ตอนที่ 867 เงินรับขวัญ
ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น
ไป๋ลู่พูดขึ้นว่า “ฉันไปเปิดประตูให้เองค่ะ!” จากนั้นก็รีบวิ่งไปเปิดประตูลานบ้านอย่างรวดเร็ว
ไป๋เหยียนรีบยกชามซุปไก่ไปที่ห้องครัวเพื่อทำความสะอาด
ส่วนคนอื่น ๆ ลุกขึ้นเพื่อรอต้อนรับแขกคนสำคัญของไป๋เซี่ย
ไป๋ลู่เปิดประตูลานบ้านด้วยรอยยิ้มมีความสุข ก่อนที่ทุกคนจะเห็นไป๋เซี่ยและหญิงงามยืนเงียบสงบอยู่นอกประตู
นอกเหนือจากโต้วโต้ว เถียนเถียน และเสี่ยวมู่ตงที่รู้เพียงการกินและนอนเท่านั้น คนที่เหลือในห้องนี้ล้วนเข้าใจในสถานการณ์ที่เห็นทันที
ไป๋เซี่ยพาแฟนสาวกลับมาบ้าน!
ทุกคนตื่นเต้นดีใจ ก่อนที่ทั้งครอบครัวจะเชิญหญิงสาวเข้ามาในบ้านด้วยความกระตือรือร้น
พ่อไป๋มองมือของไป๋เซี่ยที่หอบหิ้วของมากมายแล้วตีแขนลูกชายอย่างแรง “พาแขกมาที่บ้าน ทำไมถึงต้องลำบากซื้อของขวัญอะไรมามากมายด้วย? เจ้าเด็กโง่คนนี้นี่!”
เมื่อเห็นไป๋เซี่ยถูกทุบตี ดวงตาหญิงสาวพลันฉายแววเศร้าและพูดด้วยความเขินอายว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่หนูมาบ้านคุณลุง จึงอยากซื้อของขวัญติดไม้ติดมือมาบ้าง คุณลุงอย่าตีเซี่ยเซี่ยเลยค่ะ”
พ่อไป๋มีความสุขมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวออกตัวปกป้องไป๋เซี่ย และยังเรียกเขาด้วยชื่อเล่น
ทุกคนกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น ไป๋ลู่รีบไปตักซุปไก่มาสองชามและยกมาให้ทันที
หล่อนวางซุปไก่ที่มีน่องไก่ 2 ข้างไว้ตรงหน้าแฟนสาวของไป๋เซี่ย และวางอีกชามให้กับไป๋เซี่ย
หญิงสาวปฏิเสธด้วยความเขินอาย “ฉันไม่ค่อยหิวค่ะ”
หล่อนเหลือบมองไปที่โต้วโต้วและเถียนเถียนพลางกล่าว “นำซุปไก่ชามนี้ไปให้เด็กสองคนนั้นก็ได้ค่ะ”
โต้วโต้วและเถียนเถียนกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนด้วยกัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โต้วโต้วเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “หนูกินซุปไก่แล้วค่ะคุณน้า”
เถียนเถียนก็พูดด้วยน้ำเสียงไพเราะว่า “หนูก็กินแล้วเหมือนกันค่ะคุณน้า”
พ่อไป๋พูดเสริม “เราทุกคนกินกันหมดแล้ว หนูรีบกินขณะที่ยังร้อนอยู่เถอะ”
แม้ว่าจะเป็นปี 1985 แล้ว แต่ก็ยังมีหลายครอบครัวที่ไม่อาจรับประทานอาหารฟุ่มเฟือยได้ แม้กระทั่งครอบครัวหลินม่ายและครอบครัวของพ่อไป๋ก็ยังไม่ค่อยได้กินเนื้อและปลากันทุกครั้งในช่วงปีใหม่
ที่หญิงสาวบอกว่าไม่หิว มันเป็นแค่การปฏิเสธพอเป็นพิธี
มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหากหล่อนจะขอซุปไก่อีกชาม หล่อนแค่รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง
ไป๋เซี่ยมองหญิงสาวอย่างอ่อนโยน “มาถึงบ้านผมทั้งที ทำไมต้องเกรงใจด้วย?”
ทุกคนช่วยกันบอกกล่าวกับหญิงสาวว่าไม่ต้องเกรงใจ ในที่สุดหล่อนจึงยกชามซุปไก่ขึ้นมากินด้วยความอาย
พ่อไป๋มองดูหล่อนดื่มซุปไก่ด้วยรอยยิ้มและถามถึงสถานการณ์ส่วนตัวของหล่อน
หญิงสาวมีชื่อว่าเฝิงเยว่จู๋ พ่อแม่ของหล่อนเป็นคนงานธรรมดาในโรงงานสิ่งทอ มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายอีกหนึ่งคน ครอบครัวของหล่อนอาศัยอยู่ในบ้านขนาดสองห้องนอน
ท่ามกลางพี่น้องทั้งสามคน มีเพียงเฝิงเยว่จู๋เท่านั้นที่ได้เรียนในวิทยาลัย พี่ชายไม่มีอุปกรณ์การเรียน เขาจึงไม่ได้ไปโรงเรียนหลังจากจบชั้นประถม
น้องชายอ่านหนังสือไม่คล่อง แม้จะได้รับการสอนจากเฝิงเยว่จู๋ เขาก็แทบไม่สามารถผ่านชั้นมัธยมต้นได้เลย
พ่อเฝิงและแม่เฝิงเกษียณก่อนเวลาเพื่อให้ลูกชายสองคนมีงานทำ และมอบงานของตัวเองให้กับลูกทั้งสอง
หลังจากเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมวิชาชีพเป็นเวลาครึ่งปี น้องชายของเธอพบว่ามันลำบากเกินไปและรู้สึกว่าการเป็นคนงานไม่มีเกียรติพอ เขาจึงตัดสินใจลางานโดยไม่ได้รับค่าจ้างและกลับไปโรงเรียนเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมปลาย
เขาไม่ได้สอบเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งนั้นด้วยตัวเอง แต่จ้างคนอื่นมาสอบแทน
อย่างไรก็ตามเฝิงเยว่จู๋จะไม่พูดถึงความยากลำบากของครอบครัว แต่หล่อนจะบรรยายชีวิตของพวกเขาอย่างสวยงาม
หล่อนเล่าว่าน้องชายของเธอลาหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเพื่อไปศึกษาต่อเพราะเขาไม่อยากใช้ชีวิตปกติ
หลังจากที่เฝิงเยว่จู๋อธิบายสถานการณ์ของครอบครัวแล้ว หล่อนก็แอบชำเลืองมองทุกคนในตระกูลไป๋ด้วยความวิตกกังวล
เมื่อเปรียบเทียบกับสถานะทางครอบครัวไป๋และของหล่อน มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
หล่อนกลัวมากว่าตระกูลไป๋จะดูถูกครอบครัวของหล่อน จากนั้นหล่อนกับไป๋เซี่ยอาจจะต้องเลิกรากัน
แต่หล่อนไม่ต้องการเลิกกับไป๋เซี่ยเลย เพราะหล่อนรักเขา
ทั้งพ่อไป๋และพี่น้องไป๋เหยียนไม่ได้แสดงสีหน้าดูถูกแต่อย่างใด
พ่อไป๋ยังคงพูดกับเฝิงเยว่จู๋ด้วยรอยยิ้ม บอกว่าเขาอยากร่วมรับประทานอาหารกับพ่อแม่ของเธอสักครั้ง
แม้เฝิงเยว่จู๋จะยังไม่ได้แต่งงาน แต่หล่อนก็มีอายุ 22 ปีแล้ว
ในปี 1980 หญิงสาวอายุ 20 ถือว่าค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่แล้ว นับประสาอะไรกับเฝิงเยว่จู๋ที่มีอายุ 22 ปี
หล่อนเข้าใจเจตนาในคำพูดของพ่อไป๋ในทันที
พ่อไป๋เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของหล่อนและไป๋เซี่ย เขาต้องการพูดคุยเรื่องการแต่งงานของพวกเขา ดังนั้นจึงอยากเชิญพ่อแม่ของหล่อนไปรับประทานอาหารร่วมกัน
เฝิงเยว่จู๋ดีใจมาก รีบพยักหน้ารับและย้ำว่า หล่อนจะถ่ายทอดคำของพ่อไป๋ให้กับพ่อแม่หล่อนฟัง
ด้วยการสื่อสารที่ประสบความสำเร็จ เฝิงเยว่จู๋เริ่มยับยั้งชั่งใจน้อยลงกว่าเดิม และเริ่มสนทนากับพี่น้องของไป๋เหยียนอย่างอิสระ
หล่อนจ้องมองไปที่หลินม่ายจากทางซ้ายไปทางขวาก่อนพูดขึ้นว่า “คุณดูเหมือนประธานหลินม่ายของร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วมากเลย!”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของเธอ พวกเขาก็หัวเราะออกมา
ตอนที่พ่อไป๋แนะนำพี่สาวทั้งสามให้เฝิงเยว่จู๋ เขาไม่ได้เอ่ยชื่อของพวกเธอ
แค่บอกว่านี่คือพี่สาวคนโต นั่นคือพี่สาวคนรอง และนี่คือน้องสาวคนที่สาม
เขานึกว่าเฝิงเยว่จู๋คบหากับลูกชายมาระยะหนึ่งแล้ว และคิดว่าลูกชายคงบอกหล่อนเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวทั้งหมด เขาจึงคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องแนะนำในเรื่องของรายละเอียดขนาดนั้น
โดยไม่คาดคิด ไป๋เซี่ยกล่าวถึงสถานการณ์ที่บ้านกับเฝิงเยว่จู๋เพียงสั้น ๆ เท่านั้น
เฝิงเยว่จู๋รู้เพียงว่าพ่อไป๋เป็นผู้จัดการสาขาธนาคาร
พี่สาวคนหนึ่งและน้องสาวคนหนึ่งของไป๋เซี่ยแต่งงานแล้ว และครอบครัวของพวกเขาก็สุขสบายดี นอกจากนี้น้องสาวคนที่สามของเขาเพิ่งเข้าศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในปีนี้
นอกเหนือจากนั้นหล่อนไม่รู้อะไรเลย
ดังนั้นเมื่อทุกคนหัวเราะ หล่อนจึงตกตะลึง
จากนั้นไป๋เซี่ยก็บอกกับเฝิงเยว่จู๋ด้วยรอยยิ้มว่า น้องสาวคนที่สามของเขาคือประธานหลินของร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วอย่างที่หล่อนพูด
น้องสาวไม่เพียงเป็นประธานของร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วเท่านั้น แต่ยังเป็นประธานของว่านถงกรุ๊ปด้วย
ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วเป็นเพียงสาขาหนึ่งของว่านถงกรุ๊ปเท่านั้น
เฝิงเยว่จู๋อ้าปากค้างจนกรามแทบตกลงพื้น
ตอนที่หล่อนรู้จากไป๋เซี่ยว่าพ่อไป๋เป็นผู้จัดการสาขาของธนาคาร หล่อนก็คิดว่าครอบครัวของเขาร่ำรวยมากแล้ว
โดยไม่คาดคิด น้องสาวคนที่สามของไป๋เซี่ยจะเป็นถึงประธานว่านถงกรุ๊ป และร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วเป็นแค่สาขาหนึ่งของว่านถงกรุ๊ป
น้องสาวคนที่สามของเขาต้องรวยแค่ไหน!
หัวใจของเฝิงเยว่จู๋เต้นรัวด้วยความตื่นเต้น นี่เธอกำลังจะแต่งงานเข้ามาในครอบครัวที่ร่ำรวยงั้นหรือ?
จู่ ๆ ไป๋เซี่ยก็พาแฟนสาวของเขากลับมาบ้าน แม้จะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครมาก่อนก็ตาม
แต่พ่อไป๋พอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเตรียมเงินรับขวัญ
นอกจากเขาที่ต้องมอบของขวัญให้เฝิงเยว่จู๋อยู่แล้ว ลูกสาวสองคนที่แต่งงานแล้วยังต้องให้เช่นกัน
พ่อไป๋คิดว่าหลินม่ายและไป๋เหยียนคงจะไม่ได้เตรียมสิ่งใดเพราะไม่ได้รู้ล่วงหน้า เขาจึงเตรียมเงินรับขวัญไว้ 3 ซอง
ซองหนึ่งใส่ 500 หยวน อีกสองซองใส่ซองละ 300 หยวน
เงิน 500 หยวนมาจากพ่อไป๋ และ 300 หยวนมาจากลูกสาวที่แต่งงานแล้วทั้งสอง
เขาเป็นผู้สูงอายุและควรให้มากกว่าพวกเธอ
พ่อไป๋เรียกพี่น้องหลินม่ายและไป๋เหยียนไปที่ห้องนอน มอบซองของขวัญที่เขาเตรียมไว้ให้พวกเขา
พี่น้องทั้งสองมีธุรกิจร่ำรวย “พวกเรามีเงินติดตัวอยู่ ดังนั้นพ่อไม่ต้องเตรียมเผื่อพวกเราก็ได้ค่ะ”
ไม่มีใครขอเงินจากพ่อไป๋ พวกเขาขอเพียงซองกระดาษสีแดง ก่อนใส่เงินของแต่ละคนลงไป
ขณะที่กำลังห่อเงิน หลินม่ายถามว่า “ของขวัญพวกนี้คงไม่น้อยเกินไปสำหรับเสี่ยวเฝิงใช่ไหม”
ดวงตาไป๋เหยียนเบิกกว้าง “นี่น้อยไปเหรอ? โดยปกติคนอื่นคงใส่แค่ 50 ถึง 80 หยวน มันหายากมากเลยที่จะมีคนใส่มากเกิน 100 หยวน ไม่ต้องพูดถึงเราที่ให้ตั้งหลายร้อย”
พ่อไป๋พูดเสริม “พี่สาวของลูกพูดถูก ของขวัญพวกนี้มีค่ามากเกินไปด้วยซ้ำ”
หลินม่ายคิดในใจ แม้พวกเขาจะคิดว่ามันมากเกินไป แต่คนอื่นอาจจะไม่คิดแบบนั้น
พ่อและลูกสาวทั้งสองกลับมายังห้องนั่งเล่น ไป๋เซี่ยและเฝิงเยว่จู๋ดื่มซุปไก่เสร็จแล้ว ไป๋ลู่จึงเก็บชามและนำไปล้างในห้องครัว
พ่อไป๋มอบซองแดงที่ใส่เงิน 500 หยวนแก่เฝิงเยว่จู๋ “เซี่ยเซี่ยของเราไม่ได้เรื่องเลย ที่พาหนูมาที่นี่โดยไม่บอกล่วงหน้า ฉันก็ไม่ได้มีการเตรียมการอะไรมาก คิดเสียว่านี่คือของขวัญเล็กน้อยจากเรา”
ธนบัตรจำนวน 500 หยวนทับซ้อนกันภายในจนทำให้ซองแดงนูนขึ้นมา
เฝิงเยว่จู๋ปฏิเสธชั่วขณะ ก่อนจะรับมันด้วยความเขินอาย ขณะที่ในใจมีความสุขมาก
จากนั้นไป๋เหยียนก็มอบของขวัญซองแดงให้กับเฝิงเยว่จู๋ด้วยเช่นกัน
เฝิงเยว่จู๋ไม่รู้ว่าครอบครัวของไป๋เหยียนเปิดร้านเซาปิ่งสองแห่ง และกิจการเป็นไปได้ด้วยดี
ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าครอบครัวของอีกฝ่ายร่ำรวย และคิดเพียงว่าไป๋เหยียนมาจากครอบครัวฐานะดีเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าซองแดงที่ไป๋เหยียนมอบให้ไม่หนาเท่าของพ่อไป๋ แต่ก็ยังหนาอยู่เล็กน้อย เฝิงเยว่จู๋ก็ค่อนข้างพึงพอใจ
หลินม่ายยิ้มและส่งซองแดงของขวัญที่เตรียมไว้ให้แก่เฝิงเยว่จู๋
เฝิงเยว่จู๋ทำท่าปฏิเสธอยู่ครู่ ก่อนจะรับมันมา
หล่อนจงใจบีบซองแดงที่ได้รับ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเห็นว่าซองแดงนี้ไม่หนาเท่าของพ่อไป๋
หล่อนคิดในใจ หลินม่ายรวยมากและมีทรัพย์สินอย่างน้อยหลายล้านหยวน แต่กลับใส่เงินในซองแดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากเฝิงเยว่จู๋รู้ว่าทรัพย์สินของหลินม่ายไม่ใช่แค่หลักล้าน แต่เป็นสิบล้าน เกรงว่าหล่อนคงจะดูถูกหลินม่ายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
เฝิงเยว่จู๋อยากรู้ว่าพ่อไป๋และพี่น้องทั้งสองใส่เงินในซองแดงเท่าใด
แต่หล่อนอายเกินกว่าจะเปิดมันต่อหน้าตระกูลไป๋ ดังนั้นจึงใช้ข้ออ้างในการไปห้องน้ำ ซ่อนตัวอยู่ในนั้นและเปิดซองจดหมายสีแดงทั้งสามที่ได้รับเพื่อตรวจสอบ
ซองหนึ่งมี 500 หยวน และอีกสองซองมีซองละ 300 หยวน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แฟนไป๋เซี่ยคนนี้ต้องรอดูนานๆ ไหมเนี่ย ได้เงินเยอะขนาดนั้นแล้วจะดีแตกไหม
ไหหม่า(海馬)