Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru – ตอนที่ 26

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

<มุมมองของ ฮิซามูระ สึคาสะ>

 

เห้อ~ เมื่อกี้พลาดไปหน่อยเเล้วสิเรา

 

เพราะเซย์จังดูตั้งหน้าตั้งตาที่จะขึ้นรถไฟเหาะนั่นมาก ชั้นถึงนั่งตามเธอไปด้วยก็เถอะ เเต่จะว่าไปเเล้วชั้นไม่ถูกกับอะไรอย่างนั้นนี่หว่า

 

เรื่องหวาดเสียวก็ว่าไปอย่าง เเต่เพราะเเก้วหูของชั้นมันค่อนข้างอ่อนไหวเลยทําให้มึนเมากับของเเบบนั้นได้ง่าย

 

ดันโชว์ด้านเห่ยๆให้เซย์จังเห็นซะเเล้วสิ… เลวร้ายที่สุดเลยเเฮะ

 

ถึงอย่างนั้นดูเหมือนเซย์จังจะรู้สึกสนุกขึ้นมาเเล้วนี่นะ โล่งอกไปที

 

กลับกันขนาดเห็นด้านเฉิ่มๆของชั้นเเล้ว เธอกลับดูมีความสุขด้วยซํ้า ถึงจะรู้สึกสับสนนิดหน่อย เเต่ก็ยังดีกว่าการที่เธอรู้สึกผิดหวังละกัน

 

เอาเป็นว่า ก่อนอื่นตอนนี้ชั้นได้ทําการพักผ่อนเเละฟื้นตัวเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว พวกเราจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งยูอิจิได้บอกมาทาง RINE

 

ดูเหมือนตอนนี้ยูอิจิกับฟุจิเสะจะอยู่ที่ร้านเเผงลอย ซึ่งพวกเขาสามารถซื้ออาหารเเละนั่งทานที่นั่นได้

 

ในระหว่างที่ชั้นกับเซย์จังมุ่งหน้าไปที่นั่น พวกเราก็เเวะตามร้านเเผงลอยเพื่อซื้อมื้อเที่ยงไปด้วย

 

ชั้นซื้อฮอทด็อกโดยไม่คิดอะไรให้มากความ ในขณะที่ทางเซย์จังซื้อเครปมาเพียงอย่างเดียว

 

“้เซย์จัง เเค่นั้นจะพอเหรอ?”

“อา เเรกเริ่มเดิมทีฉันก็เป็นพวกกินน้อยมาเเต่ไหนเเต่ไรเเล้วล่ะ เเถมนี่ก็ค่อนข้างเยอะเลยนะ”

“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็เเล้วไป”

 

ในใจก็อยากจะถามว่า “มื้อเที่ยงเเค่เครปชิ้นเดียว สารอาหารมันจะพอเร้อ~” อยู่หรอก

 

เเต่เอาไว้เเค่นี้ก่อนดีกว่า ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันเดทอันเเสนพิเศษของสองเราทั้งที

 

จะว่าไปเเล้วฮ็อทด็อกชิ้นเดียวของชั้นมันก็ไม่ค่อยถูกหลักโภชนาการเหมือนกันนั่นเเหละ ไม่มีสิทธิบ่นกับเขาหรอก

 

เอาเข้าจริงเด็กม.ปลายสมัยนี้ เเค่ชานมไข่มุกเเก้วเดียว ก็เกินพอสําหรับมื้อเที่ยงเเล้วไม่ใช่รึไง

 

ชั้นกับเซย์จังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งสองคนนั้นอยู่ ก่อนจะยืนยันร่างของทั้งคู่จากบริเวณที่ห่างออกไปเล็กน้อย

 

ถึงเเม้พวกเราจะนั่งอยู่ในจุดทานอาหารเดียวกัน เเต่ด้วยความที่โต๊ะของพวกเราค่อนข้างห่างกัน ทําให้ทั้งคู่ไม่สังเกตถึงพวกเรา หลังจากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างกินอาหารที่ตนซื้อมา

 

เซย์จังซึ่งนั่งอยู่ต่อหน้าชั้น อ้าปากกว้างๆก่อนจะกัดเข้าไปที่เครปอย่างเอร็ดอร่อย

 

ทั้งๆที่ปกติเป็นสาวคูลมาดเท่เเท้ๆ เเต่พอเวลาเเบบนี้ดันเป็นพวกชอบทานของหวานซะงั้น เเก๊ปโมเอะนี่มันดีชะมัดเลยเฟ้ย

 

ชั้นคิดเรื่องพรรค์นั้น ในระหว่างที่มองไปทางเซย์จัง เเน่นอนว่าถ้าจ้องขนาดนั้น เธอต้องรู้สึกถึงสายตาของชั้นอยู่เเล้ว

 

“มะ.. มีอะไรล่ะ? จ้องกันซะขนาดนั้น”

“หืม? ก็ไม่มีอะไรหรอก”

“ระ.. หรือว่านาย… จะอยากกินเครปนี่งั้นเหรอ?”

“เอ๋?”

 

ดูเหมือนเซย์จังจะคิดว่าสาเหตุที่ชั้นจ้องไปทางเธอ จะเป็นเพราะอยากกินเครปเเฮะ

 

“ถะ.. ถึงอย่างนั้นก็เถอะจะให้เเบ่งอาหารด้วยกัน นี่มัน…!”

“เอ่อ คือว่า…”

“มะ.. มันก็กลายเป็นจูบทางอ้อมน่ะสิ…!”

“หืม!”

 

ต่อเซย์จังซึ่งพูดออกมาเเบบนั้นด้วยความเขินอายอย่างสุดขีด ชั้นเผลอกรีดร้องในลําคอต่อความน่ารักอันมหาศาลนั่นเลยทีเดียว

 

“เซย์จัง ไม่ใช่ว่าชั้นอยากจะกินเครปนั่นหรอกนะ”

“เอ๊ะ… งั้นหรอกเหรอ?”

“อืม เเค่คิดว่าเซย์จังที่กินเครปด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยน่ารัก ก็เท่านั้นเเหละ”

“มะ.. ไม่ว่าจะอย่างไหน ก็มีเเต่ฉันที่ต้องอายนี่!”

“เเหะๆ ขอโทษละกัน”

 

รู้สึกว่าชั้นจะเอาคืนจากที่โดนเเกล้งตอนรถไฟเหาะเมื่อกี้ได้เเล้วสินะ

 

“…เอ้า!”

“มะ.. มีอะไรเหรอ? ยื่นเครปมาทางฉันเเบบนั้น”

“นะ.. นายเองก็กินกับเขาด้วยสิ! ฉันไม่ชอบเลยนี่นะที่มีเเค่ฉันคนเดียวที่ต้องอายน่ะ!”

“เอ๋? เเต่ว่า… จะดีเหรอ?”

“เอาเถอะน่า!”

 

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเตรียมใจเเม้กระทั่งจูบทางอ้อมเเล้ว ถึงขนาดที่เซย์จังยื่นเครปมาให้เเบบนี้

 

เเถมไม่ใช่เเค่นั้นเนื่องจากชั้นต้องกัดมัน ในขณะที่เซย์จังถืออยู่ ยิ่งทําให้มันน่าอายขึ้นไปอีก

 

คุ… ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะเตรียมใจที่จะระเบิดตัวเองไว้เเล้ว

 

สําหรับชั้นการได้จูบทางอ้อมกับเซย์จัง มันก็ต้องเป็นเรื่องน่ายินดีเเหงเเซะ ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะทํายังไงก็ละทิ้งความเขินอายซึ่งก่อตัวขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี

 

เเต่ว่าถ้าเซย์จังยื่นมาให้พร้อมพูดว่า “อ้าม~” เเบบนั้น ใครมันจะไปปฏิเสธสถานการณ์ที่จะได้จูบทางอ้อมกับเธอได้กันล่ะฟะ

 

“ถะ.. ถ้างั้น… ทานล่ะนะคร้าบ~”

“ชะ.. เชิญค่ะ~”

 

ชั้นสละความเขินอายของตัวเอง ก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้าอ้าปากกว้างๆเเละกัดเครปลงไป

 

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะกินส่วนที่เซย์จังยังไม่ได้ทานอยู่หรอก เเต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะมันถูกกัดไปค่อนข้างเยอะเเล้ว

 

เครปควรจะเต็มไปด้วยรสชาติของช็อคโกแลตเเละวิปครีมเเท้ๆ… เเต่เพราะความอับอายทําให้ไม่ค่อยจะรู้รสสักเท่าไหร่เลย

 

“ปะ.. เป็นไง? อร่อยมั้ย?”

“อะ.. อืม ก็อร่อยดีนะ”

“งะ.. งั้นเหรอ…”

 

หลังจากนั้นเซย์จังก็ทําท่าลังเลเล็กน้อย… ก่อนจะกัดคําโตๆลงไปบนส่วนที่ชั้นกินไป

 

“อื้ม วะ.. หวานจังเลยน้า~”

“อะ.. อืม หวานเนอะ~”

 

[คนเเปล : พวกเอ็งเเหละเฟ้ยยยที่หวานนน!!!]

 

เรื่องที่ว่าเครปหวานขนาดไหนชั้นก็จําไม่ค่อยได้หรอก เเต่ตอนนี้ดูเหมือนบรรยากาศหวานชื่นจะเเผ่ออกมาจากพวกเราอย่างโจ่งเเจ้งเลยเเฮะ…

 

บรรยากาศเเบบนี้ชั้นก็เคยเห็นผ่านตาในมังงะอยู่บ้างเหมือนกัน เเต่ก็ไม่เคยประสบจริงๆสักครั้ง… ไงดีล่ะโคตรจะน่าอายเลยนี่หว่า

 

บางทีเซย์จังอาจจะคิดเเบบนั้นเหมือนกัน ใบหน้าของเซย์จังขึ้นสีด้วยความเขินอายอย่างขัดเจน

 

หลังจากนั้นชั้นกับเซย์จังก็หันมาสบตาอย่างพร้อมเพรียงกัน… คงเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศเเบบนี้มันไร้สาระมั้ง พวกเราจึงหัวเราะออกมา

 

“เเหะๆ ไม่นึกเลยนะว่าเซย์จังจะทําเรื่องน่าอายเเบบนั้นกับเขาได้ด้วย”

“ฟุฟุๆ ฮิซามูระเองก็เถอะ บิดตัวเขินอายซะขนาดนั้น”

 

อา เเย่เเล้วสิ ได้ใช้เวลาอย่างสุขสันต์ไปกับเซย์จังเเบบนี้… ชั้นมีความสุขซะจนตายตาหลับเเล้วล่ะ

 

ต่อจากนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่พวกเรารับประทานอาหารเสร็จพอดี ยูอิจิกับฟุจิเสะเองก็กินเสร็จเเล้วเหมือนกัน ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะย้ายไปยังจุดอื่น

 

ฝั่งยูอิจิกับฟุจิเสะดูเหมือนจะเริ่มลงมือทานก่อนพวกเราเล็กน้อย เเต่รู้สึกพวกเขาจะซื้อของกินมาเยอะทําให้ใช้เวลาค่อนข้างนาน

 

“ชั้นก็พอเข้าใจยูอิจิอยู่หรอก เเต่ฟุจิเสะเองก็กินจุเหมือนกันนะเนี่ย”

“นั่นสินะ ชิโฮะก็กังวลเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน เเต่ชิเกโมโตะก็ดูจะเป็นพวกกินเยอะซะด้วยสิ เรียกว่าตรงจุดนั้นพวกเขาเหมาะสมกันก็ได้มั้ง”

 

เเม้เเต่ในต้นฉบับก็ไม่ได้บรรยายไว้สักนิดว่าฟุจิเสะกินจุถึงขนาดนั้น ทําให้ชั้นรู้เรื่องนี้เป็นครั้งเเรก

 

พูดตามตรง มังงะอันมีนามว่า “โอโจ้วจามะ” เเห่งนี้ ถึงจะเป็นมังงะอันเเสนโด่งดัง เเต่ก็ยังตีพิมพ์ออกมาได้ไม่นานนัก

 

เนื่องจากยังออกมาไม่ถึงสิบเล่มเสียด้วยซํ้า จึงทําให้ยังมีข้อมูลเบื้องลึกของตัวละครอีกมากมายที่ยังไม่ถูกเปิดเผย

 

หลังจากนั้นไม่นาน ในระหว่างที่เฝ้าดูสองคนนั้นเพ่นพ่านไปตามจุดต่างๆของสวนสนุก พวกเราก็ตามทั้งคู่เข้าไปในเครื่องเล่นที่พวกเขาเล่นด้วย

 

เเน่นอนว่าเป้าหมายหลักของพวกเราคือการเฝ้าระวังให้พวกเขา ฉะนั้นจึงไม่ได้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นทุกอันเเต่อย่างใด

