ตอนที่ 382 ได้ยินว่าหล่อนลาออกจากโรงเรียนไปทำแท้ง
ตอนที่ 382 ได้ยินว่าหล่อนลาออกจากโรงเรียนไปทำแท้ง
หลังจากที่เจียงอวี่เฟยกลับถึงบ้าน เธอก็พูดคุยกับเจียงกั๋วเซิ่งด้วยท่าทางจริงจังมากเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเขาและหวังซิ่วฟาง
“พ่อ ถ้าพ่อไม่คิดจะแต่งงานกับหวังซิ่วฟาง พ่อก็อย่ารั้งหล่อนไว้เลยค่ะ”
เจียงกั๋วเซิ่งมองดูลูกสาวที่ทำหน้าตาจริงจัง แล้วปฏิเสธว่า “พ่อไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะไม่แต่งงานกับหล่อน หล่อนมาพูดอะไรกับลูกอีกล่ะ?”
“หล่อนไม่ได้พูดอะไรเลยต่างหาก พ่อคะ ฉันรู้ว่าพ่อให้ความสำคัญกับฉันเป็นอันดับแรก หรืออาจกังวลว่าแม่เลี้ยงกับฉันจะเข้ากันไม่ได้หลังจากที่พ่อแต่งงานใหม่ หรือกลัวว่าฉันจะไม่สบายใจที่จะกลับบ้าน อันที่จริงพ่อไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องพวกนี้เลย ฉันโตแล้ว โตพอที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง อีกอย่างน้าหวังไม่ใช่คนใจแคบ ต่อให้พวกคุณแต่งงานกัน เราทุกคนก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิม มีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้าครอบครัวก็ยิ่งอบอุ่น และฉันก็ต้องการความอบอุ่นที่ว่านี้เหมือนกัน”
“เด็กน้อย พ่อรู้ว่าซิ่วฟางเป็นคนดีมาก แต่พ่อกลัวว่าลูกจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการที่มีสมาชิกอีกสองคนเพิ่มมาในบ้านได้ ทุกคนต่างก็เป็นผู้หญิง พอมาอยู่ด้วยกันแล้วต้องมีปัญหากระทบกระทั่งกันอย่างเลี่ยงไม่ได้”
“ไม่หรอกค่ะ พวกเราไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น เราทั้งคู่ต่างก็มีเหตุผล ติดตรงไหนแค่พูดคุยกันดี ๆ ก็ได้แล้ว พ่ออย่าเอาแต่คิดมากเกินไป ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณกำลังเป็นไปด้วยดี ก็ควรรีบจัดการให้มันถูกต้องอย่างเร็วที่สุด ขืนเอาแต่หาข้ออ้างยื้อเวลาออกไป ระวังเถอะสักวันหล่อนจะกลายเป็นภรรยาของคนอื่นไปแทน”
เจียงกั๋วเซิ่งรู้ว่าลูกสาวของเขาเป็นคนมีเหตุผล และสิ่งที่หล่อนพูดก็สมเหตุสมผลเช่นกัน แต่เขาเคยเห็นหลายกรณีที่คู่รักต้องเลิกรากันเพราะมีตัวแปรคือลูก
ดังนั้น เขาจึงไม่มีความกล้ามากพอที่จะก้าวไปถึงจุดนั้น
“พ่อ ถ้าพ่อไม่อยากแต่งงานก็รีบเลิกกับหล่อนซะ อย่ารั้งหล่อนไว้เลย ปล่อยให้หล่อนไปหาคนอื่นดีกว่า ฉันได้ยินมาว่าเร็วนี้มีผู้ชายหลายคนในโรงงานเริ่มสนใจถามไถ่ถึงหวังซิ่วฟางบ้างแล้ว หล่อนอายุแค่สามสิบต้น ๆ ก็เหมือนกับเซี่ยอวี่อาของหลินเซี่ยที่ยังไม่แต่งงาน แม้จะอยู่ในวัยสามสิบเศษ แต่หวังซิ่วฟางไม่ได้ไก่กาเลยนะคะ ต่อให้พ่อไม่ต้องการก็ยังมีคนอีกมากที่รอต่อแถว”
เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
หัวใจพลันจุกตื้นขึ้นมากลางอก
เขาเชื่อสิ่งที่ลูกสาวพูดอย่างสมบูรณ์
ในฐานะลุงวัยกลางคนที่อายุย่างเข้าวัยสี่สิบ ก็มีแม่สื่อมากมายมาทาบทามให้เขาแต่งงานในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหวังซิ่วฟางซึ่งมีอายุเพียงสามสิบต้น ๆ เท่านั้น
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงวิกฤติ
“เอาล่ะ พ่อจะกลับไปทบทวนดูใหม่”
เจียงกั๋วเซิ่งเพิ่งได้ยินเจียงอวี่เฟยพูดถึงเซี่ยอวี่ เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อาของเซี่ยเซี่ยใช่ราชินีแห่งภาพยนตร์ฮ่องกงที่ได้รับการพูดถึงในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อไม่กี่วันก่อนไหม?”
เจียงอวี่เฟยประหลาดใจที่พ่อของตนรู้เรื่องนักแสดงสาวคนนี้ด้วย สีหน้าของเธอสดใสขึ้น “พ่อก็รู้จักหล่อนด้วยเหรอคะ?”
“รู้สิ เมื่อหลายปีก่อนพ่อเคยดูหนังและละครที่หล่อนแสดง”
เจียงกั๋วเซิ่งพูดถึงเซี่ยอวี่ด้วยสีหน้าเขินอาย “พ่อบังเอิญเห็นรูปหล่อนในหนังสือพิมพ์เมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่าจะเดินทางมาที่นี่เพื่อร่วมเป็นกรรมการผู้ตัดสินในรายการประกวดนางแบบ โลกนี้กลมดีแท้ ไม่น่าเชื่อว่าดาราดังในทีวีจะอยู่ใกล้ชิดกับเรามาก”
แถมอีกฝ่ายยังมีสถานะเป็นอาของหลินเซี่ยอีก
เจียงกั๋วเซิ่งอยากถามจริง ๆ ว่าเขาพอจะมีโอกาสได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซี่ยอวี่หรือไม่ เพราะถึงอย่างไรหล่อนก็เคยแสดงเป็นองค์หญิงตัวละครโปรดของเขาในละครแนวกำลังภายในที่เขาเคยดู
เพียงแต่เจียงกั๋วเซิ่งรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าลูกสาว
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ปรากฏว่าตัวตนของหลินเซี่ยนั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
พ่อของเธอคือวีรบุรุษซึ่งเคยอยู่ในสนามรบ และรอดพ้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิด อาก็เป็นถึงราชินีแห่งวงการภาพยนตร์
เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลยสมัยยังอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น ตอนนี้สวรรค์เมตตาเธอแล้ว ถือได้ว่าเป็นพรหลังจากผ่านความยากลำบากทั้งหมดมาได้
ทันทีที่เจียงกั๋วเซิ่งพูดถึงรายการประกวดนางแบบ หัวใจของเจียงอวี่เฟยก็กระตุกวูบ
เมื่อหล่อนกำลังจะหาข้ออ้างที่จะกลับเข้าห้อง เจียงกั๋วเซิ่งก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า
“จริงสิ ช่วงนี้เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนในโรงงานต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับการประกวดนางแบบ ลูกเคยได้ยินผ่านหูบ้างหรือเปล่า?”
เจียงอวี่เฟยแสร้งทำเป็นสงบ ตอบกลับด้วยท่าทางเฉยเมย “เพื่อนร่วมชั้นก็คุยกันถึงเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ”
เจียงกั๋วเซิ่งมองไปที่เจียงอวี่เฟย แล้วเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ลูกห้ามไปยุ่งกับการประกวดพรรค์นั้นเด็ดขาด ได้ยินมาว่าพวกหล่อนใส่ชุดชั้นในขึ้นเวที คนหนุ่มสาวสมัยนี้ในทุกวันนี้ทำอะไรไม่เห็นแก่หน้าพ่อแม่เลยจริง ๆ ผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ไม่สนใจศีลธรรมอันดีเลยหรือยังไง?”
เจียงอวี่เฟยปกป้อง “พ่อ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว อีกอย่างเสื้อผ้าที่พวกหล่อนใส่ไม่ใช่ชุดชั้นในซะหน่อย แต่เป็นชุดที่เรียกกันว่าบอดี้สูท”
ตัวเสื้อและกางเกงท่อนล่างเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เปิดเผยให้เห็นเพียงแขนและขาเท่านั้น ส่วนที่ควรปกปิดก็ยังคงถูกปกปิดอยู่ ไม่ได้เปิดเปลือยเกินจริงอย่างที่พ่อของหล่อนให้คำนิยาม
เจียงกั๋วเซิ่งตะคอก “ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ผู้หญิงก็ไม่ควรออกทีวีโดยใส่ชุดชั้นในแค่ตัวเดียว อีกหน่อยพวกเธอจะหาผู้ชายมาแต่งงานด้วยได้ยังไงถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าสมัยสาว ๆ เคยนุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นเวที”
“ก็ไม่แต่งงานไงคะ”
“นี่…”
เมื่อเห็นว่าพ่อของหล่อนกำลังจะระเบิดอารมณ์ เจียงอวี่เฟยก็สวนกลับทันควัน “พ่อ ไม่ต้องกังวล ฉันเชื่อฟังพ่ออยู่แล้วค่ะ ไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่นอน”
“ดีแล้วลูกสาวที่ยังเชื่อฟังพ่อคนนี้”
“รู้ไหมว่าเสิ่นเถี่ยจวินลางานยาวไปพักร้อน?” เจียงกั๋วเซิ่งมองไปทางหน้าต่าง แล้วพูดกับเจียงอวี่เฟยด้วยน้ำเสียงลึกลับ “พ่อได้ยินผู้หญิงในอาคารคุยกัน ว่ากันว่าเสิ่นอวี้อิ๋งพลาดตั้งท้องลูกของหลิวจื้อหมิง เพราะอย่างนั้นหล่อนก็เลยลาออกจากโรงเรียนไปทำแท้งไงล่ะ”
เสิ่นเถี่ยจวินบอกเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าเขาจำเป็นต้องลาพักร้อนเนื่องจากธุระส่วนตัว
หลังจากนั้น ข่าวลือต่าง ๆ ทั้งจริงและเท็จก็แพร่สะพัดไปทั่วบริเวณ
บางคนบอกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งไปทำแท้ง บางคนก็บอกว่าหล่อนหนีไปคลอดลับ ๆ
แน่นอนว่าคำอธิบายที่ตระกูลเสิ่นมีให้ทุกคน คือพวกเขาไปเมืองอื่นเพื่อรับการรักษา
เจียงกั๋วเซิ่งเป็นกังวลตั้งแต่เขาได้ยินข่าวลือจากคนอื่น ๆ
ทุกครั้งที่เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นระหว่างชายหญิง ฝ่ายหญิงจะเป็นคนที่ต้องแบกรับความทุกข์ทรมานเสมอ
ครอบครัวเสิ่นพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อระงับข่าวลือ โดยบอกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แต่แม่ของหลิวจื้อหมิงกลับเอาแต่คุยโวอยู่ในลานหน้าอาคารตลอดทั้งวัน จงใจบอกทุกคนเป็นนัยกับว่าหล่อนกำลังจะเป็นคุณย่า
ทุกครั้งที่เซี่ยหลานออกมาจากห้อง หล่อนมักจะก้มหัวต่ำมากจนคางเกือบสัมผัสปลายเท้า
ถึงจะประกาศว่าเสิ่นอวี้อิ๋งป่วยและอยู่ในระหว่างเข้ารับการรักษา แต่เมื่อสังเกตจากท่าทางอับอายจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ของหล่อน ก็ถึงมองออกว่าข่าวซุบซิบที่แพร่สะพัดไปทั่วนั้นเป็นเรื่องจริง
เขาหันมองลูกสาว แสดงออกชัดว่าเขาสะเทือนใจแค่ไหน
เด็กที่โตขนาดนี้ ความจริงถึงวัยที่สมควรจะตกหลุมรักแล้ว
ในฐานะพ่อ เขากลับรู้สึกเคอะเขินเกินกว่าที่จะอบรมเรื่องส่วนตัวกับลูกสาวอย่างเปิดเผย
ในเวลานี้ เขาได้แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในครอบครัวจะมีผู้หญิงสักคน ที่สามารถสนทนาอย่างใกล้ชิดกับลูกสาวของเขาได้
เจียงกั๋วเซิ่งมองไปที่ลูกสาวของเขา หลังจากเงียบไปเป็นเวลานาน เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะโจมตีด้วยสีหน้าเข้มงวด
“อยู่ที่โรงเรียนลูกต้องตั้งใจเรียนให้หนัก ต้องปกป้องตัวเองไว้ให้ดี อย่าทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ เด็ดขาด เข้าใจไหม?”
เจียงอวี่เฟยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ฉันรู้ค่ะ”
“ถ้าลูกกำลังคบหากับใครสักคน ช่วยบอกให้พ่อรู้โดยเร็วที่สุดด้วย”
หลังจากที่เจียงกั๋วเซิ่งพูดจบ เขาก็เปลี่ยนใจและพูดว่า “ไม่สิ ตอนนี้ลูกยังเป็นนักศึกษาอยู่ พ่อยังไม่อนุญาตให้มีแฟน”
“ไม่มีหรอกค่ะ วัน ๆ ฉันก็เอาแต่เรียน”
เจียงอวี่เฟยหาข้อแก้ตัวเพื่อรีบหลบเข้าไปในห้อง
ขณะนอนอยู่บนเตียงก็เริ่มรู้สึกเศร้าเสียใจ
หล่อนไม่ได้เสียใจที่พ่อไม่ยอมให้มีแฟน
เหตุผลหลักเป็นเพราะการประกวดในปัจจุบันต่างหาก
เมื่อพิจารณาจากทัศนคติล้าสมัยของผู้เป็นพ่อ ถ้าเขารู้เข้าว่าหล่อนเข้าร่วมการประกวดนางแบบ เขาไม่เพียงแต่จะหักขาหล่อนทิ้งเท่านั้น แต่อาจจะถึงขั้นอัปเปหิหล่อนออกจากบ้าน และปฏิเสธไม่ยอมรับเป็นลูกสาวอีกต่อไป
รอบรองชนะเลิศอยู่ใกล้แค่เอื้อม ดังนั้นจึงไม่ควรมีอะไรผิดพลาด
หล่อนเดินหน้ามาไกลขนาดนี้แล้ว ยังมีไฟอยากจะวิ่งทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ความปรารถนาของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด ตอนแรกที่ตัดสินใจสมัครรอบคัดเลือก หล่อนแค่อยากพาตัวเองเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศการประกวด และเห็นความทันสมัยของผู้หญิงยุคใหม่
ต่อมาพอผ่านเข้าสู่รอบแรก และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ความทะเยอทะยานของหล่อนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
หล่อนอยากเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่งไม่ใช่ที่สอง
ถึงอย่างนั้น พ่อคือบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต หล่อนไม่อยากให้เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก และแน่นอนว่าหล่อนไม่อยากให้พ่อต้องผิดหวังในตัวลูกสาวคนนี้
หล่อนรู้สึกเคว้งคว้างเหลือเกิน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เมื่อความฝันสวนทางกับครอบครัว จะทำยังไงดีน้ออวี่เฟย หวังว่าแม่เลี้ยงคนใหม่จะมาทำให้พ่อยอมเปิดใจนะคะ
ไหหม่า(海馬)