คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 494 ไต้ซือตาทิพย์

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 494 ไต้ซือตาทิพย์

แม้เพียงชั่วครู่ที่ฉินหลิวซีสามารถบอกได้ว่าตัวเหอโซ่วกำลังประสบกับเรื่องบางอย่าง แต่ติงหย่งเหลียงยังเผื่อใจไว้สามส่วน อย่างไรเสียเขารอมาสองสามวันฉินหลิวซีก็ยังไม่ปรากฎตัว ตอนนี้เพิ่งปรากฏตัวก็สามารถทำนายทายทักได้แม่นยำ ดูแล้วเหมือนฝีมือนางร้ายกาจ แต่ใครจะรู้อาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่พาเขาไปสวรรค์รีบไปรายงานให้นางรู้ก็เป็นได้?

แต่เหอโซ่วไม่สนอะไรแล้ว สายตาที่เขามองฉินหลิวซีเร่าร้อนราวกับมองหญิงงามนางหนึ่ง เขาถามนางอย่างกระตือรือร้น “ไต้ซือ ท่านดูให้ข้าทีว่าข้าถูกของอาถรรพ์เล่นงานเข้าแล้วใช่หรือไม่”

“หรือว่าในใจเจ้ายังไม่แน่ใจหรือ”

เหอโซ่วไอสำลักทีหนึ่ง “อย่างนั้นท่านเห็นของแปลกๆ อะไรหรือไม่ ท่านสามารถล้างอาถรรพ์ได้ไหม”

“ไม่ได้”

เหอโซ่วหนาวเยือกในใจ หน้ากลมๆ อ้วนๆ ของเขาหดลงเหลือสองนิ้ว จบกัน ข้าต้องตายแน่!

“ที่นี่เป็นร้านของสำนักนักพรตเต๋า วิญญาณทั่วไปไม่กล้าเข้า ข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ร้อยรัดเจ้าเอาไว้คืออะไร เพียงแต่ตัวเจ้ามีพลังหยินปกคลุมอยู่ พลังนี้รัดเจ้าไว้แน่น สองสามวันมานี้เจ้าไปที่ไหนมาหรือเปล่า หรือหยิบฉวยเอาสิ่งของที่ไม่ควรหยิบหรือไม่” ฉินหลิวซีมองพลังหยินที่ไหลวนเวียนร้อยรัดตัวเขาอย่างพิจารณา

“ช่วงข้ามปีไม่มีที่ไหนให้ไป ก็เลยไปเยียนฮวามาครั้งหนึ่ง…” เหอโซ่วถูกลูกตาดำเป็นมันวาวของฉินหลิวซีจับจ้อง เขารู้สึกหน้าร้อนผ่าว กระแอมออกมาทีหนึ่ง แล้วรีบอธิบายต่อ “ข้าเพียงไปดื่มเหล้า ไม่ได้ทำอย่างอื่น”

เผชิญหน้ากับคนคนนี้เหมือนเจอผี พูดถึงสถานที่อย่างเยียนฮวารู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก! รวมๆ แล้วสงสัยเป็นเพราะนางเป็นไต้ซือนักพรตเต๋า?

“แล้วเรื่องสิ่งของเล่า? เอาอย่างนี้ ช่วงนี้สิ่งที่เจ้าได้รับ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นของเล็กน้อยเท่าเล็บมือ”

“ไม่มี…เอ้อ” เหอโซ่วตอบ

เขาชะงักไป นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนปีใหม่ขึ้นได้เรื่องหนึ่ง คิดหวั่นใจขึ้นมา เขาถามอย่างระมัดระวัง “ของทุกอย่างใช่หรือไม่”

ฉินหลิวซี “แน่นอน ภูติผีวิญญาณที่ตามเจ้ามาสามารถถูกดึงดูดได้ในหลายสถานการณ์ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุเป็นผลกัน ข้าเห็นหน้าตาท่าทางเจ้ามีดาวมงคลสามประการ เกิดมาไม่ใช่สูงส่งก็ร่ำรวย บ้านเจ้าต้องมีที่ดินมากมาย เจ้าเป็นคนอายุยืนยาว ฐานะมั่งคั่งร่ำรวย ชาติหน้าก็จะไปเกิดในที่ดี”

เหอโซ่วถูกทำนายทายทักไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องดี อยู่ๆ จึงยิ้มขึ้นมาได้บ้าง

“เจ้าร่ำรวยแม้ไม่ได้เป็นใหญ่โต ชาตินี้เป็นเศรษฐีทำแต่ความดี รับรองไม่มีปัญหา”

เหอโซ่วร้องอ้า สายตาเซื่องซึม “ไต้ซือกำลังบอกว่า ข้าจะไม่ได้เป็นข้าราชการ สอบจิ้นซื่อไม่ผ่านหรือขอรับ”

ฉินหลิวซีถามกลับ “เจ้าเรียนหนังสือเป็นอย่างไร ในใจไม่ได้คิดคำนวณดูหรือ”

ก็…เหอโซ่วหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าสอบถงเซิง[1]ครั้งหนึ่ง สอบเป็นซิ่วไฉ[2]สองครั้งแต่ไม่ผ่านสักครั้ง”

ติงหย่งเหลียงเห็นบทสนทนาของพวกเขาออกนอกเรื่องไปแล้ว จึงถามขึ้น “ไต้ซือ นั่นมันเกี่ยวข้องกับพี่เหอถูกวิญญาณตามหลอกหลอนอย่างไร”

“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ข้าก็ถามไปเรื่อย ทำไม ขวางหูขวางตาคุณชายติงหรือ”

ติงหย่งเหลียง “…” ข้าอยากจะตีนางจริงๆ

ฉินหลิวซีมองไปที่เหอโซ่วแล้วเอ่ยต่อ “คุณชายติงไม่พอใจ อย่างนั้นข้าก็ไม่พูดมากแล้ว กลับมาว่ากันเรื่องของที่อยู่บนตัวเจ้า”

เหอโซ่ว “ที่จริงท่านพูดก็ไม่เห็นเป็นอะไร ข้าชอบฟัง”

ติงหย่งเหลียงคิดในใจ ข้าไม่ชอบ ข้าไม่ชอบฟัง เจ้าพูดจาไร้สาระ

“ลักษณะท่าทางเจ้าแบบนี้ คิดว่าที่บ้านคงทำแต่ความดี สั่งสมบุญกุศลจากชาติที่แล้วมามาก เกิดมาชาตินี้จึงร่ำรวยมีฐานะดี เจ้าเกิดมาในตระกูลที่ดีแบบนั้น ต้องได้รับการอบรมสั่งสอนไม่ให้รังแกผู้อื่น วางอำนาจบาตรใหญ่ ข้าก็มองไม่เห็นเคราะห์กรรมอะไรจากตัวเจ้า ในทางตรงกันข้ามเจ้ามีบุญรักษา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ากลับถูกวิญญาณคุกคาม แปดเปื้อนไปด้วยพลังวิญญาณร้าย จึงบอกได้แค่เจ้าไปในสถานที่ที่มีพลังหยิน แต่เจ้าว่าไม่ได้ไปที่ไหน อย่างนั้นก็เหลือแค่เจ้าไปหยิบเอาสิ่งที่ไม่ควรหยิบมาจึงได้ถูกรังควาน”

เหอโซ่วได้ยินดังนั้น ผ่านไปครู่ใหญ่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง สุดท้ายถึงได้อ้ำๆ อึ้งๆ พูดออกมา “เสื้อเอี๊ยมชั้นในของสตรีนับด้วยหรือไม่”

ฉินหลิวซีเพิ่งดื่มชาไปอึกหนึ่ง นางสำลักน้ำชาลงคอ “?”

ทุกคนจ้องเขาตาโต เจ้าเป็นคนโรคจิตหรือ เจ้าเป็นบุรุษไปหยิบเสื้อเอี๊ยม?

