บทที่ 843 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้าขอลองหน่อย!’
การลงมือเป็นคนแรกย่อมเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจในตนเองอย่างยิ่งยวด สตรีโฉมสะคราญเป็นเช่นนั้น
นางมีรูปร่างสูงโปร่งสะโอดสะอง เส้นผมดกดำพลิ้วไหว ดวงหน้างามสง่าสะคราญเมือง บุคลิกสูงส่งไม่ธรรมดา มิมีมลทินแปดเปื้อน อาภรณ์ขาวสะอาดบริสุทธิ์
“กระบี่ฉุนจวินหรือ…”
เสียงของนางแผ่วเบารื่นหู ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายสุกสกาวขณะเข้ามาอยู่ตรงหน้ายอดเขา เพื่อเก็บกระบี่ฉุนจวิน
นางบำเพ็ญวิถีกระบี่เป็นหลัก ในใจของนาง กระบี่ฉุนจวินคือกระบี่สูงสุด เป็นกระบี่ที่นางใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครอง!
เมื่อครั้งยังอยู่หลังฉาก นางเคยเฝ้าตามหาเบาะแสของกระบี่ฉุนจวินมาอย่างยาวนาน สุดท้ายกลับมิได้อันใดเลย ทว่าวันนี้ นางกลับได้เห็นกระบี่ฉุนจวินกับตาตนเอง นางให้คำสาบานในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยึดกระบี่ฉุนจวินมาไว้ในครอบครองให้ได้!
“วิชาพินิตกระบี่!”
สีหน้าของนางขึงขังขณะลงมือ ภายนอกของนางเปล่งแสงไปทั่วร่าง สองมือประสานอิน เจตจำนงกระบี่น่าพรั่นพรึง หมายจะใช้วิชาพินิตกระบี่เพื่อพิชิตกระบี่ฉุนจวิน
วิชาพินิตกระบี่นี้อานุภาพกล้าแกร่งมาก ด้วยวิชานี้ นางสามารถพินิตกระบี่ได้ทั่วใต้หล้า!
หลี่จิ่วเต้ามิได้ลงมือ เขาดูออกแต่แรกแล้วว่ากระบี่ฉุนจวินนั้นใช่ว่าพิชิตได้ง่าย ๆ มิฉะนั้น สิ่งมีชีวิตอย่างพวกมารกระดูกก็คงไม่สงวนท่าทีมิมีเคลื่อนไหว
เขาจึงอยากเฝ้าดูไปก่อน
วิชาพินิตกระบี่สำแดงออกมา ฤทธิ์เดชน่าทึ่งอย่างแท้จริง แสงกระบี่ที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่รอบ ๆ กระบี่ฉุนจวินถูกว่านเซวียน สตรีโฉมสะคราญผู้นี้ควบคุมไว้ได้หมด
เดิมทีแสงกระบี่นั้นโลดแล่นรุนแรง ทว่าหลังควบคุมได้แล้ว กลับหยุดการโลดแล่นลงทั้งหมด และกระบี่ฉุนจวินก็มีทีท่าแปลกไป มันยื่นออกจากยอดเขาที่ปักอยู่มากขึ้น!
สุดยอดจริง ๆ!
สีหน้าของพวกมารกระดูกเปลี่ยนไปกันหมด ว่านเซวียนผู้นี้เก่งกาจน่าทึ่งจริง ๆ นางอาจทำสำเร็จก็ได้ อย่างน้อยก็เชื่อมต่อกับกระบี่ฉุนจวินได้แล้ว!
ม่านตาพวกเขาหรี่ลง สิ่งมีชีวิตไม่น้อยกำอาวุธสังหารในมือ พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้ว่านเซวียนนำกระบี่ฉุนจวินไปจริง ๆ ย่อมต้องหยุดยั้งนางไว้ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
ฟึ่บ!
ทว่าเวลานั้นเอง บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น แสงกระบี่ที่เคยถูกควบคุมสลัดออกจากการบงการได้ฉับพลัน ทั้งยังฟาดฟันใส่ว่านเซวียน!
สีหน้าว่านเซวียนเปลี่ยนไป มิกล้าหยุดยั้งแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ นางรีบเอี๊ยวตัวไปจากที่นั่น แสงกระบี่นี้น่ากลัวเกินไป นางรู้สึกว่าหากถูกฟันละก็อาจโดนสังหารไปจริง ๆ!
เสียงดังพรวด โลหิตสีแดงฉานหลั่งริน แม้ว่าว่านเซวียนหลบหลีกก็ยังไม่ไหว ถูกแสงของกระบี่ถากเอาจนร่างกายกลายเป็นหมอกเลือดไปครึ่งท่อน
กระบี่ฉุนจวินที่ยื่นออกมานิดหน่อยปักลึกกลับไปในยอดเขาอีกครั้ง
ว่านเซวียนยังไม่หายกลัว หลังกายเนื้องอกเงยขึ้นใหม่ก็รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว ดวงตาจ้องมองกระบี่ฉุนจวิน มิได้มีความเคลื่อนไหวใดอีก
จะให้พิชิตอย่างไรไหว มองไม่เห็นความหวังสักนิด ว่านเซวียนช้ำใจเหลือแสน สมแล้วที่กระบี่ฉุนจวินคือกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ต่อให้ได้พบก็ทำอันใดมิได้อยู่ดี!
คิ้วของหลี่จิ่วเต้ากระตุกเบา ๆ กระบี่เล่มนี้ได้มาไม่ง่ายเลยจริง ๆ!
เขาจะครอบครองได้หรือไม่นั้น ในใจยังต้องประเมินอยู่เหมือนกัน ดูว่าของวิเศษในมือพอจะกำราบแสงกระบี่แล้วนำกระบี่ฉุนจวินกลับไปด้วยได้หรือไม่
“น้องหญิงเซวียนไม่ไหวเลย บำเพ็ญวิถีกระบี่เป็นหลักแล้วยังอเนจอนาถเช่นนี้!”
ร่างอันเย้ายวนของเซียนปีศาจเก้าหางส่ายไปมา ขณะเอ่ยด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
ว่านเซวียนมิได้สนใจเซียนปีศาจเก้าหาง เมื่อคราวพวกนางยังอยู่ที่หลังฉากก็มิสู้จะถูกกันเท่าใด เคยปะทะกันหลายครั้งหลายครา ทว่าต่างคนต่างทำอันใดอีกฝ่ายมิได้
หลี่จิ่วเต้าหันมองเซียนปีศาจเก้าหาง ช่างงดงามและวาบหวามจริง ๆ ผิวขาวดุจหิมะนั่นดูนุ่มลื่นเป็นที่สุด สายตาเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน เรียกได้ว่าเป็นรูปโฉมที่เลิศล้ำหายาก
เขาก้มมองจิ้งจอกสีแดงเพลิงในอ้อมอก นึกไปว่าหลังจิ้งจอกน้อยกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว จะงดงามวาบหวามเช่นนี้ด้วยหรือไม่
‘พอใช้ได้แล้วกระมัง กลับไปแล้วให้ลั่วสุ่ยดูทีว่าพอจะนำพาจิ้งจอกน้อยก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้หรือไม่’
เขาคิดในใจ ‘รวมถึงจิ้งจอกขาวด้วย พากันก้าวสู่เส้นทางฝึกตนด้วยกันเลย จริงสิ มัจฉาสัตมายาตัวที่ลั่วสุ่ยโปรดปรานก็ดูมีพลังวิญญาณไม่น้อย หากเป็นไปได้ ให้ลั่วสุ่ยพาไปยังเส้นทางฝึกตนด้วยกันเลยแล้วกัน’
ลั่วสุ่ยคือปีศาจฝึกตน ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนไปนานแล้ว หากว่าจิ้งจอกน้อย จิ้งจอกขาว และมัจฉาสัตมายาเหมาะแก่การฝึกฝน ลั่วสุ่ยย่อมพาพวกมันก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้
“น้องหญิงเซวียนอย่าได้เย็นชานักเลย ขืนเย็นชาอยู่เช่นนี้ วันหน้าจะหาคู่บำเพ็ญเพียรได้อย่างไรกัน!”
เซียนปีศาจเก้าหางเอ่ยยิ้ม ๆ “มีเพียงพี่หญิงผู้นี้ที่ห่วงใยเจ้า ช่วงนี้ข้าช่วยตามหาสามีที่เหมาะสมกับเจ้าอยู่ตลอด ผู้ที่สามารถอยู่เคียงข้างน้องหญิงเซวียนไปตลอดชีวิต”
ปราณกระบี่ซัดสาดออกจากตัวว่านเซวียน นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองเซียนปีศาจเก้าหางราวกับคมมีดสองเล่ม
นางไฉนเลยต้องให้เซียนปีศาจเก้าหางช่วยนางหาคู่บำเพ็ญเพียร
อีกอย่าง คู่บำเพ็ญเพียรที่เซียนปีศาจเก้าหางหามาใช้ได้ที่ไหน บุรุษที่เข้าตาเซียนปีศาจเก้าหาง ย่อมถูกเซียนปีศาจเก้าหางกินเรียบไปแล้ว!
โครม!
โลงโลหิตสั่นไหว มันและมารกระดูกผนึกกำลัง ลงมือพิชิต มารกระดูกแหงนหน้าคำรามสู่ฟ้า กระดูกทั่วร่างส่องแสงวาววาม ความเป็นโลหิตไหลเวียนออกมา เห็นได้ชัดว่าร่างกระดูกของมันแข็งแกร่งขึ้น!
ข้างกายของมัน บนโลงโลหิตมีประกายเลือดสาดส่องรุนแรง อักขระโบราณน่าสะพรึงถักทอประสาน พลังนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึง บุกออกไปข้างหน้าพร้อมมารกระดูก!
แสงกระบี่ที่แวววาวอยู่รอบ ๆ กระบี่ฉุนจวินโจมตีกลับทันควัน กล้าแกร่งไร้เทียมทาน ร่างกระดูกของมารกระดูกนั้นแข็งทนทานปานใด ทว่าเมื่อเผชิญกับแสงกระบี่ก็แหลกลาญง่าย ๆ ประหนึ่งเต้าหู้!
มารกระดูกตกตะลึง โชคดีที่ถอยกลับมาได้ทัน มิฉะนั้น มันได้จบชีวิตลงแน่ ไม่มีทางรอดกลับมาได้!
โลงโลหิตเห็นทีจะดุดันกว่า มันระงับการโจมของแสงกระบี่ไว้ได้ แต่หลังจากนั้นก็สู้ไม่ไหว ยามแสงกระบี่โจมตีเข้ามาอีกครั้ง โลงโลหิตพลันแหลกออกในบัดดล!
สิ่งมีชีวิตภายในโลงหวาดผวาจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รีบร้อนถอยหนี สิ่งมีชีวิตบางตนอาศัยช่วงที่โลงโลหิตขาดออกจากกัน จ้องมองสิ่งที่อยู่ภายในโลงโลหิต
“เด็กอ้วน…ผู้หนึ่งหรือนี่?!”
สิ่งชีวิตมากมายหน้าตาตกตะลึง คิดไม่ถึงเลย
โลงโลหิตแสนลึกลับจากโลกหลังฉากทั้งอำมหิตโหดเหี้ยม มิมีผู้ใดรู้ว่าในโลงโลหิตมีสิ่งใดอยู่ สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏ ภายในนั้นกลับเป็นเด็กอ้วนตัวขาวนวลเนียน!
เรื่องนี้ออกจะเกินคาด ผิดจากที่คิดไว้มาก!
ตู้ม!
โลงโลหิตแหลกออก หมอกดำพุ่งออกมาซ่อมแซมโลงโลหิตให้กลับมาดีดังเดิมได้อย่างรวดเร็ว มิมีสิ่งมีชีวิตตนใดมองเห็นภาพในโลงโลหิตได้อีก
“ยากจริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตพึมพำเสียงเบา นี่คือหรือความน่ากลัวของกระบี่ฉุนจวิน มันเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว!
ตึง! ตึง! ตึง!
เวลานั้นตาเฒ่าขี้เมาเหินเข้ามาเคาะโลงโลหิต “เจ้าเป็นเด็กอ้วนจริงหรือ หย่านมหรือยัง เมื่อครั้งยังอยู่ที่โลกหลังฉาก ข้าเคยได้ยินว่ามีอสูรเพศเมียมากมายครวญครางด้วยความทุกข์ระทมกลางดึก ใช่เจ้าหรือไม่ที่เข้าไปขโมยนมอสูรของอสูรเพศเมียไปกิน”
สิ่งมีชีวิตในโลงโลหิตโมโหมาก มันไฉนเลยจะทำเรื่องเช่นนั้น!
ที่อสูรเพศเมียครวญครางด้วยความเจ็บปวดในเวลากลางคืนหาได้เกี่ยวข้องกับมันไม่!
มันแค่อยู่ในสถานการณ์พิเศษชั่วคราวเท่านั้น!
“เหอะ!”
มันแค่นเสียงเย็น มิได้ทำอันใดกับตาเฒ่าขี้เมา คุมโลงโลหิตไปจากที่นี่
เมื่อครู่มันได้รับบาดเจ็บ ไม่สะดวกต่อสู้กับตาเฒ่าขี้เมา มิฉะนั้น มันย่อมไม่ยอมจบเรื่องง่าย ๆ ต้องสู้กับตาเฒ่าขี้เมา ไม่ตายไม่เลิกรา ไม่มีทางยอมให้ตาเฒ่าขี้เมาทำลายชื่อเสียงของมันเช่นนี้!
ยอดฝีมือจากโลกหลังฉากต่างมีจิตใจหนักอึ้ง กระบี่ฉุนจวินน่ากลัวเหลือเกิน ไม่แปลกที่มีตำนานเล่าขานว่า ผู้ใดครอบครองกระบี่ฉุนจวินผู้นั้นไร้เทียมทาน
ว่านเซวียน มารกระดูก โลงโลหิตต่างหมดท่า พวกเขาได้แต่จ้องมองกระบี่ฉุนจวินพลางถอยหายใจ ไม่มีวิธีได้กระบี่ฉุนจวินมาไว้ในครอบครองเลยหรือ?
“พวกเราลองร่วมมือกันดูเถิด!”
จ้าวอสนีบาตเสนอ คิดจะผนึกกำลังกำราบกระบี่ฉุนจวินให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยตัดสินใจในภายหลัง
“ได้”
“หากไม่ยอมร่วมมือกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจได้กระบี่ฉุนจวินมาครอบครอง”
ยอดฝีมือจากโลกหลังฉากพากันตอบตกลง ตัดสินใจยอมร่วมมือ
เห็นได้ชัดว่าลุยเดี่ยวไม่ไหว มีแต่ต้องผนึกกำลังเท่านั้นจึงจะเห็นความหวังบ้าง
‘ลงมือดีหรือไม่’
หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิดในใจ เขาชักอยากลงมือแล้ว
หากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ผนึกกำลังโจมตี เป็นไปได้ว่ากระบี่ฉุนจวินอาจถูกกำราบลงจริง ๆ ทว่าสุดท้าย เขาก็ตัดสินใจรอต่ออีกหน่อย
‘เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีแผนในใจกันทั้งสิ้น ทุกคนล้วนปรารถนากระบี่ฉุนจวิน มิสู้รอรั้งท้าย ใช้อุบายตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง’
เขาอดทนขณะคิดในใจ
ต่อมา สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉากผนึกกำลังลงมือ บุกไปหากระบี่ฉุนจวินพร้อมกัน
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แสงกระบี่นับไม่ถ้วนทิ่มแทงออกจากกระบี่ฉุนจวิน ถล่มใส่สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉาก
สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉากผนึกกำลัง พลานุภาพนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึง พวกเขาต้านทานการถล่มจากแสงกระบี่ได้ เข้าใกล้กระบี่ฉุนจวินขึ้นอีกหนึ่งก้าว
ทว่าหลังกระบี่ฉุนจวินเปล่งแสงออกมาอีกครั้ง พวกเขาก็สู้ไม่ไหวอีกต่อไป ต้านมิได้อย่างสิ้นเชิง แต่ละคนพากันล่าถอยอย่างรวดเร็วให้ไกลห่างจากที่นี่!
แสงกระบี่เหล่านั้นสยดสยองกว่าเก่ามากนัก หากพวกเขาช้ากว่านี้อีกเพียงก้าวเดียวก็อาจจบชีวิตลงที่นั่น!
“ทั้งที่กระบี่ฉุนจวินอยู่ตรงหน้าแต่กลับมิอาจได้มา น่าเจ็บใจยิ่งนัก!”
“อ๊ากกก!”
สิ่งมีชีวิตจากโลกหลังฉากพากันคำรามเสียงต่ำ แต่ละคนล้วนโมโหโทโส
ทว่าต่อให้เจ็บใจเพียงใดพวกเขาก็ไร้ซึ่งหนทาง ผนึกกำลังแล้วก็ยังไม่ไหว ให้ทำอย่างไรได้อีกเล่า
น้ำเต้าของตาเฒ่าขี้เมาแตกไปแล้ว มีสุราหยดลงมาไม่หยุด ตาเฒ่าขี้เมาผู้ปวดใจรีบใช้ปากรับเหล้า มิให้หกรดพื้น
“ต้องลองดูแล้ว…”
หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกาย ตัดสินใจลองลงมือดู
เขาเรียกใบหญ้าและต้นวิเศษสัตตะออกมา ขึ้นขี่บนหลังกิเลนไฟ บินไปยังยอดเขาเพื่อพิชิตกระบี่ฉุนจวิน
“นั่นกระไร? เป็นเพียงอาหารริอ่านพิชิตกระบี่ฉุนจวินหรือ”
หลังมารกระดูกเห็นหลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟบินขึ้นจากพื้นก็มีสายตาดูแคลน อาหารเหล่านี้ช่างไม่รู้จักประเมินตนเอาเสียเลย!
พวกเขายังมิไหว สิ่งมีชีวิตหน้าฉากไฉนเลยจะทำสำเร็จ?
หยุดล้อเล่นเสียที!
“อยากตายก็มิเห็นต้องทำเช่นนี้!”
“น่าขันจริง!”
สายตาที่บรรดายอดฝีมือหลังฉากทอดมองหลี่จิ่วเต้าต่างเปี่ยมไปด้วยความดูถูกเย้ยหยัน
สิ่งมีชีวิตหน้าฉากนี่ยอมทิ้งชีวิตเพื่อของวิเศษอย่างนั้นหรือ ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวว่าตนมีน้ำยาแค่ไหน ตลกสิ้นดี!
‘โง่เขลานัก!’
ลั่วสุ่ยหัวเราะเย็น ๆ ในใจ สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านี้บังอาจหมิ่นประมาทคุณชายปานนี้ ทัศนวิสัยคับแคบจนน่าสงสาร
คุณชายลงมือ มีสิ่งใดกำราบมิได้บ้าง
แม้นางไม่รู้ว่ากระบี่ฉุนจวินเล่มนี้มีภูมิหลังอย่างไร แต่นางเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าคุณชายสามารถกำราบกระบี่ฉุนจวินได้ง่ายดาย!
ตึง! ตึง! ตึง!
เวลานั้น จู่ ๆ กระบี่ฉุนจวินก็สั่นสะเทือนรุนแรง แสงกระบี่สาดส่องออกมาเป็นวงกว้างจนแทบเต็มนภา ภาพการณ์นั้นน่ากลัวกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่า!
“ฮ่า ๆ อาหารชิ้นนี้โชคร้ายยิ่งนัก คิดแล้วคงเพราะที่พวกเราลงมือกันก่อนหน้านี้ไปยั่วโมโหกระบี่ฉุนจวินเข้า นี่ประไร กระบี่ฉุนจวินระเบิดพลังที่แกร่งกล้ายิ่งขึ้นออกมา!”
มารกระดูกส่งเสียงหัวเราะเยาะ “คราวนี้ เขาจะไม่เหลือแม้แต่ศพ ต้องสลายกลายเป็นจุณอย่างสมบูรณ์!”
พลังสยดสยองถึงเพียงนี้ แม้แต่พวกเขาเองหากเข้าไปก็ต้องถูกสังหารในเสี้ยวลมหายใจ สิ่งมีชีวิตหน้าฉากอย่างหลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะยับยั้งได้ไหว
เป็นไปไม่ได้เลย!