ตอนที่ 3 ก็น้ำจิ้มมันอร่อย
อากาศยังคงร้อนระอุแม้จะผ่านช่วงห้าโมงเย็นของวันที่กรมอุตุฯ ได้พยากรณ์ไว้ว่าฝนจะตกถึง 90% กระนั้นการที่ต้องเป็น10%ที่ฝนไม่ตกก็ชวนหงุดหงิดไม่น้อย
เด็กสาวนามว่าก้อยกลับมาถึงบ้านร้อนเหงื่อชุ่ม เธอสลัดผ้าผ่อนออกทีละชิ้น ๆ ตกเรี่ยราดตามระหว่างทางตั้งแต่หน้าประตูบ้านเลยมาจนถึงห้องนั่งเล่น เธอเปิดพัดลมสองตัวพัดใส่ตัวเธอที่เหลือแต่ชุดชั้นใน ก้อยนั่งอ้าขาและกางแขนเอนหลังลงบนขอบโซฟาผ้าด้วยท่าทีที่ไม่เป็นกุลสตรีที่สุดในแดนสยาม
ทว่าเธอกำลังเพลิดเพลินกับสายลมที่พัดโชยเรือนร่างที่เริ่มแตกเนื้อสาวของเธอ เอวของเธอกิ่วคอดหน้าท้องแบนราบ แม้นผิวของเธอไม่ได้ขาวโบ๊ะเหมือนหลอดไฟนีออน แต่ก้อยก็มีความตั้งใจที่จะหาพวกสารอาหารมาช่วยบำรุงผิวให้สวยเปล่งปลั่ง แน่นอนเธอกำลังคิดถึงบรรดาวิตามินต่าง ๆ และกูลต้าที่จะเพิ่มความขาวใสให้กับผิวพรรณของเธอ
ว่าแล้วก้อยก็เริ่มทำกายบริหารที่จะช่วยให้ผิวกระชับทั้ง ๆ ที่ยังคงใส่ชุดชั้นในอยู่นั่นแหละ โดยปฏิบัติตามวีดิโอ ออกกำลังกายทั่วร่าง กระชับทุกสัดส่วน ฟิตหุ่นแซ่บใน 1 เดือนประมาณสิบนาทีนิดๆ เหงื่อของเธอก็กลับมาท่วมร่างอีกครั้ง
ก้อยรู้สึกได้ทันทีว่าเธอเจ็บและหนักไหล่มากเพราะแต่ละท่าของเจ้าของคลิปวีดิโอนั้นเน้นท่ายืน สาวในคลิปวีดิโอสวมสปอร์ตบราสำหรับออกกำลังกายแต่ก้อยใส่ยกทรงซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับการออกกำลังกายเท่าไหร่ — อย่างไรก็ดีก้อยเดินไปเข้าห้องน้ำและถอดชุดชั้นในที่ชุ่มเหงื่อออกและเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลรดทั่วร่างของเธออย่างรู้สึกดีก่อนจะตัดสินใจว่า เธอจะต้องหาวิธีออกกำลังกายให้ดีกว่านี้ เพราะถ้าให้เธอซึ่งเรียนกลับบ้านมาเหนื่อย ๆ ร้อน ๆ มาออกกำลังกายเหงื่อท่วมแล้วอาบน้ำทันทีแบบนี้น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
หลังจากอาบน้ำเสร็จก้อยรู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อนิดๆ ไม่ค่อยสบายตัวตามที่คาดเอาไว้ เด็กสาวเดินไปเก็บบรรดาเสื้อผ้าที่เธอถอดไว้เรี่ยราดมาใส่ตะกร้า หลังจากนั้นเธอลงมือทำไข่เจียวคอนโดผัดกระเพรากรอบ — เป็นเมนูง่ายๆที่เธอมักจะทำเวลาคิดอะไรไม่ออก
ระหว่างกินข้าวเธอก็หาข้อมูลท่ากายบริการที่ทำได้ง่ายกว่านี้ ซึ่งก้อยค่อนข้างชอบใจการบริหารแบบพีลาทีสเพราะเห็นว่าเหมาะกับการลดน้ำหนักเพิ่มความยืดหยุ่น แต่เมื่อศึกษาไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและอาจจะต้องใช้อุปกรณ์ เธอจึงเปลี่ยนไปหาโยคะแทนเพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมายแถมไม่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่เกินงามตามฉบับหญิงสาวบอบบางน่าทะนุถนอม
หลังจากกำหนดได้แล้วว่าเธอจะทำโยคะก่อนนอนทุกคืน(เริ่มวันพรุ่งนี้) ก้อยก็วางการบ้านลง(ซึ่งยังไม่ได้ทำกะว่าพรุ่งนี้จะไปลอกเพื่อนที่โรงเรียน) เธอก็กลับขึ้นห้องและเปิดดูวีดีโอผู้ใหญ่เพื่อศึกษาอย่างจริงจัง…. เธอเลือกแนวตะวันตกมาศึกษาสำหรับคืนนี้
***
ในวันพรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์ ยังเหลืออีกหนึ่งวันก่อนที่จะถึงเวลานัดของเธอกับดนัย ก้อยตื่นเช้ามาทำกายบริหารเบา ๆ ก่อนจะอาบน้ำและเตรียมตัวไปโรงเรียน ระหว่างที่เธอกำลังออกจากบ้าน เธอเห็นโบ้ซึ่งกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนเช่นกันโดยที่มีไบสันน้องชายของเขานั่งซ้อนท้ายอยู่ ก้อยโบกมือให้เด็กหนุ่มที่ปากยังคาบขนมปังทาแยมสตรอเบอร์รี่อยู่ เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เธอเซ็ง ๆ ด้วยสีหน้าที่ยังคงง่วงงุน ไบสันน้องชายของเขาหันตามมาเห็นเธอก็เปิดหน้ากากของหมวกนิรภัยขึ้นส่งยิ้มและโบกมือให้เธออย่างแข็งขันระหว่างที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านของเธอไป
ก้อยส่งยิ้มให้ก่อนจะหันมาเห็นว่าพ่อของโบ้และไบสันก็จะขึ้นรถไปทำงานพอดี “สวัสดีค่ะ คุณอากาสร” เธอทักทาย
“อ้าว? หนูก้อย… กำลังจะไปโรงเรียนเหรอลูก” กาสรเป็นชายร่างผอมสูงสวมแว่นตาดูน่าเชื่อถือผมด้านข้างสีดอกเลานิด ๆ ใบหน้าดูเป็นผู้ชายใจดี แม้ว่าจะอยู่กันคนละวัย แต่ก้อยก็คิดว่ากาสรเป็นชายวัยกลางคนที่ดูดีไม่น้อย “ไปด้วยกันสิ เดี๋ยวอาพาไปส่ง”
“แต่บริษัทคุณอาไปคนละทางนี่คะ?”
“เช้านี้อามีธุระแถวในเมืองพอดีน่ะ”
เด็กสาวขึ้นรถตามคำเชิญอย่างว่าง่าย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกาสรมักจะดูแลเธออย่างดีเสมอในฐานะเพื่อนบ้านและเพื่อนของพ่อแม่เธอ และแม้กาสรจะอยู่คนละวัยกับเธอแต่เธอไม่เคยรู้สึกอึดอัดเวลาคุยกับเขาเลย อาจจะเป็นเพราะกาสรมีลูกชายวัยเดียวกันกับเธอทำให้เขามักจะชวนคุยอะไรที่ไม่ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอึดอัดเวลาถูกถามคำถามเช่นเรื่องการเรียน แฟน หรืออะไรทำนองนั้น
“จะว่าไป วันพรุ่งนี้เห็นโบ้บอกว่าพวกหนูนัดไปติวกันเหรอ?” กาสรถามหลังจากทั้งคู่คุยกันเรื่องสูตรทำอาหารผ่านไปสักครู่ “อย่าหักโหมกันมากเกินไปนะลูก ติวเสร็จก็ผ่อนคลายสมองสบาย ๆ บ้างล่ะ — ดูหนังสักเรื่องก็ดี…. แต่อย่ากลับดึกกันมากนักล่ะ”
“ค่ะ หนูกะว่าคงไม่เกินสองทุ่ม” ก้อยกำลังคำนวณกิจกรรมที่เธอวางแผนไว้ในใจ
“เอาล่ะ ถึงโรงเรียนแล้ว ตั้งใจเรียนนะลูก” กาสรพูดเมื่อถึงหน้าโรงเรียน ก้อยลงจากรถและไหว้ลากาสรที่นั่งรับไหว้ในรถ เธอเดินดิ่งเข้าไปบริเวณโรงอาหารทันทีเพราะหิวท้องกิ่วไส้แทบขาดแล้ว และเธอเองก็มีแผนการที่วางเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ไม่นานนักเธอก็มาถึงและเห็นเป้าหมายนั่งอยู่ตามที่คาดเอาไว้ ช่วงเช้านี้แหละที่มักจะไม่มีคนมาโรงเรียนและเธอก็มีข้ออ้างในการเข้าใกล้ผู้ชายในฝันของเธอ
“ครูไข่คะ สวัสดีค่ะ” เด็กสาวเข้าประชิดครูนักศึกษาหนุ่มที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าและจิบกาแฟไปด้วย เขาหันมามองด้วยสีหน้าเพลีย ๆ แต่ในหัวของก้อย — มันคือภาพครูขาวตี๋สุดหล่อกำลังหันมามองเธอด้วยภาพสโลว์โมชั่นแบบหล่อเท่ และสายตาทั้งคู่ก็ประสานกัน
“สวัสดีครับ เอ่อ….” เขาทัก
“รุจิราภรณ์ ม.สี่ ห้องสองค่ะ หรือเรียกง่ายๆว่าก้อยก็ได้นะคะ่” เธอกลืนคำที่เกือบจะพูดว่า ถ้าเรียกชื่อไม่ถนัดเรียกที่รักก็ได้ ลงคอไปเพราะมันคงดูเสี่ยวและลดสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับครูไข่ตามที่หนังสือ จีบผู้ชายอายุมากกว่าอย่างไรให้สำเร็จ ได้ระบุเอาไว้ในบทของการ จีบครูหนุ่ม ว่า
หากเราจะจีบคนที่อายุมากกว่าเราต้องสร้างความรู้สึกหรือสถานะความสัมพันธ์ให้บาลานซ์กัน ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่เด็กกว่าอยู่แล้ว แต่หากผู้ชายที่คุณหมายปองเป็นครูหนุ่มและถ้าคุณไปทำตัวสนิทชิดเชื้อยิงมุกจีบแป้ก ๆ คุณอาจแห้วได้ถึง 80% เพราะเขาอาจจะมองคุณเป็นเด็กสาวทั่วไปที่มีอยู่เกลื่อนกลาด
คุณต้องสร้างความรู้สึกให้เขาได้เห็นว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่และเข้าหาเขาอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต้องฝืนเล่นมุกฟาย ๆ ถ้าเขามีใจปล่อยมุกฟายมาเองคุณก็แค่ขำน่ารัก ๆ อย่าไปขำประเจิดประเจ้อ…. แต่ก็อย่างที่เคยย้ำเอาไว้ในทุก ๆ บทว่า มันแล้วแต่เบ้าหน้าของคุณอยู่ดีนั่นแหละ:P
“ครูไข่พอจะสะดวกไหมคะ พอดีหนูไม่ค่อยเข้าใจการบ้านน่ะค่ะ” ก้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่ารักและนอบน้อม
“ครับ เชิญเลย ๆ ” ก้อยยิ้มอย่างดีใจโดยที่ไม่ลืมที่จะก้มแอ่นนมหนึ่งจังหวะเวลานั่งข้าง ๆ ครูหนุ่ม และได้ผล — เธอเห็นจะ ๆ ว่าเขามองหน้าอกตูม ๆ ของเธออยู่สองวินาทีเต็ม ๆ ก่อนจะเลิ่กลั่กเปิดสมุดการบ้านที่เธอส่งให้ ก้อยข่มรอยยิ้มไว้อย่างยากเย็น แต่ในหัวของเธอมีแต่คำว่า น่าร้ากกกกกกกกก!! เมื่อเห็นอากัปกิริยาของครูนักศึกษาหนุ่ม
“เอ่อ… ที่ว่าไม่ค่อยเข้าใจนี่คือไม่เข้าใจหมดเลยเหรอครับ…? นี่ไม่ได้ทำสักหน้า….” ครูหนุ่มยิ้มเหลอ ๆ ก้อยไม่พลาดที่จะปล่อยเสียงหัวเราะ แหะๆ น่ารัก ๆ แบบเด็กน้อยที่โดนจับได้ว่าทำความผิด
แต่ครูไข่ก็น่ารักกับเธอเพราะเขาไม่ว่าอะไรเลย เขาค่อย ๆ สอนเธออย่างใจเย็นทีละอย่าง ๆ ก้อยเองก็แกล้งทำเป็นเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มคะแนนความประทับใจ และไม่ลืมที่จะชวนคุยแนะนำร้านอาหารในโรงเรียนอร่อย ๆ ที่เขายังไม่ทันชิมเพื่อลดค่าความรู้สึกความเป็นครูและนักเรียน ไปเพื่อค่าความสนิทระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวแทน
…และแล้วเธอก็เห็นสิ่งที่รอคอยเดินกันมาเป็นกลุ่ม ไม้ตายสุดท้ายที่จะใช้มัดใจครูหนุ่มสุดหล่อของเธอในเช้านี้
“ครูไข่ขรา — หวัดดีค้า” พวกนักเรียนหญิงที่มากันทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลายมาล้อมหน้าล้อมหลังครูหนุ่มสุดหล่อของเธอพากันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวกับนกกระจอกแตกรังที่ส่งกลิ่นความน่ารำคาญมาตั้งแต่วินาทีแรกที่ปรากฏตัว
“ขอบคุณครูไข่มากนะคะ หนูคิดว่าหนูทำต่อเองได้แล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” ก้อยเสยปอยผมทัดหูขณะเก็บสมุดการบ้านโดยไม่มองชายหนุ่ม เธอเดินออกจากบริเวณนั้นไปโดยทักทายสองสามคนที่เธอรู้จักและแอบชำเลืองผ่านหางตาก็เห็นว่าครูหนุ่มมองตามเธอด้วยสีหน้าเหมือนลูกหมาน้อย….
การทำคะแนนค่าความสัมพันธ์สำหรับเช้านี้ถ้าให้สิบ — ก้อยประเมินตัวเองให้ได้สิบเต็มและเธอได้วางหมากเอาไว้อย่างการทักทายพวกชะนีสองสามคนเพื่อแสดงว่าพวกนั้นรู้จักเธอ ถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ครูไข่จะต้องถามเอาข้อมูลของก้อยจากนังชะนีพวกนั้นแน่ ๆ
และนั่นจะเป็นเครื่องยืนยันว่าครูไข่ได้ปลูกดอกรักต้นเล็ก ๆ ระหว่างเขาและเธอขึ้นในใจแล้วนั่นเอง
“หึ หึ หึ” เด็กสาวอดหัวเราะไม่ได้เมื่อบวกคะแนนพิเศษให้ตัวเองอีกสิบคะแนนจากหมากที่วางเอาไว้เป็นคะแนนยี่สิบเต็มสิบ ขณะเดียวกันก็กัดกระชากลูกชิ้นออกจากไม้เสียบบริเวณแผงขายลูกชิ้นปิ้งข้างโรงอาหารเพราะเธอยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า (จะกลับไปนั่งกินในโรงอาหารก็ไม่เท่เพราะเดินออกมาแล้ว) “วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”
“อีบ้า!! เป็นอะไรของแก!?” แจนเพื่อนสนิทของเธอโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เธอมาพร้อมกับเยลลี่ ทั้งสองคงเดินลงมาหาอาหารเช้ารับประทานหลังจากเก็บกระเป๋าในห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว แจนมองก้อยอย่างไม่ไว้ใจแล้วเอ่ยถามว่า “มาหัวเราะทำไมหน้าร้านขายลูกชิ้นปิ้งยะ?”
“ก็น้ำจิ้มมันอร่อย” ก้อยตอบ