนลับอาทึก ข่งอวิ๋น!”
“กระบี่นั่นมีความเป็นมาเช่นใดกันแน่! จึงได้มีคนน่ากลัวจำนวนไม่น้อยมาเพื่อมัน!”
เจ้าก้อนหินที่อยู่ด้านข้างอดเอ่ยออกมาไม่ได้
ไม่ต้องสงสัยเลย กระบี่เล่มนี้จะต้องน่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นคงมิอาจดึงดูดคนน่ากลัวจำนวนมากเช่นนี้มาได้
…
ไม่เพียงแต่อสูรขนาดมหึมา จ้าวอสนีบาต และข่งอวิ๋นเท่านั้นที่มา ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันอีกจำนวนไม่น้อยที่ตรงมายังสถานที่แห่งนี้ด้วย กระบี่ฉุนจวินนั้นพิเศษมากจนพวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องการจะได้รับมา
ชายชราวิปลาสผู้หนึ่งเองก็มาที่นี่ เสื้อผ้าที่สวมซ่อมซ่อขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูไม่ใส่ใจภาพลักษณ์แต่อย่างใด
ในมือของเขาถือน้ำเต้าสุราขนาดใหญ่ เดินโซซัดโซเซประหนึ่งตาเฒ่าขี้เมา ใบหน้าแดงก่ำเป็นที่เรียบร้อย
แม้ท่าทางราวกับชายชราขี้เมา แต่กระทั่งผู้แข็งแกร่งอย่างอสูรขนาดมหึมายังอดยำเกรงในตัวเขาไม่ได้ สีหน้าของมันเริ่มจริงจังขึ้นมา ไม่ได้ผ่อนคลายอีกต่อไป
นี่คือตัวตนอันน่ากลัวในฉากหลัง แม้พวกมันจะอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าก็มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ตัวของตาเฒ่าขี้เมานั้นถูกจัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มผู้แข็งแกร่ง!
“สวัสดีทุกคน มา…มาร่ำสุราด้วยกันเถิด!”
ตาเฒ่าขี้เมาประหนึ่งไม่เห็นมีสิ่งใดต้องจริงจัง ถือขวดสุราตรงเข้าไปทางพวกอสูรขนาดมหึมา ก่อนกรอกเหล้าอึกใหญ่เข้าปากหลายครั้ง จากนั้นก็ยื่นส่งให้กับจ้าวอสนีบาต
จ้าวอสนีบาตรู้สึกแขยง ปากขวดนั้นเปื้อนไปด้วยนำลายของตาเฒ่าขี้เมา เขาไม่ต้องการจะรับมันไปดื่ม
“ขอบคุณผู้อาวุโส ทว่าข้าไม่ดื่มสุรา!”
จ้าวอสนีบาติโบกมือปฏิเสธ
โฮกกก
ตอนนั้นเอง พลันเกิดลมโหมอย่างบ้าคลั่งพัดมาจากบริเวณห่างไกล ทุกหนแห่งที่ผ่านไปล้วนไม่มีใบไม้ใดหลงเหลือ ฟ้าดินเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เพียงพริบตาเดียวสายลมอันบ้าคลั่งก็มาถึงที่แห่งนี้ มีหมอกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนลอยกระจายออกมาด้านใน แสงแปลกประหลาดสว่างวาบ พร้อมกับเสียงหัวเราะน่าสยดสยองที่ดังมาจากด้านใน
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเดินออกมาจากหมอกดำ ร่างกายของมันเต็มไปด้วยปุ่มกระดูก รูปร่างใหญ่โตน่าเกลียด
“มารกระดูก!”
ใบหน้าของพวกอสูรขนาดมหึมาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งมาคือมารกระดูก เป็นมารร้ายอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด โหดเหี้ยมอำมหิตจนทำให้สิ่งมีชีวิตฉากหลังจำนวนไม่น้อยที่เกิดความยำเกรง
“คิดถึงชีวิตเมื่อครั้งอยู่หน้าฉากเสียจริง วันวานที่สามารถกินเลือดได้มากเท่าต้องการ เมื่ออยู่ฉากหลังก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ สามารถกินได้น้อยเกินไป!”
มารกระดูกแลบลิ้นขนาดใหญ่เลียกวาดไปมา ระหว่างหันกลับมามองเหล่าสิ่งมีชีวิตจากจักวาลโกลาหลอื่น ๆ
ฉากหลังนั้นต่างออกไป สิ่งมีชีวิตที่สามารถอาศัยอยู่เบื้องหลังได้ล้วนไม่มีผู้ใดธรรมดาสามัญ หากไม่มีพลังอันแข็งแกร่งก็ต้องมีผู้คอยหนุนหลัง
แม้ว่ามันจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่กล้าลงมือกำเริบเสิบสานในฉากหลังตามใจชอบ สามารถกินเลือดเป็นอาหารได้เพียงจำนวนน้อย
หลังจากมันกลับมายังหน้าฉากแล้ว มันก็ไม่ต้องพะว้าพะวังสิ่งใดแม้แต่น้อย ถึงกับกินสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในสองอาณาจักรไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลที่ตกเป็นเป้าหมายของมารกระดูกต่างหวาดกลัวขึ้นมา รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากความตาย ต้องการจะรีบหนีออกไปจากที่นี่
ทว่าพวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ถูกพลังบางอย่างกักขังเอาไว้อย่างสมบูรณ์
“กินก่อนค่อยว่ากัน!”
ดวงตาของมารกระดูกลุกโชนด้วยไฟสีเขียว มันเปิดปากอันใหญ่โตออก ต้องการจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลทั้งหมด
พวกอสูรขนาดมหึมาที่อยู่ด้านข้างไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
ในสายตาของพวกเขา สิ่งมีชีวิตหน้าฉากไม่มีค่าแต่อย่างใด พวกเขาไม่คิดจะขัดแย้งกับมารกระดูกเพราะสิ่งมีชีวิตหน้าฉากเหล่านี้
อย่างไรเสียมารกระดูกก็ไม่ได้อ่อนแอ จัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มผู้แข็งแกร่ง!
เพื่อสิ่งมีชีวิตหน้าฉากแล้ว มันไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อยที่จะมีเรื่องบาดหมางกับมารกระดูก
“ไม่นะ!”
“ใครก็ได้ช่วยพวกเราด้วย!”
สิ่งมีชีวิตต่างจักรวาลโกลาหลร้องเสียงดังลั่น พวกมันไม่สามารถเคลื่อนไหวอันใดได้ ถูกกังขังเอาไว้อย่างสมบูรณ์
หากไม่มีผู้ใดยื่นมือช่วยเหลือ พวกมันจะต้องถูกมารกระดูกกินเข้าไปแน่!
“ผู้ใดจะช่วยเหลืออาหารอย่างพวกเจ้าได้กัน? น่าขันเสียจริง”
มารกระดูกเยาะเย้ย ด้วยตัวตนของมันแล้ว จะมีผู้ใดกล้ามีปัญหากับมันเพียงเพื่ออาหารตัวจ้อยเหล่านี้กัน?
สถานการณ์กล่าวได้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง