เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา – ตอนที่ 33

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 33

 

เอลเลน อาร์โทเรียส เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะสนใจอะไรมากมายนัก

 

เธอไม่ได้เป็นเด็กไม่ดี และแทนที่จะขี้อาย เธอแค่ไม่รู้ว่าจะเข้ากับคนอื่นยังไง เธอตั้งใจจดจ่อกับการฝึกฝนของเธอ เธอจึงไม่พยายามเข้าหาใครเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะผลักเธอออกไป

 

เธอมีพรสวรรค์อย่างมาก แต่เธอไม่มีความรู้สึกเหนือกว่าใครรอบตัวเธอที่มักจะมาพร้อมกับมัน เธอไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยแบบที่มักจะรู้สึกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง

 

เธอไม่ได้ทำตัวน่ารักแต่เธอมีจิตใจที่อ่อนโยน

 

แน่นอน ฉันสร้างอดีตให้เธอ แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญว่าฉันจะสารภาพกับเธอหรือไม่ ฉันเขียนจดหมายรักถึงเอลเลน เพราะเธอคงไม่สนใจเรื่องนี้จริงๆ

 

ฉันหมายความว่า จริง ๆ แล้วฉันทำสิ่งนี้เพื่อคะแนนเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม

 

“…….”

 

มันรบกวนฉัน

 

มันทำให้ฉันรำคาญจริงๆ

 

ไม่ใช่เพราะฉันชอบเธอหรืออะไร แต่เป็นเพราะตอนนี้ฉันได้รับรู้ถึงเธอแล้ว!

 

ฉันรู้สึกอับอายและละอายใจจนแทบทนไม่ไหว ไอ้สารเลวนั่นต้องการให้ฉันอยู่ในสภาพนี้ชัดๆ นี่เป็นเพียงการกลั่นแกล้งโดยตรง

 

วันอังคาร

 

เอลเลนนั่งถัดจากฉันในชั้นเรียนทฤษฎีการใช้ดาบ และฉันเกือบจะบ้าตายกับเรื่องนี้

 

แน่นอน ฉันกับเอลเลนเป็นนักเรียนรอยัลคลาสคนเดียวที่เรียนวิชานี้ นักเรียนคนอื่น ๆ เป็นนักเรียนในชั้นเรียนปกติ

 

นักเรียนที่ใส่ชุดนักเรียนหลากหลายประเภทมารวมตัวกันที่นี่ และในบรรดาผู้ที่จำเครื่องแบบรอยัลคลาสที่เราสวมใส่ได้ก็จ้องมองมาที่เรา

 

ฉันสามารถอ่านความคิดของพวกเขาได้เพียงแค่มองตาของพวกเขา

 

ว้าว พวกเขามาจากรอยัลคลาสใช่ไหม

 

นั่นคือภาพลักษณ์ที่พวกเขามอบให้เรา

 

แม้ว่าจะเป็นที่อิจฉา แต่เครื่องแบบนักเรียนเหล่านี้ก็ดึงดูดความสนใจได้มากเกินไป..

 

เบอร์ทัส, ลุดวิก, คลิฟฟ์แมน และ อีริชควรเข้าร่วมการบรรยายเกี่ยวกับวิชาดาบ แต่พวกเขาอาจเลือกการบรรยายอื่นสำหรับช่วงนี้

 

เธอนั่งข้างฉันเพราะฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นจากรอยัลคลาสงั้นเหรอ? มันเป็นอย่างนั้นเหรอ? ปกติคุณไม่ใช่คนประเภทที่จะสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้คุณเป็นแบบนั้นเหรอ?

 

ถามจริง เธอมานั่งข้างฉันทำไมเนี่ย

 

เฮ้อ นี่เธอไม่ได้คุยกับฉันเพราะเรื่องสารภาพเมื่อวานงั้นเหรอ? เธอสนใจฉันงั้นเหรอ ไม่เธอไม่ได้เป็นอย่างนั้น แล้วเธอมานั่งข้างฉันทำไม

 

นี่คืออะไร? ทำไมผมถึงได้เอะอะโวยวายเหมือนวัยรุ่นบางคน?

 

ฉันกลายเป็นแบบนั้นเพียงเพราะฉันพยายามที่จะได้รับคะแนนบางอย่าง? น่าตลกชะมัด!

 

-ต๊อก

 

“…….”

 

ฉันทำปากกาตกเพราะอาการอยู่ไม่สุข เอลเลนหยิบมันขึ้นมาเงียบๆ แล้วยื่นให้ฉัน

 

“อ๊ะ อืม.. ขอบคุณ”

 

“…….”

 

นี่เป็นสัญญาณเชิงบวกรึเปล่า?

 

ปกติเธอจะไม่ช่วยคนหยิบของไม่ใช่เหรอ? ตามบุคลิกของเธอ เธอคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้วใช่มั้ย

 

แน่นอนว่าเธอไม่สนใจฉันหลังจากหยิบมันขึ้นมาและฟังการบรรยายต่อ อา ไม่ ไม่ใช่เรื่องปกติที่เธอจะหยิบปากกาให้คนอื่น

 

ไม่ แต่ฉันควรทำอย่างไร ฉันไม่สนใจเธอเลย ถ้าจู่ๆ เธอบอกฉันว่าเธอชอบฉันล่ะ? ฉันไม่สามารถยอมรับได้เลย

 

…….

 

ฉันมีปัญหา

 

ฉันเริ่มจินตนาการถึงสถานการณ์ที่ชวนหัวเสียและไร้สาระทุกประเภท

 

แน่นอน

 

ในตอนท้ายของการบรรยาย เอลเลนออกจากห้องบรรยายโดยไม่ละสายตาจากฉันเลยแม้แต่น้อย

 

เธอจำใบหน้าของฉันได้ตั้งแต่แรกมั้ยก็ไม่น่าจะนะ? เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นใคร ใช่มั้ย แค่เราใส่ชุดเหมือนกันงั้นเหรอ

 

ใบหน้าของฉันร้อนขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ

 

* * *

 

นี่คือตารางเรียนของฉัน ไม่รวมชั้นเรียนทั่วไป

 

วันอังคาร ฉันจะมีทฤษฎีการใช้ดาบ การฝึกทักษะการใช้ดาบ และทฤษฎีเวทมนตร์

 

วันพุธเป็นการฝึกความไวต่อเวทมนตร์ การไกล่เกลี่ย และการควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ

 

ในวันศุกร์ ฉันมีการฝึกพลังศักดิ์สิทธิ์ การเล่นแร่แปรธาตุ และการฝึกศิลปะการต่อสู้แบบบูรณาการ

 

ตอนนี้ ในฐานะคนชั้นปีที่ต่ำกว่า ฉันต้องฟังการบรรยายเพียงสามครั้งต่อวัน แต่เมื่อฉันโตขึ้น ฉันจะต้องฟังบางครั้งถึงห้าหรือหกครั้งต่อวัน สามปีแรกเหมือนหลักสูตรมัธยมปลาย และครึ่งหลังเหมือนหลักสูตรมหาวิทยาลัย

 

ดังนั้น เนื่องจากฉันไม่มีสิ่งใดที่เชี่ยวชาญ ฉันจึงเรียนวิชาดาบ เวทมนตร์ พลังเหนือธรรมชาติ และพลังศักดิ์สิทธิ์

 

ทฤษฎีวิชาดาบและการฝึกวิชาดาบเป็นการผสมผสานการบรรยายที่สอนโดยอาจารย์คนเดียวกัน ดังนั้นมันจึงเป็นการบรรยายที่ค่อนข้างยาวซึ่งในตอนแรกจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีในห้องเรียนแล้วนำไปฝึกฝนในโรงยิม

 

ชั้นเรียนที่ต้องฝึกฝนสิ่งที่เรียนรู้ในวันเดียวกันและแม้แต่เรียนรู้สิ่งเพิ่มเติมในขณะที่ฝึกฝน

 

แน่นอนว่าที่นี่เป็นชั้นเรียนทั่วไปเช่นกัน จึงไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็มีกลุ่มคนเงอะงะอยู่ในหมู่นักเรียน

 

“จัดท่าทางของคุณให้ถูกต้อง! ใส่แรงไว้ในมือของคุณ!”

 

ปัญหาคือ ฉันถูกจัดอยู่ในประเภทคนเงอะงะ แน่นอน ฉันถูกครูวิจารณ์อยู่เสมอว่าฉันไม่มีพละกำลังพื้นฐานและท่าทางที่แย่

 

มีแม้กระทั่งนักเรียนทั่วไปจำนวนมากที่เก่งมากจนการเปรียบเทียบพวกเขากับฉันนั้นไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง เนื่องจากพวกเขาเรียนรู้วิชาดาบมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น

 

“สมบูรณ์แบบ ตามที่คาดหวังจากรอยัลคลาสเธออยู่ในระดับที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”

 

“…….”

 

เอลเลนผ่านการฝึกเกือบทุกอย่างในครั้งเดียว เพราะเธอมีร่างกายที่พร้อมเลียนแบบสิ่งที่เรียนรู้ได้ทันที ครูจึงชมเชยเธอ

 

นักเรียนคนอื่นๆ ก็มองไปที่เอลเลนเช่นกัน

 

ฉันไม่รู้จริงๆว่าครูกำลังคิดอะไร แต่จู่ๆ เธอก็ปรบมือ

 

“เท่าที่ฉันได้รับแจ้ง มีนักเรียนของรอยัลคลาสเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนที่นี่ เอลเลนและไรน์ฮาร์ด นี่คือสิ่งที่ฉันได้ยินมา คุณชื่อ เอเลน?”

 

“ใช่”

 

“ไรน์ฮาร์ด!”

 

ฉันมองไปที่พวกเขาเมื่อได้ยินอาจารย์เรียกชื่อฉัน ดูเหมือนว่าเธอจะมีความคิดที่ดี

 

“ยอดเยี่ยม มาประลองฝีมือกันระหว่างนักเรียนรอยัลคลาสกันเถอะ!”

 

ไม่

 

ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีเลย

 

* * *

 

พวกเขาผลักดาบฝึกหัดใส่มือฉันทันที ในขณะที่ฉันยังฝึกท่าพื้นฐานไม่เสร็จ ทุกคนมารวมกันรอบ ๆ ต้องการดูการต่อสู้ระหว่างนักเรียนรอยัลคลาส ดวงตาของทุกคนเป็นประกายอย่างมาก

 

นี่เป็นการประหารชีวิตในที่สาธารณะแบบไหนกัน?

 

คุณต้องการให้ฉันฝึกฝนการต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียนของฉันงั้นเหรอ?

 

ผู้ช่วยสอนที่กำลังอบรมฉันเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาอยากจะพูดว่า “ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี” แต่ไม่ทันที่จะได้บอกครู

 

ถ้าฉันตายที่นี่ล่ะ?

 

เอลเลนมองมาที่ฉันอย่างเฉยเมยและถือดาบฝึกของเธอ

 

 

 

“ฉันจะหยุดมันเมื่อมันไปไกลเกินไป ดังนั้นอย่าลังเลที่จะต่อสู้มากเท่าที่คุณต้องการ”

 

ครูคนนั้นพูดคำอันตรายโดยไม่กระพริบตา ไม่ ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนั้น?

 

ก่อนที่ฉันจะสามารถหาทางออกเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้ได้….

 

“เริ่มเลย!!”

 

ฉัน

 

-ตั๊ก!

 

ฉันไม่ได้สังเกตว่า เอลเลน อาร์โทเรียสกำลังเข้ามาหาฉันด้วยซ้ำ

 

* * *

 

เพดานที่ไม่คุ้นเคย

 

“…….”

 

มึนหัวชะมัดเลย

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

ฉันคิดว่าฉันคงกำลังนอนอยู่บนเตียงอะไรสักอย่าง

 

เมื่อเห็นว่าฉันปวดหัวมาก ฉันคงโดนอะไรฟาดเข้าแน่ๆ

 

ในขณะนั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่ฉันจะสลบไปไม่นานก็ปรากฏขึ้นในความคิดของฉัน

 

เอลเลน อาร์โทเรียสพุ่งเข้ามาหาฉันทันทีที่ได้รับสัญญาณเริ่มต้น จากนั้นใช้ดาบของเธอฟาดหัวฉัน

 

แล้วฉันก็สลบไปงั้นเหรอ?

 

ไม่ แต่ฉันอยู่ที่ไหน….

 

“โอ้ย!”

 

“…คุณตื่นแล้ว”

 

เมื่อฉันมองไปทางขวา เด็กสาวที่ดูนิ่งๆ เย็นชา ผมสีเข้มและดวงตาสีดำกำลังมองมาที่ฉัน

 

“นี่คือโรงพยาบาล เลิกเรียนแล้ว”

 

ฉันอาจถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากที่หมดสติไปแล้ว ครูซึ่งดูเหมือนจะรับผิดชอบตรวจดูฉัน

 

“ความเจ็บปวดจะบรรเทาลงในไม่ช้า ไม่มีอะไรร้ายแรง คุณไม่ต้องกังวล โอเค?”

 

“โอเค”

 

ฉันพยักหน้ารับคำพูดของอาจารย์ด้วยสีหน้างุนงง

 

ครูสอนดาบบ้าๆนั่น! ทำไมพวกเขาถึงให้ทำการต่อสู้โดยไม่ให้เวลาตั้งตัวเลย? คุณทำให้ใครบางคนสลบ! คุณไม่ใช่ครูงั้นเหรอ!

 

“เอ่อ….”

 

เอลเลนจับไหล่ฉันขณะที่ฉันพยายามลุกขึ้น

 

“……?”

 

คุณพยายามที่จะให้กำลังใจฉัน?

 

“ฉัรไม่รู้ว่านานไม่รู้วิชาดาบ”

 

เอลเลนพยุงฉันขึ้นและช่วยฉันใส่รองเท้า ขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

 

เกิดอะไรผิดปกติกับเธอ?

 

“เดิมที ฉันวางแผนที่จะเล็งไปที่คอของคุณหลังจากที่คุณขวางดาบของฉันและปล่อยให้ดาบของฉันไหลลงดาบของคุณเพื่อจบมัน”

 

“….เข้าใจละ”

 

แผนเดิมของเธอคือบังคับให้ฉันสกัดกั้นด้วยการโจมตีตรงๆ จากนั้นให้ดาบของเธอไหลไปตามใบมีดของฉันและเล็งไปที่คอของฉัน

 

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตีครั้งแรกได้ ดังนั้นเธอจึงเผลอตีศีรษะของฉันด้วยดาบของเธอ

 

นี่เป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะฉันอ่อนแออย่างคาดไม่ถึง

 

ดังนั้น

 

เธอทำแบบนี้เพราะรู้สึกเสียใจรึเปล่านะ?

 

“อ่า ดูสิ ฉันคิดว่าฉันเดินเองได้แล้ว….”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เธอลดแขนของเธอที่พยุงฉันไว้ ฉันปวดหัว แต่ฉันไม่เจ็บมาก อย่างไรก็ตาม ฉันสลบไปนานเท่าไหร่แล้ว?

 

“อ่า เราต้องไปที่วิชาต่อไปไม่ใช่เหรอ?”

 

เอลเลนส่ายหัวกับคำพูดของฉัน

 

“ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวันแล้ว”

 

หลังจากจบการบรรยายสองครั้งในช่วงเช้า ก็เป็นเวลาอาหารกลางวันตามปกติ การบรรยายครั้งที่สองสิ้นสุดลงแล้ว และตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวัน ดังนั้นยังมีเวลาอีกมาก

 

แปลว่าเราจะไปกินข้าวด้วยกัน?

 

อาจจะไม่ เธอแค่ตอบคำถามที่ฉันถาม ฉันหมายถึง เมื่อวานฉันสารภาพกับเธอ โดนปฏิเสธ และวันนี้เธอตีฉัน

 

นั่นไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการโจมตีฝ่ายเดียวจริงๆ

 

ฉันไม่รู้สึกอายอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายดูไม่สนใจเท่าไหร่ ทำให้ฉันรู้สึกอายมากขึ้นไปอีก

 

“…… นายต้องการรับประทานอาหารกลางวันมั้ย”

 

“…….”

 

-พยักหน้า

 

สิ่งที่ฉันได้ตระหนักก็คือหลังจากที่คุณผ่านความอัปยศในระดับหนึ่งไป มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

 

* * *

 

ในตอนแรกเธอดูเหมือนเด็กเงียบ ๆ ที่ไม่แยแสกับสิ่งต่าง ๆ ส่วนใหญ่

 

เมื่อวานฉันสารภาพกับเธอและเธอก็ปฏิเสธฉัน แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกขัดแย้งเพราะฉันขอให้เด็กคนเดิมไปทานอาหารกลางวันกับฉันตอนนี้ ปกติฉันไม่ใช่คนแบบนั้น

 

คนแบบที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย

 

เธอกินเมื่อเธอหิวและไม่สนใจว่าเธอกินกับใคร คิดได้เช่นนั้นความกังวลก็หายไป..

 

มันจะเป็นแบบนั้น เว้นแต่ฉันจะทำสิ่งที่หยาบคายพอให้เธอตบฉันก็แค่นั้น

 

เพราะเธอเป็นคนอย่างนั้น

 

คิดได้เช่นนั้นก็ทำให้หัวโล่ง เธอเป็นคนประเภทที่จะตอบสนองเหมือนเดิมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นฉันควรปฏิบัติต่อเธออย่างสบายใจกว่าเด็กคนอื่นๆ สักหน่อย?

 

เพราะเธอไม่ได้เข้าใจฉันผิดและไม่มีอคติใดๆ เกี่ยวกับฉัน เธอเพียงแค่ตัดสินฉันอย่างที่ฉันเป็น

 

“มีอะไรอยากกินมั้น”

 

“อะไรก็ได้”

 

เอ๊ะ?

 

“อะไรก็ได้แน่ใจนะ”

 

“อืมอะไรก็ได้”

 

ไม่ว่าฉันจะคิดถึงเรื่องนี้มากแค่ไหน นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่คุณปฏิเสธฉันและโจมตีฉัน

 

ฉันเริ่มรู้สึกอยากแกล้งคุณบ้างแล้ว

 

เตรียมตัวไว้นะ

 

* * *

 

เนื่องจากสถานที่นี้คล้ายกับโซล จึงมีสถานที่คล้ายกับที่พบในโซลในเมืองหลวงการ์เดียม

 

นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีสิ่งที่คุ้นเคยมากมาย ตัวอย่างเช่นขอทานที่พบในสวนแม่น้ำฮันหรือถนนช้อปปิ้งที่ชวนให้นึกถึงเขตยงซาน

 

และเมื่อวานนี้เมื่อฉันออกไปที่ถนนนี้เพื่อพบกับโคโน ลินต์ฉันพบสิ่งที่ทำให้ฉันตกใจที่เห็นที่นี่

 

นั่นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้โลกทัศน์ทั้งหมดของฉันพังทลายลงอีกหรือ มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการอย่างแท้จริง

 

เอลเลนเอียงศีรษะเมื่อเห็นอาหารนี้

 

“ได้กลิ่นแปลกๆ”

 

ชองกุกจัง

 

เอลเลนไม่สามารถละมือจากจมูกได้เมื่อเห็นชองกุกจางในหม้อดิน

 

กลิ่นเหม็นอับอบอวลไปทั่วร้าน

 

ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่มันมีอยู่

 

ทำไมถึงมีมัรอยู่? แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้

 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นอาหารของบ้านเกิดของฉัน! ฉันมีความสุขมากที่ได้กินอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงก็ตาม!

 

และฉันก็พาเธอมาที่นี่

 

เกิดอะไรขึ้น? คุณบอกว่าคุณจะกินอะไรก็ได้นะรู้มั้ย?

 

ถ้ากลัวก็แค่หนี

 

“มันมีกลิ่นเหมือนของที่ฉันไม่ควรกิน”

 

ฉันส่ายหัวกับคำพูดของเอลเลนและชี้ไปที่ผู้คนเต็มร้าน

 

“คนที่นี่เขายังกินกันได้เลย”

 

แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ใหญ่เช่นเดียวกับอาจารย์ เอลเลนเอียงศีรษะขณะมองดูผู้คนที่รับประทานอาหาร

 

– วิหารนี่ดีจริงๆ พวกเขามีแม้แต่อาหารตะวันออกที่นี่

 

– มีผู้คนจากทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่

 

เห็นได้ชัดว่านี่ถูกอธิบายว่าเป็นอาหารตะวันออก แม้ว่าฉันจะไม่รู้เกี่ยวกับฉากนั้นก็ตาม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิหารดึงดูดนักเรียนจากทั่วโลก พวกเขาจึงต้องเตรียมอาหารแบบดั้งเดิมจำนวนมากที่ปกติแล้วจะหาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากที่ถิ่นดั้งเดิม หากมีอุปสงค์ก็จะมีอุปทาน อาจจะแพงกว่าที่อื่น แต่ใครจะไปหาอาหารแบบนี้ได้ที่ไหนอีก?

 

นั่นค่อนข้างเป็นไปได้

 

เปรียบได้กับตรอกอาหารในนิวยอร์ก เนื่องจากมีคนจากทั่วโลกมาขายอาหารนานาชาติมากมาย

 

อย่างไรก็ตาม ชองกุกจังก็อย่างหนึ่ง แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกมีความสุขที่มีจัมปงและกิมจิอยู่ในโลกนี้

 

พวกเขายังมีสตูว์กิมจิและสตูว์กองทัพด้วยหรือไม่นะ?

 

ไม่ มันจะไม่แปลกที่จะมีสตูว์กองทัพเหรอ? ไม่มีทหารอเมริกันในโลกนี้ แล้วกองทัพสหรัฐฯ จะแนะนำเมนูนี้ได้อย่างไร?

 

ไม่ ถ้ามีใครคิดเกี่ยวกับมัน ชองกุกจังก็มีต้นกำเนิดมาจากที่อื่นด้วยใช่มั้ย?

 

เกิดอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนี้?

 

ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่

 

“ดูสิ”

 

ฉันเริ่มผสมข้าวกับชองกุกจังที่ฉันเอาออกมาจากหม้อดินเผา โรยผงสาหร่ายและน้ำมันงาลงไป แล้วก็เริ่มกิน

 

เอลเลนมองดูฉันกินด้วยสีหน้าอิดโรย

 

ตอนนี้คุณกำลังเลือกปฏิบัติกับวัฒนธรรมอื่นงั้นเหรอ? คุณต้องการที่จะมีปัญหาใช่มั้ย?

 

พูดตามตรง นี่ไม่ใช่อาหารโปรดของฉันจริงๆ แต่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการเป็นครั้งคราว เธอยังคงมองดูฉันกินอย่างเพลิดเพลิน

 

แม้ว่ามันจะมีกลิ่นแรง แต่ในที่สุดฉันก็ได้สัมผัสกับรสชาติของบ้านเกิดของฉันอีกครั้งหลังจากผ่านไปนาน

 

ฉันรู้สึกประทับใจกับมัน แม้ว่าจะไม่ถึงกับน้ำตาไหลก็ตาม

 

ที่นี่ทำกิมจิที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

 

นี่คือความหมายของชีวิต

 

ตามที่คาดไว้ ฉันยังคงเป็นชายกลางคนที่แก่นแท้ของฉัน

 

พวกเขามีโซจูมั้ย? ถึงมีพวกเขาจะไม่ขายให้เด็กๆหรอก?

 

เอลเลนจ้องมองมาที่ฉันอย่างว่างเปล่าด้วยสายตาที่ยาวและครุ่นคิด

 

“เอาให้ฉัน ฉันจะทำให้เธอเอง”

 

ฉันหยิบชามชองกุกจังของเธอ ผสมทุกอย่างในชามของเธอ ตักขึ้นหนึ่งช้อนเต็มแล้วถือเข้าปากเธอ

 

“อ้าปาก ลองมันดูสิ”

 

“อ๊ะ อืม.. เอิ่ม”

 

เอลเลนเปิดริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอซ้ำๆ บางทีอาจเป็นเพราะกลิ่นที่แสบร้อนโชยขึ้นมาที่จมูกของเธอ คิ้วและริมฝีปากของเธอกระตุก ราวกับว่าเธอสงสัยด้วยซ้ำว่านี่คืออาหารของมนุษย์จริงๆเหรอ

 

เมื่อมองดูปฏิกิริยาของเธอ เธอดูเหมือนปลาที่กำลังอ้าปากและหุบปากของมัน สวยน่ารักใช่มั้ย

 

“อ๊า แขนฉันจะหมดแรงแล้ว!”

 

“อา อ่า….”

 

เมื่อฉันบ่น ในที่สุดเอลเลนก็เปิดปากของเธอและฉันก็ใส่ชองกุกจังหนึ่งช้อนเข้าไป

 

นั่นคือการแก้แค้นที่เธอโจมตีฉัน

 

เอลเลนเคี้ยวมันเล็กน้อยด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

 

“ฮิฮิฮิ? รู้สึกยังไงบ้าง?”

 

“!”

 

เอลเลนหลับตาขณะที่เธอยัดมันเข้าปากทั้งปากพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

ดูเหมือนว่าความรู้สึกปฏิเสธของเธอจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่เธอเอามันเข้าปาก

 

ไม่สามารถคายหรือกลืนได้ เอลเลนเริ่มกระทืบเท้า

 

สาววัย 17 ปีที่ดูนิ่งๆและงดงาม?

 

ฮ่าๆ ไม่มีอะไรที่คงอยู่ไปได้ตลอด!

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

Status: Ongoing
หลังจากที่ตายนักเขียนนิยายสุดห่วยได้ถูกส่งไปเป็นหนึ่งในตัวละครของนิยายของเขา “ให้ตายเถอะ!! ทำไมฉันถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!” ด้วยความโชคร้าย ตัวละครที่ได้จากการสุ่มนั้นคือเจ้าชายปีศาจ ตัวละครที่ไม่มีในเรื่อง ไม่ใช่แม้กระทั่งตัวประกอบด้วยซ้ำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท