บทที่ 2
ผมเห็นพวกเพื่อนแยงกี้ของน้องสาวของผมกลับบ้านกันไปก่อนจากนั้นไม่นานมานะที่เดินเข้าบ้านมาทีหลังก็เดินผ่านผมไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ติดกับห้องอาบน้ำ
“หนูจะอาบน้ำก่อนนะ”
“เอ๋? แต่พี่อยากเข้าก่อนอ่ะ…….พี่พึ่งจะกลับมาจากทำงานนี่เองนะ”
แม้ว่ามันจะเป็นสถานประกอบการที่ปลอดบุหรี่แต่การทำงานพาร์ทไทม์ที่อิซากายะก็อาจทำให้มีกลิ่นตัวแรงได้ ค่าจ้างรายชั่วโมงนั้นมันก็ดีอยู่แหละและช่วยให้ผมสามารถหาเงินจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้นแต่พูดตามตรงผมไม่ชอบทำงานที่อิซากายะเอาซะเลย
ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นแอลกอฮอล์เลยจริงๆ ผมไม่ชอบดื่มหรือบางทีตัวผมอาจไม่เข้ากับมัน
อย่างไรก็ตามอย่างแรกที่ผมอยากจะทำเมื่อกลับมาจากที่ทำงานนั่นคือการอาบน้ำ
แต่มานะไม่ใช่น้องสาวประเภทที่จะพูดว่า“พาร์ทไทม์วันนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะคะ! จะอาบน้ำก่อนเลยก็ได้นะ”
………ถ้าเป็นมานะในสมัย.ต้นเธอก็อาจจะพูดอะไรแบบนั้นอยู่ล่ะนะ
แล้วพอผมท้วงไปมานะก็แสดงท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
“หา? ไม่มีทางอ่ะ หนูน่ะไม่อยากลงไปในอ่างเดียวกับที่พี่แช่หรอกนะ”
“ว้าว—วัยต่อต้านล่ะ”
ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงโมโนโทน
จากนั้นมานะก็หัวเราะเยาะเย้ยผม
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หนูจะให้ใช้น้ำที่เหลือจากการอาบของหนูก็ได้ เพราะงั้นจะรู้สึกดีก็ไม่ว่าหรอกนะ”
แล้วนี่ถ้าผมเข้าไปอาบแล้วรู้สึกดีจริงๆ ผมจะไม่กลายเป็นพี่ชายที่โคตรแย่เลยรึไงนั่น?
ผมเกือบจะเถียงกลับแล้วแต่ก็ได้ห้ามตัวเองไว้
ขืนผมพูดแบบนั้นออกไปหวังโดนเธอเตะแน่ๆ
ช่างมันละกันมานะก็แค่อยากจะอาบน้ำก่อน ยังไงเธอเองก็แค่อยากเห็นผมทำหน้าหงุดหงิดเฉยๆนั่นแหละ
แม้ว่าเธอจะเป็นน้องสาวแท้ๆของผม แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ผมจะสามารถโต้เถียงอย่างจริงจังได้
พอผมเห็นมานะปิดประตูห้องน้ำผมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
มานะเป็นคนอาบนํ้านานและน้ำที่เหลือในอ่างก็มักจะเหลือน้อยผิดปกติเพราะงั้นแหละ การอาบน้ำก่อนมันจะเป็นการดีกว่า สําหรับผม
ยังไงซะต่อให้ยกเหตุผลร้อยแปด มาแค่ไหนก็ไม่มีทางที่มานะจะ ยอมฟังผมอยู่แล้ว
วัยรุ่นนี่ล่ะนะ
ช่วยไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะไปรออยู่ในห้องจนกว่า มานะจะอาบเสร็จ
แล้วเมื่อผมเปิดประตูเข้าห้องไปเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ชั่วโมง
ด้วยเหตุผลบางอย่างไฟที่ควรจะถูกปิดอยู่นั้น กลับเปิดอยู่และผมก็ถึงกับยืนหยุดนิ่งอยู่กับที่
สายตาของผมจับผู้บุกรุกได้ในทันที
แยงกี้ผมบลอนด์ที่สวมเครื่องแบบเดียวกันกับมานะ
ผมที่ยาวถึงด้านหลังของเธอถูกฟอกเป็น สีขาวมากจนเกินไปและดูเหมือนว่ามัน จะเรืองแสงเป็นสีขาวอยู่ตรงช่วงปลายผม
แม้จากระยะนี้ก็มองเห็นขนตาเรียวยาวของเธอได้อย่างชัดเจน
ลักษณะใบหน้าของเธอนั้นชัดเจน
ผมมั่นใจเลยว่าไม่ว่าใครหน้าไหนที่ได้เห็นเธอก็จะตัดสินเธอทันทีว่าเธอเป็นสาวสวย
แม้แต่ผมเองยังคิดเลยว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่สวย
แต่ถึงเธอจะสวย…………..แต่มันก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะนิ่งอยู่เฉยๆได้
เด็กผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าของผมเธอชันเข่าถ่างขาแล้วอ่านมังงะพร้อมเอามือมาค้ำที่แก้มของเธอ
เพราะท่าของเธอทำให้ผมสามารถมองเข้าไปข้างในกระโปรงของเธอได้เลยถ้าผมอยากจะมอง
แล้วสวิตซ์ “พี่ชายที่แสนดี” ของผมก็ได้ถูกเปิดขึ้นทันที
“นี่! หุบขาหน่อยสิ”
“ฮะ?”
บางทีเธออาจจะกำลังจดจ่ออยู่กับมังงะของเธอจนไม่ทันสังเกตุว่าผมกลับมาแล้ว
พอเธอได้ยินเสียงดุของผมแล้วยัยสาวสวย………ฮาตะ เอริกะจังก็สะดุ้งด้วยความตกใจ
“อ๊า โธ่! ตกใจหมดเลย! มีอะไรล่ะคะ คุณพี่ชายของมานะ?”
“เฮ้ย! ก่อนอื่นเลยก็ช่วยหุบขาก่อนเซ่!”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็มองเห็นข้างในหมดแล้วเนี่ย!”
“ก็ถ้าไม่มองซะอย่าง ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่”
“กะ ก็ต่อให้ไม่พยายามจะมองมันก็ยังเห็นอยู่ดีนะเฟ้ย!”
ก็ถ้ามันมีช่องให้ดูเป็นคุณคุณก็อยากจะดูใช่มั้ยล่ะ
ถ้าอะไรสักอย่างที่ปกติมันจะซ่อนอยู่ถูกทำให้มองเห็นได้
ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นนี่ก็แทบจะทำตามโดยสัญชาติญาณเลยล่ะ
มันไม่ใช่อะไรที่คุณจะขจัดมันออกจากหัวอย่างสมบูรณ์ได้เพียงแค่ตั้งใจที่จะไม่มองเพียงแค่นั้นหรอกนะ
เมื่อผมมองดูเธออย่างดุๆ เอริกะจังก็ยอมหุบขาเธอเข้าไปราวกับว่าเธอชักจะรําคาญแล้ว
ผมก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องทัศนคติของเธอ ซึ่งมันเหมือนกับเธอกำลังจะพูดออกมาว่า
“อย่าจุกจิกกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเลยน่า”
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้หญิงเค้าจะถูกตักเตือนตอนอยู่บ้านงั้นเหรอ?
อย่างน้อยยัยมานะนั้นแม้ว่าพฤติกรรมของเธอจะแย่ลงแค่ไหน แต่เธอก็ยังใส่ใจกับเรื่องกระโปรงของตัวเองอยู่
มีหลายเรื่องเลยที่ผมอยากจะพูดออกไปแต่ผมก็อดกลั้นไว้แล้วก็เอ่ยปากถามเอริกะจังว่า
“ที่สําคัญกว่านั้น ไหงเอริกะจังถึงได้เข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ล่ะ?”
จากนั้นเอริกะจังก็ตอบขณะที่พลิกหน้ากระดาษมังงะที่เธอกำลังอ่านอยู่ไปด้วย
“พอหนูเริ่มอ่านแล้วมันดันติดลม ใกล้จะจบแล้วล่ะรออีกเดี๋ยวนะ”
“แต่อีก 2 คนเขากลับไปกันแล้วนะ”
“อ่า อาริสะกับรูนะพวกเธอต้องกลับก่อนที่จะข้ามวันน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอเองจะไม่เป็นไรงั้นเหรอเอริกะจัง? เธอไม่มีอะไรอย่างเคอร์ฟิวกับเขาบ้างเหรอ?”
“ก็ไม่นะ หนูจะกลับตอนไหนหรือจะไม่กลับมันก็ไม่สําคัญหรอก”
ถึงตัวเธอเองจะคิดว่าไม่เป็นไรก็เถอะ แต่พ่อแม่ของเธอจะไม่เป็นห่วงเธอรีไง…..?
ผมคิดอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
มันก็เป็นไปได้ว่าเธอมีสถานการณ์ทางบ้านที่ค่อนข้างซับซ้อนตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นแยงกี้
อันที่จริงเห็นว่าทางบ้านของรูนะจังเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วผมก็ได้ยินจากปากเจ้าตัวเองว่างานของแม่ของเธอคืองานให้บริการแก่พวกผู้ชาย
ถ้าเกิดว่าผมจะต้องคุยกับเพื่อนๆของมานะตามสามัญสำนึกของครอบครัวตัวเอง
มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผมจะเผลอไปทําร้ายพวกเธอเข้า
ผมก็เลยค่อนข้างที่จะระมัดระวังเรื่องวิธีปฏิบัติตัวต่อเพื่อนของน้องสาว
เอริกะจังอ่านมังงะต่อไปราวๆ 30 นาที ส่วนผมก็อยู่ตรงโต๊ะเรียนของตัวเองใช้แล็ปท็อปทํางานที่ได้รับมอบหมายมาจากมหาวิทยาลัย
จากนั้นจู่ๆเอริกะจังก็เริ่มพูดคุยกับผม
“นี่ คุณพี่ชายน่ะมีมังงะอะไรที่มันน่าตื่นเต้นกว่านี้บ้างมั้ย?”
เมื่อผมมองไปหาเอริกะจังและเห็นเธอวางมังงะไว้ตรงหน้าชั้นหนังสือ
นี่เธออ่านจบแล้วเหรอ? แล้วทําไมถึงไม่เอากลับไปวางคืนบนชั้นหนังสือล่ะ?
“ฉันจะปล่อยผ่านความจริงที่ว่าเธอ ปุบปับเข้ามาในห้องและอ่านมังงะของฉันโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติก็แล้วกันนะ แต่อย่างน้อยเธอก็ช่วยเอามังงะกลับไปเก็บที่ๆเธอเอามันมาจะได้มั้ย?”
“หา? คุณพี่ชายกำลังพยายามเปลี่ยนเรื่องอยู่งั้นเหรอ? มันน่าจะอยู่ตรงไหนสักที่นี่แหละ? อะไรที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยรสนิยมของคุณพี่ชายน่ะ”
“ฉันไม่ได้กำลังพยายามจะเปลี่ยนเรื่องซักหน่อย! แล้วฉันก็ไม่มีมังงะพรรค์นั้นด้วย! แล้วถึงจะมีฉันก็จะไม่เอาให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ดูหรอกนะ!”
“จนมุมแล้วสินะ!! ออกอาการแบบนี้ นั่นก็หมายความว่ามันต้องอยู่ตรงไหน สักที่ในห้องนี้แน่ๆเลยสินะคะ?”
เอริกะจังสํารวจห้องขณะที่ยิ้มกรุ้มกริ่มไปด้วย
ถ้าเธอแค่ยืนเฉยๆแล้วยิ้มออกมาเธอจะดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่น่ารักและสวยมากคนนึงเลยล่ะ
แต่เอริกะจังไม่ใช่คนประเภทที่จะทำตัวเรียบร้อยและสมวัยอย่างนั้นเลย
เอริกะจังเริ่มก้มแล้วควานหาที่ใต้เตียงของผม
“อยู่ไหนกันน้า~? อยู่ไหน กัน น้า~?”
แล้วสัญญาณไฟแดงในสมองของผมก็ได้ดับวูบลง
และปัญหาเรื่องกระโปรงก็เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะเธอก้มลงโดยหันก้มของเธอ เข้าหาผมและผมก็เกือบจะได้เห็นข้างใต้กระโปรงของเธออีกแล้ว
ปวดหัวชะมัดเลย……
ผมเพ่งไปที่คอมพิวเตอร์โดยที่พยายามที่จะไม่มองเอริกะจังที่ตอนนี้กำลังสนุกสนานยกใหญ่อยู่
“มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกนะหาไปก็เปล่าประโยชน์”
“เอ๋~? งั้นเหรอคะ? แต่พี่ชายของอาริสะเองก็เก็บมันไว้ใต้เตียงนี่นา”
แล้วนี่เธอไปทําอะไรไว้ที่บ้านคนอื่นกันล่ะเนี่ย?
ผมประสานมือแล้วสวดส่งให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายนั้นเขาเองก็คงจะมีช่วงเวลาที่เลวร้ายที่โอเอซิสที่เยียวยาจิตใจของเขาถูกเปิดโปงโดยแม่สาวแยงกี้รายนี้
เพื่อไม่ให้การเสียสละอันแสนมีค่าของเขาต้องสูญเปล่า
ผมก็เลยตัดสินใจที่จะดักเธอไว้ก่อน
“ก็นะ ถ้าจะให้พูดเลยคือฉันมันไม่ใช่พวกที่ชอบกระดาษน่ะ”
“อะไรกัน! คุณพี่ชายเป็นสาย E-Book งั้นหรอกเหรอ!?”
“ตามนั้น เพราะงั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เอริกะจังจะได้เห็นเพราะมันมีการป้องกันด้วยรหัสผ่านอย่างแน่นหนาไว้แฮ็คเป็นเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมา ใหม่นะ”
“ฮึ………ไม่มีทางทีเด็กม.ปลายที่เป็นแยงกี้อย่างหนูจะบรรลุทักษะขั้นสูงอย่างนั้นได้หรอกค่ะ!!”
เอริกะจังทำหน้าราวกับว่าหงุดหงิด เธอก็ยังคงเป็นสาวสวยอยู่ดีถึงจะหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ตาม
แล้วผมก็คงไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดว่านี่แหละคือสวยเสียของของแท้เลย
อีกอย่างผมก็ดึงความสนใจเธอให้หันไป สนใจที่ตัวอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์แทนได้แล้ว
แต่ว่าผมน่ะไม่มีของอะไรที่มันน่าสงสัยในคอมพิวเตอร์หรือในแท็บเล็ตของผมหรอกนะ
หนังสือเล่มโปรดของผมน่ะได้ทำการสลับหน้าปกให้ดูเป็นหนังสืออีกเล่มและมันก็ถูกซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้าท่ามกลางกองหนังสือเรียนของมหาลัยทีดูยากๆอยู่
ที่พูดไปก่อนหน้านี้คือโกหกให้เธอล้มเลิกที่จะตามหามันเฉยๆ
และก็เป็นไปอย่างที่หวังไว้เอริกะจังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เธอคงจะคิดได้แล้วว่าลำพังตัวเองคงไม่สามารถจะทำอะไรได้และก็ยอมแพ้ไป
เป็นตัดสินใจที่เยี่ยมมาก ขอบคุณครับ
“ชิ น่าเบื่อชะมัดเลย~ เอาเถอะหนูว่าหนูไปดีกว่า”
จะไปแล้วงั้นเหรอ………ผมแอบกังวลนิดนะ ว่าเธอจะไม่กลับมาแฮ็คคอมผมจริงๆ ใช่มั้ยนะ
“คุณพี่ชายแล้วเจอกันนะ”
ขณะที่โบกมือลาอย่างส่งๆ เอริกะจังก็เดินออก จากห้องของผมไป
“อ่า ดูแลตัวเองด้วย “
ผมบอกเธอเหมือนกับที่บอกกับรูนะจังและอาริสะจัง
ในที่สุดก็ได้อยู่คนเดียวสักที
เธอเป็นเพื่อนของน้องสาวผมก็เลยช่วยไม่ได้ที่จะยุ่งวุ่นวายกับเธอสักหน่อย
รู้สึกเหมือนกับว่าในที่สุดก็ได้กลับมาที่ห้องของตัวเองจริงๆสักที
ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ภายในห้องก็เงียบลงแล้ว ผมได้ยินเสียงมานะกับเอริกะคุยกันตรงโถงทางเดิน
“อ๊ะ เอริกะจะไปแล้วเหรอ?”
“อื้อ มานะไว้เจอกันนะ!”
“เจอกันพรุ่งนี้~!”
เสียงของมานะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเวลาเธอคุยกับเอริกะ
มานะมีเพื่อนชาวแยงกี้อยู่หลายคนและที่สนิทที่สุดอย่างรูนะจังและอาริสะจังที่ชอบพากันออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันอยู่ตลอด
แต่เอริกะจังน่ะเป็นคนที่พิเศษต่างออกไป
เพราะเอริกะจังน่ะเป็นคนที่ช่วยเหลือ มานะด้วยการช่วยให้มานะปรับตัวได้ในตอนที่เธอจะออกจากโรงเรียนกลางคัน
——หนูมีเพื่อนแล้วล่ะ เธอมีผมสีบลอนด์….เหมือนกับนางฟ้าเลยล่ะ
ผมยังคงจดจําครั้งแรกของมานะในตอนที่เธอกำลังค่อยๆฟื้นคืนความร่าเริงของเธอกลับมา
แล้วเล่าเรื่องเพื่อนของเธอให้ผมฟัง
มานะเรียกเธอว่านางฟ้าผมก็เลย จินตนาการตามว่าเธอคงจะเป็นคนสวยและใจดี
แต่พอมานะพาเอริกะจังมาที่บ้านเป็นครั้งแรกผมก็ถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะ
เพราะเพื่อนของเธอไม่ใช่นางฟ้าผมบลอนด์แต่กลับเป็นแยงกี้ผมบลอนด์
แม้ว่าหน้าตาจะสวยแต่เอริกะจังก็จ้อง มองผมด้วยสายตาที่เฉียบคมแล้วก็ ทักทายผมด้วยคําว่า “ไง” จนผมรู้สึกหวาดหวั่นจนเผลอตอบแบบเดียวกันว่า “งะ ไง ~” กลับไป
ฉันไม่เคยทักทายใครแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต…..
แต่ดูเหมือนว่าเอริกะจังเธอจะชอบแบบนั้น และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็เรียกผมว่า “คุณพี่ชาย” แล้วก็ชอบเข้ามาเกาะแกะกับผม
สำหรับมานะแล้วเอริกะจังเป็นทั้งเพื่อน ที่ดีที่สุดแล้วก็ผู้มีพระคุณของเธอ
นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ผมรู้สึกขอบคุณเอริกะจังเป็นพิเศษ
“หืม?”
เมื่อผมเข้าไปใกล้ๆเตียงผมก็ได้กลิ่น หอมหวานซึ่งมันไม่ใช่กลิ่นของผม แล้วก็ไม่ได้มาจากของๆผมด้วย กลิ่นหอมๆนี่……
“กลิ่นนี่มันอะไรกัน……..ทําไมมันรู้สึก คุ้นเคยนิดๆนะ…..?”
นี่มันกลิ่นของเอริกะจังที่มาอยู่ที่นี่เมื่อไม่นานมานี้งั้นเรอะ?
ไม่น่าใช่ ผมก็ไม่เห็นจะได้กลิ่นนี้จากตัวเอริกะจังตอนที่เธอเดินรอบๆห้องเลย
ขณะที่ผมกำลังดมผ้าปูที่นอนตัวเองแล้วเอียงคอด้วยความสงสัยอยู่นั้น
จู่ๆก็มีคนเรียกผมจากทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงชื่นสุดร่าเริง
“ทำอะไรอยู่งั้นเหรอ ~?”
ผมตกใจมากและพอหันหน้ามาแล้วก็เห็นมานะอยู่ข้างหลังพร้อมกับกำลังแสยะยิ้มใส่ผม
“หนูจะมาบอกว่าหนูอาบเสร็จแล้วน่ะ ว่าแต่พี่ทำอะไรอยู่น่ะ? อย่าบอกนะว่าพี่ กําลังดมกลิ่นของเอริกะอยู่งั้นเหรอคะ?”
“ปะ เปล่าสักหน่อย! เข้าใจผิดแล้ว! ฉันแค่สงสัยว่าไอ้กลิ่นแปลกๆนี่มันมาจากไหนแค่นั้นเองนะ!!”
“หืมมมมม? นี่พี่กำลังเล็งเอริกะอยู่ใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เล็งอะไรทั้งนั้นแหละ พี่คิดกับเอริกะจังเหมือนเป็นน้องสาวของฉันนแค่นั้นจริงๆนะ”
“จริงอ่ะ~? เอริกะน่ะเป็นคนที่สวยมากๆ หนูก็เลยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่พี่ชายจะสนใจเธอจริงมั้ย?
แต่เพียงเพราะพี่ไปสารภาพรักต่อหน้าเธอไม่ได้ก็ได้อย่ากลายเป็นพวกโรคจิตที่พอใจกับการดมกลิ่นของเธอสิ”
มานะหัวเราะคิกคักแล้วเดินออกจาก ห้องไป
“ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย”
ผมเกาหัว
ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งทุกคนจะชอบแกล้งและปั่นประสาทผมซะจริง
ผมอยากรู้ว่านี่มันคือการแสดงความรักแบบที่ไม่เหมือนใครของพวกแยงกีรึเปล่านะ?
“ชั้นไม่คิดว่าจะมีพี่ชายที่จะเป็นสุภาพบุรุษกับเพื่อนของน้องสาวตัวเอง แถมยังเข้าใจพวกแยงกี้ได้ขนาดนี้หรอกนะ ก็ได้แต่หวังว่าพวกเธอจะทำดีชั้นให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย….”
ผมคิดว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่ดีนะแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรแบบนั้นกับผมเลยสักครั้งก็เถอะ
นี่ผมคิดเยอะไปรึเปล่าเนี่ย?
“ช่างเถอะ เหนื่อยแล้ว………ไปอาบนํ้า แล้วเข้านอนดีกว่า”
ระหว่างที่ไปอาบนํ้าผมก็ถอนหายใจและลืมเรื่องกลิ่นแปลกๆบนเตียงไป
แล้วพอผมกลับมาจากการอาบนํ้าผมก็จํากลิ่นอะไรที่ว่าไมได้เลย
ผมเหนื่อยมากหลังจากการทํางานพาร์ทไทม์อย่างหนักหลังจากเลิกเรียนที่มหาวิทยาลัย……แล้วผมก็ผล็อย หลับไปในชั่วพริบตา
หายไปนานพอตัวเลยเนื่องจากก่อนหน้านี้ติดงานบวกกับพอกลับมาแปลผมก็ดันลืมไปเลยว่าเคยแปลเรื่องนี้ด้วย โทษทีนะครับแล้วฝากเพจผู้แปล Lemon FT ด้วยเน้อ