ติงหย่งเหลียงก็มองเขาปากอ้าตาค้าง เหอโซ่วเป็นคนทึ่มๆ หัวช้า แต่ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ปกติเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไปขโมยของลับของสตรีได้อย่างไร

ใบหน้าเหอโซ่วเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ บ้านข้าเปิดโรงรับจำนำ ก่อนปีใหม่ข้าอยู่ในร้าน พอดีคนดูแลร้านออกไปข้างนอก มีคนนำของมาจำนำ ของนั้นคือเอี๊ยมชั้นในของสตรีตัวหนึ่ง”

“เอี๊ยม…นั่นจำนำได้หรือ ของที่ใส่ติดตัวอย่างนี้?” ติงหย่งเหลียงรู้สึกกระดากอายที่จะพูดคำนั้นออกมา เขามองฉินหลิวซีโดยไม่ตั้งใจ นางสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด สตรีผู้นี้ไม่อายสักหน่อยเลยหรือ

เหอโซ่วกล่าว “หากเป็นเสื้อชั้นในทั่วไปแน่นอนว่าไม่มีคนมาจำนำ แต่เอี๊ยมชั้นในตัวนั้นไม่เหมือนเอี๊ยมทั่วไป มันสวยงามมาก ถักทอด้วยด้ายทอง ทั้งยังประดับด้วยลูกปัดหยก”

ติงหย่งเหลียงเอ่ยด้วยเสียงกระซิบ “ให้สวยแค่ไหน ก็เป็นของใช้ของผู้หญิง”

“ในตอนที่อีกฝ่ายมาข้าก็ตกใจอย่างมาก ยิ่งเห็นเอี๊ยมที่สวยงามไม่เหมือนกับเอี๊ยมทั่วไป ก็เลยรับจำนำ…” เหอโซ่วเองก็รู้สึกอับอาย ไม่กล้าสบตาฉินหลิวซี

ฉินหลิวซีถาม “จำนำขาด?”

“ใช่”

“แล้วเจ้าก็นำกลับบ้าน?”

เหอโซ่วพยักหน้า อธิบายว่า “ข้าเห็นมันสวยงามเป็นพิเศษ เกิดหลงใหลขึ้นมาชั่วครู่ จึง…”

ถึงตอนนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นเหมือนเห็นเขาเป็นลูกศิษย์ที่อัปลักษณ์ ไร้ยางอายไปแล้ว นั่นมันเอี๊ยมชั้นในของสตรี เป็นของที่สตรีใส่ติดตัว เจ้าเป็นบุรุษกลับขโมยไปซ่อนไว้ กลัวว่าเจ้าเป็นพวกเสพติดวิตถารจนเลิกไม่ได้

ติงหย่งเหลียงถอยหลังสองก้าวออกมาเงียบๆ

เหอโซ่วหน้าแดงเหมือนกินพริกเผ็ดร้อนเข้าไป เขาเอ่ยตะกุกตะกัก “นั่น ข้านั้นไม่ใช่คนแบบนั้น ตอนนั้นข้ารู้สึกร้อนวาบในหัวถึงได้หยิบกลับไป”

ฉินหลิวซีกลั้นหัวเราะพลางเอ่ย “ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดจะส่งให้สาวงามผู้รู้ใจคนไหนของเจ้าหรอกหรือ”

“เปล่า ข้าไม่ได้คิด”

“ให้ข้าคิดดูสักหน่อย สิ่งที่ตามติดเจ้าเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง นางว่าอยากให้เจ้าคืนของให้นางหรือไม่”

เหอโซ่วตาโต “ท่านรู้ได้อย่างไร” สตรีคนนั้นมาเข้าฝันเขาอยู่ตลอดจริงๆ นางทำปากขมุบขมิบ ตอนแรกเขาไม่รู้ว่านางเอ่ยอะไร พอฝันหลายครั้งเข้า ถึงได้รู้ว่านางพูดว่าคืนให้ข้า

ไต้ซือตาทิพย์!

“ข้าเดาเอา” อย่างไรเสียปกติเรื่องก็เป็นแบบนี้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท