ตอนที่ 80 ผ่านด่านยาก
ข่าวลือในเมืองมากมาย เช่นว่าแม้มีเรื่องราวชายหนุ่มแข็งแรงกำยำเช่นโจวทงป่วยตายฉับพลันอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็พบได้ไม่บ่อยนัก กอปรกับเหลือเพียงสองแม่ลูก ก็ยิ่งทำให้ยามคนคุยกันก็มิต้องหวั่นเกรงเรื่องใด
ไม่รู้เหตุใดข่าวลือเหล่านี้จึงไปถึงหูมารดาโจวหนิงเยวี่ย ว่าความจริงเพราะนางมีคนอื่น โจวทงถูกนางสังหาร
ตอนชุนหยาออกไปซื้อของได้ยินคนซุบซิบนินทา ก็ด่าคนปากเปราะไปยกใหญ่ พอกลับมาก็มาบอกมารดาโจวหนิงเยวี่ย
มารดาโจวหนิงเยวี่ยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
คุณหนูโค่วบอกว่าจะมีเรื่องยุ่งยากนั้นเป็นจริงดังคาด!
แม้มีการเตรียมตัวไว้แล้ว แต่หากเรื่องยังไม่เกิด ในใจก็ยังคงร้อนรน มารดาโจวหนิงเยวี่ยรู้สึกใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ คืนวันที่สิบเจ็ดก็มีคนมาตบประตูใหญ่เสียงดัง ยามนั้นก็พลันแน่ใจ
ในที่สุดก็มาถึง
ขณะมารดาโจวหนิงเยวี่ยกำลังรอปะทะกับมารดาจี้ไฉ่หลัน ก็นึกถึงวันเวลาหลังจากเข้ามาเมืองหลวง มารดาจี้ไฉ่หลันให้การดูแลแต่ละอย่างทั้งรอบคอบและใส่ใจทุกรายละเอียด กล่าวว่าเป็นพี่สาว แต่ไม่ต่างอันใดกับมารดา
และเพราะเช่นนี้ มารดาโจวหนิงเยวี่ยจึงได้รู้ว่าสถานะสามีตนในใจพี่สาวของสามีมีน้ำหนักมากเพียงใด มารดาจี้ไฉ่หลันแสดงน้ำใจให้ล้วนเพราะความผูกพันพี่น้องแน่นแฟ้น ทันทีที่สงสัยการตายของน้องชาย พวกนางก็จะกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต
ดังนั้นนางไม่อาจคิดเพ้อพกอันใดอีก นางต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะผ่านด่านยากลำบากนี้ไปให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องได้เห็นบุตรสาวออกเรือนไปกับตระกูลที่ดี
เสียงตบประตูยามวิกาลดังก้องกังวานมาก คนเฝ้าประตูเปิดประตูออก มารดาจี้ไฉ่หลันก้าวเข้ามาทันที
ด้านหลังนางมีสามีนางไล่ตามมา
คืนนี้คนที่เฝ้าอยู่ที่นี่ก็คือพี่ชายคนรองของจี้ไฉ่หลัน เห็นบิดามารดาเข้ามาด้วยกันก็งุนงง “ท่านพ่อ ท่านแม่ มาได้อย่างไรขอรับ”
พอโจวทงตาย ตระกูลโจวเหลือเพียงสองแม่ลูก กลางวันคนตระกูลจี้ก็จะมาช่วยกันทุกคน ด้วยอายุของบิดามารดาจี้ไฉ่หลันหากจะเฝ้ากลางคืน สุขภาพก็ย่อมทนรับไม่ไหว
มารดาโจวหนิงเยวี่ยเดินออกมา “พี่หว่าน พี่เขย เหตุใดจึงได้มากันยามนี้ ไม่อยู่บ้านพักผ่อนหรือ”
“ข้ามาดูหน่อย” มารดาจี้ไฉ่หลันก้าวไปถึงข้างกายมารดาโจวหนิงเยวี่ย ตรงเข้าไปหยุดหน้าโลงศพสีดำที่ตั้งอยู่กลางโถงพิธีศพ
มารดาโจวหนิงเยวี่ยมองไปทางบิดาจี้ไฉ่หลันอย่างไม่เข้าใจ
บิดาจี้ไฉ่หลันสีหน้าเก้กัง “พี่หว่านเจ้าไม่รู้คิดอันใดขึ้นมา”
“น้องพี่ น้องชายที่น่าสงสารของพี่ เหตุใดเจ้ามาด่วนจากไปเช่นนี้…” มารดาจี้ไฉ่หลันร่ำไห้ ทำให้บรรยากาศในโถงตั้งพิธีศพยิ่งรันทด
โจวหนิงเยวี่ยดึงแขนเสื้อมารดา เผยสีหน้าหวาดกลัว “ท่านแม่…”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยตบหลังมือบุตรสาว “ไม่ต้องกลัว ท่านป้าเจ้าเสียใจมากเกินไป”
ปฏิกิริยาสองแม่ลูกทำให้บิดาและพี่ชายจี้ไฉ่หลันรู้สึกเกรงใจ
“ท่านแม่ ท่านรีบกลับเถอะ”
“ใช่ ดูเจ้าสิ อยากจะมาพรุ่งนี้เช้าค่อยมาก็ได้ ดึกแล้ว” บิดาจี้ไฉ่หลันรู้สาเหตุที่มารดาจี้ไฉ่หลันมาในยามนี้แต่กลับไม่อาจเอ่ยกระจ่าง
“พวกเจ้าไม่ต้องมายุ่ง ข้าแค่คิดอยากดูน้องชายที่น่าสงสารของข้า” มารดาจี้ไฉ่หลันร่ำไห้ พลันผลักฝาโลงออก “น้องพี่ ให้พี่ได้ดูเจ้าอีกสักครั้ง…”
ยามนี้หากมารดาโจวหนิงเยวี่ยยังไม่มีปฏิกิริยาก็ย่อมผิดปกติ
“พี่หลัน พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้…” มารดาโจวหนิงเยวี่ยเข้าไปดึงมือมารดาจี้ไฉ่หลัน
“อย่ามาขวางข้า ข้าจะดูน้องชายข้าอีกสักครั้ง!” มารดาจี้ไฉ่หลันตัดสินใจแล้วว่าจะดูให้กระจ่าง ไม่ใช่ว่านางเชื่อวาจาซุบซิบพวกนั้น แต่หากไม่เห็นด้วยตาตนเองสักครั้งก็จะติดอยู่ในใจไปชั่วชีวิต
เห็นบุตรชายยื่นมือออกมาคิดขวางตน นางก็สะบัดตัวเต็มแรง แล้วผลักมารดาโจวหนิงเยวี่ยกระเด็นไป พุ่งเข้าไปเลื่อนฝาโลงออก
เสียงเสียดสีของฝาโลงแสบแก้วหูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ โจวหนิงเยวี่ยยังคงตัวแข็งทื่ออยู่กับพื้น อุดปากหลั่งน้ำตาเงียบงัน
มารดาจี้ไฉ่หลันได้เห็นใบหน้าแข็งทื่อของน้องชายแล้ว ก็เลิกผ้าห่มศพและเสื้อผ้าขึ้น
“ท่านแม่ ท่านเป็นอันใดหรือเจ้าคะ” เสียงร้องไห้น่ารันทดของสาวน้อยดังขึ้น
มารดาจี้ไฉ่หลันหันกลับมามองก็เห็นมารดาโจวหนิงเยวี่ยล้มอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ท่านแม่ เหตุใดท่านมีเลือดออก!” โจวหนิงเยวี่ยมองใต้ร่างมารดาตนมีโลหิตค่อยๆ ไหลนอง ก็ตกใจแทบสิ้นสติ
มารดาจี้ไฉ่หลันปล่อยมือ ค่อยๆ ก้าวไปหามารดาโจวหนิงเยวี่ยด้วยอาการตัวแข็งทื่อ
“ท่านป้า ท่านแม่ข้าเป็นอันใดไปหรือ” สีหน้าโจวหนิงเยวี่ยไร้หนทาง ร้องไห้ถามมารดาจี้ไฉ่หลัน
มารดาจี้ไฉ่หลันพลันย่อตัวลง แตะโลหิตบนพื้นราวกับตื่นจากฝัน “หมอ รีบไปตามท่านหมอมาเร็ว!”
น้องสะใภ้กำลังตั้งครรภ์!
ตระกูลโจวพากันแตกตื่นตกใจ บิดาจี้ไฉ่หลันปิดฝาโลงกลับคืนดังเดิมเงียบๆ พลางลอบถอนหายใจ
นี่ใช่ว่าไม่มีเรื่องมาหาเรื่องเองหรือ
ท่านหมอที่ไปเคาะเรียกมายามค่ำคืนทั้งฝังเข็มทั้งให้ดื่มยา ตรากตรำกันจนเช้าก็ได้แต่ส่ายหน้าเสียใจ
มารดาโจวหนิงเยวี่ยแท้งแล้ว นางนอนหมดสติอยู่บนเตียงเตาในห้องตะวันออก มารดาจี้ไฉ่หลันนึกเสียใจอย่างมาก ตบหน้าตนเองฉาดหนึ่ง
“เหตุใดข้าจึงไปฟังคำซุบซิบนินทาของคนพวกนั้น!”
แต่ไรมาน้องชายก็มีบุตรสาวเพียงคนเดียว หากน้องสะใภ้ไม่แท้งไป ไม่แน่น้องชายอาจมีบุตรชาย!
ต่อจากนี้พิธีศพโจวทงล้วนมอบให้คนตระกูลจี้จัดการ หลายวันนี้มารดาโจวหนิงเยวี่ยนอนอยู่บนเตียงเตา ดูแล้วร่างกายอ่อนแอยิ่ง
“เยวี่ยเอ๋อร์”
“ท่านแม่ ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ ท่านแม่จะดื่มน้ำหรือ” ดวงตาโจวหนิงเยวี่ยยังคงบวมเป่ง
มารดาโจวหนิงเยวี่ยกุมมือบุตรสาว “เจ้าเรียกชุนหยาไปเชิญคุณหนูโค่วมาหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
ซินโย่วให้คนคอยสังเกตการณ์ทางตระกูลโจวมาตลอด ตอนแรกได้ยินข่าวซุบซิบนินทากันว่ามารดาโจวหนิงเยวี่ยสังหารสามีเพราะมีชายอื่น ก็เข้าใจว่าภาพที่เห็นน่าจะเกิดในอีกไม่นานนัก ถึงกับได้ยินว่ามารดาโจวหนิงเยวี่ยเศร้าเสียใจมากเกินไปจนแท้งบุตร
เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของนาง
ซินโย่วย้อนนึกภาพอย่างละเอียด จนกระทั่งมารดาจี้ไฉ่หลันผลักมารดาโจวหนิงเยวี่ยล้มลงก็จบ คิดว่าการผลักนี้คงทำให้มารดาโจวหนิงเยวี่ยแท้งบุตร
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของซินโย่ว แต่นางก็มิได้ตกใจมากนัก แต่เล็กจนโต ภาพที่นางเห็นมีมากมาย แต่ภาพที่เห็นไม่ได้หมายถึงเรื่องราวทั้งหมดของเรื่องเรื่องหนึ่ง
ปฏิกิริยาแรกของซินโย่วก็คือไปพบมารดาโจวหนิงเยวี่ย เพียงแต่พอคิดว่าก่อนฝังโจวทง นางจะไปตระกูลโจวอีกครั้งน่าจะไม่เหมาะสมนัก โดยเฉพาะวันนั้นที่ได้พบกับเฮ่อชิงเซียว ทำให้นางจำต้องรอบคอบให้มาก ได้แต่อดทนรอคอย
การมาของชุนหยาทำให้ในใจซินโย่วกระตุกวาบ
แม้มารดาโจวหนิงเยวี่ยรับปากว่าจะเล่าความลับที่มีปากเสียงกับสามีให้นางฟัง แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็ล้วนเป็นนางคนเดียวที่ขอให้เล่าความลับ เหตุใดจึงส่งคนมาเชิญกะทันหัน
หากนางเป็นมารดาโจวหนิงเยวี่ย ย่อมไม่ดำเนินตามคำสัญญาระหว่างสองคนด้วยตนเองก่อน นอกจากเรื่องราวเกิดเหตุเปลี่ยนแปลง และรู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เป็นผลดีต่อมารดาโจวหนิงเยวี่ยนัก
คิดถึงว่ามารดาโจวหนิงเยวี่ยแท้งบุตร ในใจซินโย่วก็อดมีลางสังหรณ์ไม่ดีไม่ได้
ซินโย่วไปเยือนตระกูลโจวอีกครั้ง
ท้องถนนเงียบกริบ ลานเล็กในตระกูลโจวเงียบจนวังเวง ซินโย่วพบว่าคนเฝ้าประตูไม่อยู่ คนที่มาเปิดประตูก็คือโจวหนิงเยวี่ย
พอเห็นซินโย่ว โจวหนิงเยวี่ยก็ขอบตาแดง “พี่โค่ว”
เผชิญหน้ากับโจวหนิงเยวี่ย อารมณ์ในใจซินโย่วก็สับสนอยู่บ้าง แม้ว่ายังไม่ได้ฟังความลับของมารดาโจวหนิงเยวี่ย นางก็รู้ว่าการตายของมารดาโจวหนิงเยวี่ยเกี่ยวข้องกับสามีนางอย่างแน่นอน และนางก็รู้ว่าโจวหนิงเยวี่ยนั้นบริสุทธิ์
“น้องโจว ท่านป้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ท่านแม่ข้า ไม่ค่อยดี…” โจวหนิงเยวี่ยกลืนก้อนสะอื้นก่อนจะพาซินโย่วเข้าไปในห้อง
ห้องฝั่งตะวันออกมีตั่งชิดริมหน้าต่าง มารดาโจวหนิงเยวี่ยนอนอยู่บนเตียงเตา ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็ลืมตาขึ้น
“คุณหนูโค่วมาแล้ว”
ซินโย่วเห็นสภาพมารดาโจวหนิงเยวี่ยก็ตกใจ
ก่อนหน้านี้แม้มารดาโจวหนิงเยวี่ยดูอิดโรย แต่ไม่ถึงขนาดนี้ คนตรงหน้านี้ราวกับตะเกียงน้ำมันกำลังจะแห้งเหือด
“พี่โค่วดื่มน้ำชาเจ้าค่ะ” โจวหนิงเยวี่ยยกน้ำชาเข้ามา
ซินโย่วรับมาพลางกล่าวขอบคุณ
“เยวี่ยเอ๋อร์ กลับห้องไปก่อน แม่มีเรื่องจะคุยกับคุณหนูโค่ว”
โจวหนิงเยวี่ยมองซินโย่ว ก่อนจะมองท่านแม่ตน แม้สงสัยมากมายแต่ยังคงกลับเรือนตะวันตกเงียบๆ