 

ผ่านมาเกือบ 2 ชั่วโมงเเล้ว นับเเต่ที่พวกเราทานมื้อเที่ยง เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่มีร่องรอยว่าโทโจวอินซังจะเข้ามาขัดขวาง

 

จนมาถึงตอนนี้ทุกอย่างยังดําเนินไปตามเนื้อเรื่องต้นฉบับเป๊ะๆ ดูเหมือนโทโจวอินซังจะยังไม่เข้ามาขัดขวางในตอนนี้

 

เอาล่ะ จุดที่พวกเขาจะไปต่อคือตรงนั้นรึเปล่านะ?

 

เมื่อพูดถึงสถานที่ซึ่งพวกเขาเข้าไปในเนื้อเรื่องต้นฉบับ ก็ต้องเป็นไอนั่นสินะ… ว่าเเล้วเชียว

 

“บ้านผีสิงจริงด้วย”

 

นี่คืออีเว้นต์บ้านผีสิงซึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างเดทที่สวนสนุกในมังงะเลิฟคอมเมดี้ทั้งหลายยังไงล่ะ

 

มันเป็นสถานการณ์ที่จะทําให้นางเอกต้องตื่นกลัวเเล้วร้อง “เคี๊ยย~” ก่อนที่ตนจะเอาร่างกายมาติดหนึบกับเด็กหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้ ของที่อย่างกับ “ลามกโชคช่วย” เเบบนั้นไง

 

ยูอิจิกับฟุจิเสะก็เข้าไปกับเขาด้วยเหมือนกันนั่นเเหละ เเต่อีเว้นต์ของเรื่องนี้มันค่อนข้างต่างกับชาวบ้านนิดหน่อย… ใครจะไปคิดกันล่ะว่ายูอิจิซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องจะไม่ถูกกับบ้านผีสิงน่ะ

 

ด้วยเหตุนั้นเเม้เเต่ในตอนนี้ที่ชั้นกับเซย์จังจับตาดูพวกเขาอยู่ ยูอิจิก็พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อขอร้องให้ฟุจิเสะหยุดความคิดเรื่องที่จะไปบ้านผีสิง

 

“ฟุ.. ฟุจิเสะ ตะ.. ตรงนี้ไม่ต้องเข้าก็ได้มั้ง? นั่นไง ที่เเบบนี้ส่วนใหญ่มันก็เอาไว้หลอกเด็กทั้งนั้นเลยนี่ ไม่ใช่สถานที่ซึ่งเด็กม.ปลายอย่างพวกเราควรเข้าไปหรอกเนอะ?”

“เอ๋~ เเต่ชั้นชอบอะไรเเบบนี้ออกนะ? เเถมต่อให้จะเป็นของหลอกเด็กก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ไหนๆก็มาถึงสวนสนุกทั้งที ต้องลองย้อนความกลับไปวัยเด็กบ้างสิ อ๊ะ? หรือว่าชิเกโมโตะคุงจะกลัวกันน้า~?”

“มะ.. ไม่ใช่เเบบนั้นสักหน่อย! เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”

“ฟุฟุ~ จริงด้วยนะ”

 

อืม เป็นไปตามเหตุการณ์ในต้นฉบับทั้งหมด

 

ในใจฟุจิเสะคงจะทราบดีอยู่เเล้วว่ายูอิจิไม่ถูกกับบ้านผีสิงจากปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อกี้เเละด้วยเหตุนั้นเธอถึงยิ่งอยากจะเข้าไปด้วยกันกับเขา

 

ว่าไงดีล่ะฟุจิเสะนี่ก็ซาดิสต์เอาเรื่องเหมือนกันเเฮะ

 

เอาเถอะ เเฟนๆหลายคนก็มองว่า “ตรงจุดนั้นนั่นเเหละดี!” ด้วยสิ เเถมชิเกโมโตะดันชอบซะงั้น… ถ้าเป็นเเบบนั้นจริง หรือหมอนั่นจะเป็นพวกที่มีงานอดิเรกเเบบนั้นฟะ [คนเเปล : ยูอิจิเอ็งเป็นสาย M หรอกเรอะ]

 

ไม่สิ… อาจจะจริงก็ได้?

 

…ไว้คราวหน้าลองถามหมอนั่นดูดีกว่า

 

“อื้ม ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าไปเเล้วนะ งั้นพวกเราเองก็ไป…”

“เห~ พะ.. พวกเราไม่เห็นต้องไปก็ได้นี่”

“เอ๋?”

 

ชั้นเผลอหลุดร้องอย่างสงสัยออกมาตอบสนองต่อคําพูดของเซย์จัง

 

“คะ.. คิดดูสิ ในนั้นมันมืดจะตายไม่ใช่รึไง โทโจวอินคงเข้าไปขัดขวางไม่ได้หรอก อืม ไม่เห็นเป็นไรเลย ต่อให้ไม่เข้าไปก็ไม่มีปัญหา”

 

ถึงพวกเราจะไม่ได้เข้าไปในสถานที่ต่างๆซึ่งสองคนนั้นไปทั้งหมดก็เถอะ เเต่ไม่ว่าจะมองยังไงเซย์จังตอนนี้ก็…

 

“…เอ๊ะ หรือว่าบางทีเซย์จังจะไม่ถูกกับบ้านผีสิงงั้นเหรอ?”

“มะ.. ไม่ได้ไม่ถูกด้วยสักหน่อย! เเค่คิดว่าของหลอกเด็กพรรค์นั้น ต่อให้เข้าไปก็ไม่มีความหมายเท่านั้นเเหละ!”

 

ไม่สิ พูดเเบบเดียวกับยูอิจิเลยไม่ใช่รึไง

 

ไม่นึกไม่ฝันเลยนะว่าเซย์จังจะไม่ค่อยถูกกับพวกของน่ากลัวๆเเบบนี้… คงเป็นข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยในเนื้อหาต้นฉบับสินะ

 

เอาเถอะ ส่วนใหญ่เด็กผู้หญิงทั่วๆไปก็ไม่ค่อยถูกกับของเเบบนี้ทั้งนั้นเเหละ

 

กลับกันฟุจิเสะที่เข้าไปในนั้นด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊าต่างหากที่เเปลก

 

เเต่เพราะเเบบนั้นทําให้ชั้นอยากจะเข้าไปยิ่งกว่าเดิมอีก

 

“เเต่ชั้นออกจะชอบนะ นั่นไง ได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กเเละไปสถานที่เเบบนั้น ดูน่าสนุกจะตาย?”

“อึก…”

“นี่ๆ ลองไปกันเถอะ”

“ฉะ.. ฉันไม่ถูกกับอะไรเเบบนั้นน่ะ!”

“เอ๋?”

“ไม่ค่อยถูกด้วยน่ะ ถ้าให้เจาะจงก็บ้านผีสิงจําพวกนั้น…!”

 

โห้ ไม่คิดเลยเเฮะว่าเธอจะยอมพูดออกมาตามตรง

 

นั่นสินะ ไม่เห็นต้องฝืนตัวเองเเล้วเข้าไปเเบบยูอิจิเลยนี่นะ

 

“อ๊ะ… เป็นอย่างงั้นเองเหรอ”

“…ผิดหวังรึเปล่า?”

“ไม่หรอก ชั้นไม่รู้สึกผิดหวังกับอีเเค่เธอไม่ถูกกับบ้านผีสิงหรอกนะ ถ้าพูดอย่างนั้นตัวชั้นเองก็ไม่ค่อยถูกกับรถไฟเหาะเหมือนกันนั่นเเหละ”

“งะ.. งั้นเหรอ โล่งอกไปที”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ… ขอโทษนะ พอดีชั้นอยากจะเข้าบ้านผีสิงไปกับเซย์จังสุดๆเลยน่ะ”

“ทะ.. ทําไมล่ะ!? ก็บอกเเล้วนี่ว่าฉันไม่ถูกกับอะไรเเบบนั้น!”

“เพราะงั้นล่ะมั้ง ชั้นคิดว่าเซย์จังตอนที่ตื่นตระหนกต้องน่ารักมากเเน่ๆ”

“นะ.. นิสัยเสียชะมัดเลยนะนายเนี่ย!”

“ไม่อะๆ ถ้าพูดเเบบนั้นฟุจิเสะก็ไม่ต่างกันหรอก”

 

พูดตามตรง ในหัวของชั้นก็เเค่คิดว่ามันน่าสนุกนิดหน่อยเท่านั้นเเหละ

 

กลับกันเเล้ว เพื่อนซี้ของเซย์จังดูนิสัยเสียกว่าตั้งเยอะนะ

 

“ถ้าไม่ไหวชั้นก็ไม่คิดจะบังคับหรอกนะ เเต่ที่เซย์จังกลัวบ้านผีสิงก็เพราะเคยมาสมัยยังเป็นเด็กไม่ใช่เหรอ?”

“กะ.. ก็ใช่อยู่หรอก”

“เพราะฉะนั้นบางทีตอนนี้ พอกลายเป็นเด็กม.ปลายเเล้ว เธออาจจะสามารถก้าวข้ามเเละรู้สึกสนุกไปกับมันได้ ก็ได้นี่?”

“นะ.. นั่นสินะ”

“เอาเถอะ ถึงเป้าหมายจริงๆของชั้นจะเป็นการที่เซย์จังก้าวข้ามมันไม่ได้เลยสักนิดเเละเเสดงด้านน่ารักๆออกมาให้เห็นเยอะๆก็เถอะ”

“เห้ย เเบบนั้นมันเลวสุดๆเลยไม่ใช่รึไง”

“เเค่ซื่อตรงกับตัวเองเฉยๆ”

 

เเต่ชั้นจริงจังสุดๆเลยนะ

 

โคตรจะจริงจังสุดๆเลยล่ะ ถึงจะพูดซํ้าสองรอบ เเต่ชั้นก็คิดเเบบนั้นจริงๆ

 

ท่าทางของเซย์จังเวลาหวาดกลัวต่อผีน่ะ ต่อให้ตายก็ต้องประทับไว้ในตาคู่นี้ให้ได้เลย

 

“ของอย่างบ้านผีสิงมันก็มีไว้เพื่อให้คนหวาดกลัวนั่นเเหละ ลองมองในมุมตรงกันข้ามดูสิ เธอสามารถสนุกไปกับมันได้มากกว่าพวกคนที่ไม่กลัวกับอะไรเเบบนี้อีกนะ? ต่อให้ไม่สามารถก้าวผ่านมันได้ เเต่ชั้นคิดว่าเซย์จังจะต้องกลับมารู้สึกสนุกสุดเหวี่ยงกับบ้านผีสิงเเน่”

“นี่นายอยากจะเข้าบ้านผีสิงขนาดไหนกันห๊ะ?”

“เรื่องนั้นก็… ถึงขนาดที่เป็นจุดที่อยากเข้าไปเป็นอันดับหนึ่งในสวนสนุกเเห่งนี้เลยล่ะ”

“นะ.. นี่อยากจะเข้าขนาดนั้นเชียว”

 

พูดถึงของน่ากลัวๆเเล้ว ชั้นก็ไม่ได้อะไรกับมันเป็นพิเศษหรอก เเต่สภาพของเซย์จังตอนตัวสั่นงึกๆด้วยความหวั่นกลัวน่ะ โคตรจะอยากเห็นเลย [คนเเปล : ส่วนเอ็งเป็น S นี่หว่า]

 

“ขะ.. เข้าใจเเล้ว ถ้านายยืนกรานซะขนาดนั้น งั้นเข้าไปกันเถอะ”

“เอ๊ะ… จริงเหรอ?”

“อา ฉันเองก็คิดอยากจะก้าวข้ามจุดอ่อนนี้ของตัวเองเหมือนกัน เเถมไม่ได้ไปมาตั้งเเต่สมัยประถมเเล้วด้วย บางทีตอนนี้อาจจะไม่เป็นไรเเล้วก็ได้”

 

โห้ ไม่นึกเลยเเฮะว่าเธอจะยอมไปด้วยกันจริงๆ

 

ชั้นอยากจะเข้าไปมาก ถึงขนาดเตรียมใจที่จะคุกเข่าก้มหัวขอร้องไว้เเล้วนะเนี่ย

 

“เอาล่ะ งั้นไปกันเถอะ เเต่ถ้าไม่ไหวจริงๆมันก็มีให้เลิกกลางทางอยู่หรอก เเค่ทําเเบบนั้นก็พอเเล้ว”

“ไหนๆก็จะเข้าไปเเล้ว ฉันจะอยู่จนจบนั่นเเหละ”

 

ด้วยเหตุนี้ชั้นกับเซย์จังก็ได้ตามยูอิจิกับฟุจิเสะเข้าไปในบ้านผีสิง

 

ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่​ Ao2Sides​

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท