เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา – ตอนที่ 36

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 36

 

ในวันแรกฉันจัดการเคเยอร์

 

และในวันที่สามฉันได้เอาชนะไฮน์ริช ฟอน ชวาร์ซ คราวนี้ไม่โดนอาจารย์เรียก แต่ถ้าฉันถูกเรียกตัว ฉันจะให้การว่าเขาพยายามใช้ความสามารถของเขากับเพื่อนร่วมชั้น

 

ครั้งนี้แตกต่างจากตอนที่มีปัญหากับเคเยอร์

 

เคเบอร์นั้นเป็นสามัญชน แต่ไฮน์ริช ฟอน ชวาร์ซ เป็นเจ้าชายแห่งเคิร์นสตัดท์ อาณาเขตแห่งแรกของจักรวรรดิ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้สืบทอด แต่เขาก็ยังถือเป็นลูกหลานของตระกูลอยู่

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาเป็นลูกหลานของราชวงศ์ซึ่งมีอำนาจสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากราชวงศ์อิมพีเรียล นี่คงเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจสำหรับทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะบังคับใช้หลักความเสมอภาคและปฏิบัติต่อทุกคนอย่างยุติธรรมโดยไม่คำนึงถึงชนชั้นเท่าใดก็ตาม

 

แทนที่จะต่อว่าฉัน ดูเหมือนทุกคนจะหลีกเลี่ยงฉัน พวกเขาดูเหมือนจะมองว่าฉันเป็นคนบ้า จนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่ได้มองว่าฉันเป็นเพียงสิ่งสกปรก แต่ฉันกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวในสายตาของพวกเขา

 

ฉันควรจะละเลยคนคนนั้นที่จู่ ๆ ก็เถียงกับฉันและพยายามใช้ความสามารถของเขากับฉันเพียงเพราะเขาทนไม่ได้ที่เห็นฉันนั่งนิ่งๆ อย่างนั้นเหรอ? ฉันควรจะถูกย่างงั้นเหรอเหรอ? จะบ้าเหรอ

 

หลังจากนั้น ไฮน์ริชจะลุกจากที่นั่งทันทีที่เห็นฉัน ราวกับว่าเขาเห็นอะไรสกปรก ดูเหมือนว่าเขาจะหันกลับมาด้วยความโกรธ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรฉันในวิหารได้

 

ฉันไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนขี้ขนาด ฉันเลยกลายเป็นคนบ้าซะ

 

หากฉันไม่ทำเช่นนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆอาจต้องการที่จะต่อสู้กับฉัน คงเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่มันจะกลายเป็นการนองเลือด? ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันควรจะได้รับความสามารถที่ฉันสามารถใช้ได้จริงก่อน

 

การโจมตีที่เชื่องช้าของฉันจะทำอะไรกับคนที่มีความสามารถด้านการต่อสู้ได้มั้ย?

 

ชีวิตอันเงียบสงบของฉันไม่ได้ถูกทำลายโดยใครอื่นนอกจากตัวฉันเอง ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้เส้นทางนี้ มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะเสแสร้งใจดีกับคนพวกนี้

 

พอคิดย้อนกลับไป

 

ฉันไม่คิดว่าฉันจะเคยเป็นคนดีมาก่อน ฉันหมายถึง คนที่โกรธเด็กเกรียนบางคนตอนอายุสามสิบต้องมีปัญหากับหัวแน่ๆ?

 

บรรยากาศของคลาส A ที่เงียบสงบมาโดยตลอด กลับยิ่งแย่ลงไปอีกเพราะฉัน

 

ฉันกลายเป็นตัวร้ายในเรื่องที่ฉันเขียนจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้นะ?

 

ไม่ว่าจะมองยังไง ฉันก็เป็นตัวร้ายที่นี่

 

ตัวร้ายเริ่มต้นที่ไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง แต่มีอารมณ์ที่ร้ายกาจ?

 

หลังเลิกเรียนคลาสสามัญในวันพฤหัสบดีตอนเย็น

 

“ไรน์ฮาร์ด ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”

 

หลังอาหารเย็น เบอร์ทัสได้เรียกฉันไปคุยด้วย

 

* * *

 

หลังอาหารเย็น เบอร์ทัสพาฉันไปที่โต๊ะน้ำชาตรงระเบียงด้านนอก เขายังคงมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรบนใบหน้าของเขา บนโต๊ะมีกาน้ำชาที่เต็มไปด้วยชาดำ เขาคงเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว

 

“นายเอาชาหน่อยมั้ย?”

 

“อ่า เอาสิ”

 

เบอร์ทัสเทชาลงในถ้วยของฉันอย่างเบามือ เขาใส่นมลงในชา ​​ส่วนฉันก็ดื่มเหมือนเดิม เจ้าชายดูไม่มีท่าทีเป็นศัตรูกับฉันเลย

 

ฉันไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาคิดอย่างไรกับการที่ฉันทำตัวสบายๆ กับเขาด้วยการแสดงออกของเขาเพียงอย่างเดียว

 

ฉันไม่ลดการป้องกันลงเพราะสีหน้าของเขาไม่ได้บอกอะไรฉันเลย

 

เขาเป็นนักดาบผู้ทะเยอทะยาน คนที่ต่อสู้กับฉันส่วนใหญ่ร่างกายอ่อนแอกว่าฉัน อย่างไรก็ตาม เจ้าชายเป็นคนที่สามารถก้าวข้ามฉันได้ถ้าเขาต้องการ ทั้งทางร่างกายและการวางแผน

 

ฉันไม่สามารถเทียบเขาได้เลยซักด้าน

 

ถ้าเบอร์ทัสพยายามจะจัดการฉัน…

 

ฉันควรตอบโต้อย่างไรดี?

 

มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่จะเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งต่อผู้อ่อนแอและอ่อนแอต่อผู้แข็งแกร่ง

 

เบอร์ทัสมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

 

ทัศนคติที่เป็นมิตรที่ดูเหมือนปราศจากความเป็นศัตรู

 

ลุดวิกถูกหลอกโดยทัศนคตินั้น คนอีกนับไม่ถ้วนก็เป็นเช่นกัน

 

มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สามารถหลอกฉันได้ ซึ่งไม่ควรถูกหลอกด้วยมัน

 

“พวกเขาทุกคนขอให้ฉันทำบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจพูดในนามของพวกเขากับนาย”

 

“เรื่องอะไร?”

 

“พวกเขากลัวนาย”

 

เขาพูดอย่างสละสลวยว่าพวกเขากลัวฉัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็แค่ไม่ชอบฉัน

 

“ฉันพอจะเข้าใจพฤติกรรมของนายในระดับหนึ่ง ในวันแรกนั้นเคเยอร์ค่อนข้างก้าวร้าวต่อนายแม้แต่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”

 

“…….”

 

“ฉันแน่ใจว่ามันเป็นความผิดของเคเยอร์ที่บอกว่าการรับเข้าเรียนของนายมีการทุจริต”

 

เจ้าชายอิมพีเรียล

 

ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเจ้าชายที่ไม่พอใจคำพูดของเคเยอร์ที่บ่อนทำลายอำนาจของวิหาร นายรู้สึกสดชื่นหลังจากที่มีการต่อสู้ใช่มั้ยล่ะ?

 

“ฉันได้ยินมาว่านายทำไปเพราะไม่พอใจที่เขาดูถูกวิหาร ไม่ใช่ตัวนาย”

 

ไม่ว่าเขาจะได้ยินจากคุณเอพินฮาวเซอร์หรือผ่านช่องทางอื่น เขาก็รู้เรื่องคำแก้ตัวของฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่เบอร์ทัสรู้ว่าฉันแสร้งทำเป็นรักชาติ

 

“ในฐานะลูกศิษย์ของวิหาร ฉันต้องมองทุกคนอย่างยุติธรรม ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำ แม้ว่ามันจะเป็นความจริงที่ว่าหัวใจของฉันถูกดึงดูดไปยังผู้รักชาติแบบนี้”

 

อะไร

 

เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย มันชักจะแปลกๆละ?

 

“ไรน์ฮาร์ด ฉันชอบนายมากเลยล่ะ”

 

นี่มัน แปลกจริงไปด้วยล่ะ!

 

มือของฉันอาจจะสั่นน้อยลงถ้าเขาบอกฉันว่าเขากำลังจะฆ่าฉัน

 

เกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้? มันจะเป็นไปในทิศทางไหนกันเนี่ย?

 

เบอร์ทัสได้ยินที่ฉันพูดกับคุณเอพินฮาวเซอร์และตอนนี้กำลังชื่นชมความรักชาติของฉัน? มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเจ้าชายอิมพีเรียลมีความรักชาติที่แข็งแกร่ง

 

เพราะงั้นเขาจึงมองฉันในแง่ดี? เพราะเขาคิดว่าฉันอดทนต่อคำสบประมาทต่อตัวฉันได้ แต่จะต่อสู้ทันทีที่วิหารถูกดูถูกเพราะฉันเป็นผู้ที่รักชาติอย่างมาก?

 

เบอร์ทัสกำลังเล่นกับถ้วยชาของเขาในขณะที่ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

“ฉันคิดว่าครั้งนี้นายทำเกินไปหน่อยนะ แน่นอนว่าการแตะต้องคนในราชวงศ์นั้นอันตรายกว่าสามัญชนมาก แต่ฉันไม่ได้จะพูดถึงประเด็นนั้น”

 

“…….”

 

“ฉันเชื่อว่าจินตนาการของเพื่อนร่วมชั้นที่รักของเรากำลังโลดแล่นเกินไปอยู่”

 

“จินตนาการ?”

 

เขาหมายถึงอะไร?

 

เบอร์ทัสยิ้มขณะที่เขามองดูภูมิทัศน์ยามค่ำคืนของวิหาร ราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นบางสิ่งที่อยู่นอกขอบฟ้า

 

“ไม่มีทางที่คนที่ไม่มีความสามารถใดๆ จะมาแตะต้องคนของตระกูลชวาร์ซโดยไม่มีอะไรให้พึ่งพาเบื้องหลัง…. นั่นคือข่าวลือที่พวกเขากำลังแพร่กระจายอยู่”

 

ฉันเริ่มเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ‘ถึงเขาจะบ้า แต่ต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ๆ’ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิด

 

“ดังนั้น…. พวกเขาคิดว่าฉันกำลังซ่อนอะไรที่ยิ่งใหญ่อยู่งั้นเหรอ?”

 

“ถูกต้อง อาจเป็นพรสวรรค์หรืออาจเป็นพลังของครอบครัวคุณก็ได้….”

 

“อืม….”

 

ถ้าฉันเป็นพวกเขา ฉันก็คงไม่เข้าใจพฤติกรรมของฉันเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไรแบบนั้นอยู่เบื้องหลังฉัน พวกเขาคิดว่าคงไม่มีใครบ้าพอที่จะทุบตีคนในราชวงศ์ด้วยความเดือดดาล

 

“มันไม่ปกติ แต่ก็มีคนแบบนั้นอยู่ คนที่ซ่อนสถานะของตัวเองและเข้าวิหารในฐานะสามัญชน”

 

ฉันรู้เรื่องนั้น มีนักเรียนที่ไม่สามารถใช้นามสกุลของตนเองได้ หรือนักเรียนที่ต้องปกปิดภูมิหลังด้วยเหตุผลอื่นๆ เช่น ไม่ต้องการให้ใครเห็น มีแม้กระทั่งกรณีที่พวกเขาส่งขุนนางหนุ่มมาที่นี่ในฐานะสามัญชน ซ่อนภูมิหลังครอบครัวของเขา และสิ่งที่เขาพบเจอคือการดูถูกเหยียดหยาม เนื่องจากพวกเขาต้องการได้รับการศึกษาที่แท้จริง

 

ฉันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนพวกนั้น

 

“ที่แย่ไปกว่านั้น แม้แต่ไฮน์ริชก็เริ่มเชื่อ”

 

“……ฮะ?”

 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ไฮน์ริชหลบหน้าฉัน แสร้งทำเป็นหลับทันทีที่เขาเห็นฉัน ไม่ใช่เพราะเขาคิดว่าฉันสกปรก แต่เพราะเขาคิดว่าฉันน่ากลัวจริงๆ งั้นเหรอ?

 

“อย่างไรก็ตาม มีไม่กี่ครอบครัวที่ไม่กลัวตระกูลชวาร์ซ”

 

สิ่งต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางที่แตกต่างไปที่ฉันคาดไว้ พวกเขาคิดว่าฉันมีภูมิหลังบางอย่างที่ทำให้ฉันกล้าตบตีคนในราชวงศ์ชวาร์ซได้โดยไม่แคร์ใคร

 

“ฉันเชื่อว่าคนอื่นคิดว่าคุณเป็นลูกชายที่ซ่อนอยู่ของราชวงศ์อิมพีเรียล”

 

จินตนาการของเด็กบางครั้งก็เกินความเข้าใจของผู้ใหญ่ ไม่สิ คนบ้าที่ไหนจะส่งลูกชายที่ซ่อนอยู่มาในสภาพแวดล้อมที่มีสมาชิกราชวงศ์อยู่ถึงสองคนกัน?

 

“ฮะ….”

 

“แน่นอน ฉันรู้ว่ามันไม่จริง”

 

เบอร์ทัสมองฉันราวกับว่าเขาไม่ใช่คนโง่ที่จะเชื่อในจินตนาการเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กๆ

 

จากนั้นเขาก็เอียงถ้วยของเขา ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่บนริมฝีปากของเขา

 

“เพราะงั้นขอฉันถามอะไรนายหน่อยได้มั้ย ไรน์ฮาร์ด”

 

“อะไร?”

 

“มีใครหนุนหลังนายอยู่รึเปล่า”

 

เบอร์ทัสรู้ว่าฉันมาจากราชวงศ์เป็นเรื่องไร้สาระ อย่างไรก็ตามเขายังคงสงสัย เกี่ยวกับภูมิหลังที่แท้จริงของฉัน แม้แต่เบอร์ทัสก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อว่าฉันเป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ภูมิหลังของฉันไม่สามารถเปิดเผยได้ มันอยู่ในระดับที่ทำให้ทุกคนหันมาต่อต้านฉันได้เลย

 

“ก็ต้องไม่มีอยู่แล้วน่ะสิ”

 

ฉันถอนหายใจแล้วกอดอก

 

“ฉันไม่ต้องการภูมิหลังบ้าๆ บอๆ เพื่อต่อยคนบ้าที่พยายามถูกฉันหรอกนะ?”

 

ฉันจะไปต่อกับแนวทางนี้

 

มันสายเกินไปแล้วที่จะแก้ไขปัญหานี้ ฉันยึดติดกับเส้นทางของพวกบ้าไปแล้วล่ะ?

 

ฉันยังมีแหวนเดรดฟีนอยู่ ดังนั้นถ้ามีปัญหาฉันสามารถหายตัวไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

 

เบอร์ทัสมองมาที่ฉันอย่างว่างเปล่าด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย

 

“ฮะ…. นายหมายถึง…. ฉันไม่คิดว่ามัน…. แล้วนายไม่มีของแบบนั้นเลยเหรอ?”

 

“ใช่”

 

“นายทำอย่างนั้นแค่เพราะนายโมโหน่ะนะ”

 

“ก็ใช่”

 

“ฮะ…. ฮะ”

 

เบอร์ทัสที่ยิ้มตลอดเวลา เลียริมฝีปากเล็กน้อย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าๆๆๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ฮ่าฮ่า!”

 

แล้วจู่ๆ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เบอร์ทัสหัวเราะเป็นเวลานานเหมือนคนเสียสติ

 

หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง เบอร์ทัสก็มองมาที่ฉัน

 

รูปลักษณ์นั้นทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังดวงตาของเขาให้ความรู้สึกเหมือนงู

 

นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเบอร์ทัสแค่มองไปที่เขา ก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว

 

เขามองมาที่ฉันด้วยสายตาคู่นั้นและเอียงถ้วยชาของเขาอย่างเงียบๆ

 

“ในสถานการณ์แบบนั้น คนเรามักจะโกหก”

 

มันเป็นเรื่องโกหก

 

มันอาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องโกหกก็ได้ จริงมั้ย? ฉันมีภูมิหลังบางอย่างจริงๆอ่ะ

 

มันอาจจะเป็นพื้นหลังที่เกินจินตนาการของใครๆ

 

“ถ้านายบอกว่านายมีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมหรือบางอย่าง ฉันคงจะเลิกสนใจนายไปแล้ว”

 

เบอร์ทัสแสดงตัวตนให้ฉันเห็นแบบดิบๆ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพวกที่เคยตะคอกและสบถใส่ฉันมาก่อน

 

มันเป็นการจ้องมองของเด็กหนุ่มจริงๆ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง

 

“นายตอบอย่างตรงไปตรงมา ไรน์ฮาร์ด”

 

ดูเหมือนเขาจะคาดหวังให้ฉันหาทางออกจากสถานการณ์นี้ ฉันแค่แสร้งทำเป็นว่าเป็นคนแบบนั้นเพื่อไม่ให้ถูกตี เขาตรวจสอบประวัติฉันรึเปล่า? เขารู้แล้วหรือว่าจริง ๆ แล้วฉันไม่ใช่คนที่เด่นดัง และการที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่าเขากำลังพยายามค้นหาว่าฉันเป็นคนแบบไหน?

 

ฉันยักไหล่

 

“ฉันคงโกหกได้ว่าไม่มีอะไรใช่มั้ย”

 

“ฉันไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าเบื้องหังนายมีอะไรรึเปล่า แต่อย่างน้อยนายก็ไม่ใช่ขุนนาง”

 

เบอร์ทัสวางถ้วยชาลงแล้วใช้นิ้วลูบขอบ

 

“ไม่มีทางที่ขุนนางจะไม่รู้วิธีถือถ้วยชาหรอกนะ”

 

ชาไม่ได้เตรียมโดยไร้เหตุผล

 

เขามองผ่านฉันเพียงแค่สังเกตว่าฉันถือถ้วยชาและดื่มชาอย่างไร

 

เมื่อฉันตระหนักว่าการกระทำโดยไม่รู้ตัวทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังของฉันหายไป ฉันขนลุกไปทั้งตัว

 

ฉันเป็นคนสร้างตัวละครนี้ แต่มันยากสำหรับฉันที่จะอธิบายเป็นคำพูดว่าผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันกลัวได้อย่างไร

 

ถ้าฉันโอ้อวดเกี่ยวกับภูมิหลังของฉัน เขาคงไม่สนใจฉัน แต่ฉันบอกเขาว่าฉันไม่มีอะไร

 

“นายน่าจะบลัฟซักหน่อยนะ ไรน์ฮาร์ด”

 

“ทำไมอ่ะ?”

 

“นายเคยคิดมั้ยว่า ไฮน์ริช ฟอน ชวาร์ซจะทำอะไรกับนายได้บ้าง”

 

ฉันทำฉันก่อนจัดระเบียบความคิดในทีหลัง สำหรับราคาที่ฉันต้องจ่ายสำหรับการแตะต้องเชื้อพระวงศ์แห่งเคิร์นสตัดท์ ราชรัฐที่หนึ่งแห่งจักรวรรดิ

 

อย่างไรก็ตาม ฉันรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของไฮน์ริช ฟอน ชวาร์ซ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะทำร้ายฉันไม่ได้

 

“ฉันคิด”

 

“ทันทีที่นายก้าวเท้าออกจากวิหารนายอาจหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะไปเจอใครบางคนจากตระกูลชวาร์ซ นายไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอ?”

 

“กังวลสิ”

 

ฉันไม่ได้กังวลจริงๆหรอก เพราะเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก

 

“แล้วตอนที่ฉันบอกนายว่าไฮน์ริชกลัวภูมิหลังที่ไม่รู้จัก จะดีกว่ามั้ยถ้านายรักษาความกลัวเหล่านี้เอาไว้”

 

“คงจะเป็นอย่างนั้น”

 

“แล้วทำไมนายถึงบอกความจริงกับฉัน ไฮน์ริชมีแนวโน้มที่จะทำร้ายนาย และนายควรรู้สึกกลัวในเรื่องนี้”

 

ไฮน์ริชเป็นราชชวงศ์, และอยู่ในรอยัลคลาส

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขาถูกตัดขาดจากตระกูลไปพอสมควร

 

ไม่มีใครในตระกูลชวาร์ซมองไฮน์ริชในแง่ดี นั่นคือเหตุผลที่สถานะของไฮน์ริชเป็นเพียงเปลือกนอก ในความเป็นจริงเขาเป็นเพียงผู้ชายที่ไม่มีอำนาจหรือสถานะ

 

ดังนั้นฉันรู้อยู่แล้วว่าจะไม่มีการตอบโต้ฉันจากครอบครัวนั้นที่ทอดทิ้งเขาไป

 

อย่างไรก็ตาม การบอกเขาว่าฉันรู้เรื่องพวกนี้คงจะน่าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

 

เหตุใดฉันจึงปฏิเสธความเข้าใจผิดนี้ที่จะทำให้ฉันปลอดภัย

 

“มันคงไม่ดีแน่ที่จะโกหกหน้าด้านๆ แบบนี้ต่อหน้าองค์ชายอิมพีเรียล”

 

มันจะดีกว่าที่จะบอกว่าฉันคาดการณ์สถานการณ์นี้ ฉันคิดว่ามันอันตรายกว่าที่จะหลอกเบอร์ทัสเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากผู้ชายที่ชื่อไฮน์ริช

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ

 

เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เบอร์ทัสเริ่มจ้องมาที่ฉัน

 

“ฉันสามารถบอกไฮน์ริชเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ นายรู้มั้ย? นั่นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับนายเหรอ?”

 

ฉันรู้สึกเหมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ การที่เบอร์ทัสต่อต้านฉันจะทำให้ชีวิตของฉันตกอยู่ในความเสี่ยง ฉันตัดสินใจใช้หนทางบ้าๆ แต่เขาไม่ได้หาเรื่องกับฉันจริงๆ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ฉันจะตะคอกใส่เขา

 

“ฉันไม่คิดอย่างนั้น”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“นายบอกว่าเมื่อฉันโกหก นายจะเลิกสนใจต่อฉันในอนาคต ถ้าอย่างนั้นจะไม่หมายความว่าตอนนี้นายจะทำอะไรบางอย่างงั้นเหรอ”

 

ในสถานการณ์นี้ เบอร์ทัสจะไม่เพิกเฉยต่อฉัน แต่จะพยายามทำอะไรบางอย่าง

 

บางทีเขาอาจเสนอวิธีแก้ปัญหาให้ฉัน

 

บางทีเขาอาจจะคิดว่าฉันไม่ใช่คนที่เขาควรละเลย

 

“และฉันคิดว่าไฮน์ริชจะไม่กล้าแตะต้องฉันหรอก ไม่ว่าฉันจะมีภูมิหลังแบบใดก็ตาม ถ้าเขาไม่ใช่คนสมองตายโดยสมบูรณ์”

 

“ทำไมนายถึงคิดอย่างงั้น?”

 

“ไม่ว่าจะในหรือนอกวิหาร มันไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับนักเรียนของวิหารและนักเรียนรอยัลคลาสที่จะเสียชีวิตในเมืองหลวงการ์เดียมอย่างกระทันหัน”

 

“……”

 

“และถ้าฉันตายจริง ผู้ร้ายก็คงชัดเจนเกินไป นักเรียนสามัญชนจากรอยัลคลาสที่พึ่งต่อสู้กับสมาชิกของราชวงศ์ในอาณาเขตที่หนึ่ง ถ้ามีคนแบบนั้นตายกะทันหัน คงจะเห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของใคร”

 

ถ้าฉันตายในจังหวะนั้น คงจะชัดเจนว่าใครเป็นคนฆ่าฉัน ดังนั้น แน่นอนว่าไฮน์ริชจะเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ เบอร์ทัสยิ้มมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“เป็นไปได้ไหมที่ชวาร์ซจะใช้อำนาจของตนเพื่อปกปิดคดีนี้”

 

“นั่นสินะ มันอาจจะเกิดขึ้นก็ได้”

 

“…….”

 

“อย่างไรก็ตาม”

 

ฉันมองไปที่เบอร์ทัสและยิ้ม

 

ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ฉันหยุดไม่ได้แล้ว

 

“ฉันไม่คิดว่าบ้านเกิดของเรา จักรวรรดิ จะถูกครอบงำด้วยอำนาจจากอาณาเขตได้ แถมพวกเขาอาจจะถูกขอให้จ่ายค่าเสียหายที่ทำให้เกียรติยศของวิหารเสื่อมเสียอีก?”

 

ริมฝีปากของเบอร์ทัศมีปฏิกิริยากับคำว่า ‘บ้านเกิด’ เขารักชาติยิ่งกว่าคุณเอพินฮาวเซอร์อีกงั้นเหรอ?

 

ตอนนี้ฉันคิดเกี่ยวกับมันแล้ว การตายของฉันจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้มาก ฉันรู้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น แต่ฉันตัดสินใจที่จะใช้ความเชื่อมั่นของฉันในวิหารและจักรวรรดิเป็นเหตุผลสำหรับความเชื่อนั้น เบอร์ทัสดูเหมือนจะชื่นชมการตัดสินใจของฉัน

 

เบอร์ทัสชอบคนฉลาด แน่นอนว่าเขาหยิบฉวยบางอย่างเกี่ยวกับฉัน แต่มันแตกต่างจากการตัดสินของเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ แน่นอน เป็นเพราะฉันรู้บางอย่างเกี่ยวกับสามัญสำนึกของสถานที่นี้

 

“ยอดเยี่ยมมาก”

 

เบอร์ทัสยิ้มราวกับว่าไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว

 

“เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันมาชอบคนที่ชอบวางท่าอย่างนาย”

 

จะเกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์นี้นะ

 

“ไรน์ฮาร์ด มาสนุกกับชีวิตที่วิหารด้วยกันเถอะ”

 

“……โอเค”

 

ทำไมคนแรกที่ชอบฉันด้วยที่วิหาร ถึงเป็นวายร้ายกันนะ?

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

Status: Ongoing
หลังจากที่ตายนักเขียนนิยายสุดห่วยได้ถูกส่งไปเป็นหนึ่งในตัวละครของนิยายของเขา “ให้ตายเถอะ!! ทำไมฉันถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!” ด้วยความโชคร้าย ตัวละครที่ได้จากการสุ่มนั้นคือเจ้าชายปีศาจ ตัวละครที่ไม่มีในเรื่อง ไม่ใช่แม้กระทั่งตัวประกอบด้วยซ้ำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท