เจ้าเจ็ดจางฟังคำพูดของหลี่โม่ แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “แกนี่มันยังปากแข็งอีก ถ้าหากแกยังคิดว่านี่เป็นของปลอม พวกเราสามารถเชิญเจ้าของร้านโรงเจียหยู้ถังมาดูได้ ว่าของฉันมันเป็นของปลอมหรือของแท้กันแน่”
เจ้าเจ็ดจางเอาท่าไม้ตายออกมาใช้ เจ้าของร้านโรงเจียหยู้ถังเป็นพวกเดียวกับพวกเขาตั้งนานแล้ว
นักธุรกิจวัตถุโบราณหลายคนที่ยอมมาตั้งขายในโรงเจียหยู้ถัง และยอมให้เจ้าของร้านโรงเจียหยู้ถังประเมินค่าสินค้าของพวกเขา ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกันตั้งนานแล้ว
นักธุรกิจวัตถุโบราณคนอื่นๆเอากำไร ส่วนเจ้าของร้านโรงเจียหยู้ถังเอาชื่อเสียง
ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันไปแบบนี้อย่างราบรื่น ใช้เวลาเพียงสองสามปี ทุกคนก็ล้วนได้เงินมากมายแล้ว
ดังนั้นเพียงแค่เป็นสินค้าที่ขายออกไปจากนักธุรกิจวัตถุโบราณพวกนี้ ในตอนที่เจ้าของร้านโรงเจียหยู้ถังประเมินค่าก็จะบอกว่าเป็นของแท้แน่นอน
ในตอนนี้ผู้คนที่มาดูต่างก็มีอารมณ์แปรปรวนแล้ว ขอเพียงความจริงอย่างหนึ่งมา ให้ผู้มีอำนาจมาบอกว่าเครื่องทองสัมฤทธิ์นี้เป็นของจริง ทุกคนต่างก็จะยืนอยู่ข้างทางฝั่งของเจ้าเจ็ดจาง
หากเมื่อหลี่โม่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว งั้นก็มีแค่ทางเดียวคือชดใช้เงิน
หลี่โม่มือไขว้หลัง พูดอย่างนิ่งสงบว่า “งั้นก็ไปเชิญเขามาสิ ให้เขามาดูของปลอมชิ้นนี้ที่ไม่รู้จะปลอมยังไงได้อีกแล้ว”
“หึ! วันนี้ให้นายได้เห็นและสำนึก เหล่าลั๋วช่วยฉันไปเชิญเถ้าแก่เหอมาหน่อย ให้เถ้าแก่เหอมาดูสิว่าของๆฉันมันปลอมมั้ย”
เจ้าเจ็ดจางพูดอย่างมั่นใจมาก
เหล่าลั๋วตอบรับคำหนึ่ง แล้วก็รีบเดินไปยังหลังร้าน
เมื่อเข้าไปหลังร้าน เหล่าลั๋วเห็นหวังอู่นั่งอยู่ด้วยกันกับเถ้าแก่เหอ ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน
“แค่กๆ”
เหล่าลั๋วส่งเสียงไอดังๆสองที
ในตอนที่เถ้าแก่เหอเงยหน้าเห็นว่าเป็นเหล่าลั๋ว ก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เหล่าลั๋ว นายมีธุระงั้นหรอ?”
“ใช่ครับ ด้านนอกเจ้าเจ็ดจางเกิดเรื่องถกเถียงกับคนอื่นนิดหน่อย ขอเชิญเถ้าแก่เหอออกหน้าไปประเมินค่าสินค้าของเจ้าเจ็ดจางว่าเป็นของแท้ให้หน่อยครับ”
หวังอู่มีความสนใจในทันที ดวงตาประกายความเป็นโจร “เจ้าเจ็ดจางนั่นมันคนมีประสบการณ์ คงจะหาเรื่องโกงกินละมั้ง”
“หึๆ ดูออกก็อย่าได้พูดออกมาสิครับ ไอ้คนที่เหล่าจางโกงก็เป็นคนที่เมื่อกี้ไม่ให้เกียรติคุณ ช่วยเหล่าจางสักหน่อยก็ถือว่าเป็นการแก้แค้นให้ตัวคุณเองนะครับ”
เหล่าลั๋วมองหวังอู่ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
หวังอู่ตบมือ พูดอย่างเย็นชาว่า “ได้สิ! หาเรื่องใส่ตัวเองจริงๆ ลุงเหอครั้งนี้คุณช่วยผมได้แล้วใช่มั้ยครับ?”
เมื่อกี้ที่หวังอู่มาหาเถ้าแก่เหอ ก็เพราะอยากให้เถ้าแก่เหอช่วยจัดการหลี่โม่
แต่ว่าเถ้าแก่เหอนึกถึงชื่อเสียงของตัวเอง จึงไม่ได้ตกลงคำขอของหวังอู่
ตอนนี้หลี่โม่มีปัญหากับเจ้าเจ็ดจาง ก็เท่ากับว่ามีโอกาสจัดการกับหลี่โม่ ทำเอาหวังอู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ครั้งนี้เถ้าแห่เหอไม่ลังเลเลยสักนิด พยักหน้าและพูดว่า “กล้ามีเรื่องในถิ่นของฉัน จะต้องลงโทษอย่างหนักอยู่แล้ว งั้นเราออกไปดูกัน”
เถ้าแก่เหอไขว้มือไว้ด้านหลังแล้วเดินออกไปด้านนอก เหล่าลั๋วและหวังอู่รีบเดินตามหลังของเถ้าแก่เหอ
ทั้งสามเดินออกจากหลังร้านตรงไปที่ห้องโถง ไปใจกลางวงที่มีผู้คนมุงอยู่ เมื่อมีคนเห็นพวกเถ้าแก่เหอ ก็รีบตะโกนขึ้นมาว่า
“ทุกคนหลีกทางหน่อย เถ้าแก่เหอมาแล้ว รีบให้เถ้าแก่เหอเข้าไปประเมินค่าสินค้าเร็ว”
กลุ่มคนรีบแยกออกเป็นสองด้าน หลีกทางเส้นหนึ่งออกมา
เถ้าแก่เหอเชิดหน้าเล็กน้อย ก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อน ในใจเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกผู้คนให้ความสำคัญ
เมื่อเจ้าเจ็ดจางเห็นว่าเถ้าแก่เหอมาแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม รีบเดินเข้าไปต้อนรับการมาถึงของเถ้าแก่เหอ
“เถาแก่เหอครับ ในที่สุดคุณก็มา ไอ้หนุ่มนี่ทำลายรูปลักษณ์โถเครื่องทองสัมฤทธิ์ของผม แล้วยังสงสัยความจริงแท้ในโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ของผม เรื่องนี้คุณต้องมาช่วยผมประเมินนะครับ เหล่าจางคนนี้ถูกใส่ร้ายอย่างมากเลยครับ”
เจ้าเจ็ดจางที่พยายามบีบน้ำตาออกมาจากหาตาได้หยดหนึ่ง บอกว่าถูกใส่ร้ายด้วยสีหน้าเศร้าโศก
เถ้าแก่เหอสีหน้าเคร่ง ทำท่าทางเหมือนยุติธรรม “เหล่าจาง นายอย่าเป็นแบบนี้ เรามาดูสินค้ากันก่อน มีเพียงแค่ดูความจริงแท้ของสินค้าเท่านั้นถึงจะรู้ว่านายถูกใส่ร้ายมั้ย”
“เหล่าจางคนนี้ไม่กลัวความจริง เถ้าแก่เหอคุณลองมาดู ประเมินค่าสินค้าของผม ดูว่าสินค้านี้ของผมเป็นของแท้มั้ย”
เถ้าแก่เหอเดินไปตรงหน้าแท่นโชว์ มองดูโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ที่เจ้าเจ็ดจางชี้ไป “เอาถุงมือและแว่นขยายของฉันมา”
หวังอู่รีบยกกล่องเล็กที่ประกายแสงสีเงินขึ้นมา
หลังจากที่เปิดกล่อง ก็ปรากฏสิ่งของในกล่องคือถุงมือหนึ่งคู่และแว่นขยายกำลังขยายสูงหนึ่งแท่ง
เถ้าแก่เหอใส่ถุงมือสีขาว หยิบเอาแว่นขยายกำลังขยายสูง แล้วเข้าไปตรงหน้าโถเครื่องทองสัมฤทธิ์และดูอย่างละเอียด ดูแล้วเป็นท่าทางที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญอย่างมาก
ผู้คนรอบด้านต่างก็เงียบสงบลง ทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่เถ้าแก่เหอ รอเถ้าแก่เหอประกาศผลสรุปออกมา
เถ้าแก่เหอมองดูอย่างช้าๆไม่รีบร้อน ส่องดูทั้งในและนอกของโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ จากนั้นก็วางแว่นขยายกลับเข้าไปในกล่อง
“โถเครื่องทองสัมฤทธิ์นี้ เป็นโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ของยุคราชวงศ์โจวตะวันตกจริงๆ และยังมีคำจารึกที่ล้ำค่า เป็นสิ่งของที่มีความสำคัญอย่างมากแน่นอน”
เถ้าแก่เหอค่อยๆพูดจนจบ เจ้าเจ็ดจางก็รีบมองไปทางหลี่โม่อย่างหยิ่งยโส
“ได้ยินรึยัง? เถ้าแก่เหอให้ผลสรุปการประเมินค่าที่มีอำนาจมากแล้ว ของฉันเป็นของแท้!”
หลี่โม่ยิ้มบางๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปเคาะโถเครื่องทองสัมฤทธิ์อีกครั้ง โถเครื่องทองสัมฤทธิ์ส่งเสียงทุ้มต่ำ ส่วนสนิมก็ยิ่งตกหล่นลงมามากมาย
คนรอบด้านมีสายตาแปลกใจมองไปยังหลี่โม่ คิดว่าหลี่โม่บ้าไปแล้วรึเปล่า ถึงได้กล้าเคาะโถเครื่องทองสัมฤทธิ์อย่างแรง
“ทุกคนได้ยินเสียงนี้แล้วใช่มั้ย เสียงทุ้มต่ำนี้พิสูจน์ให้เห็นว่านี่ไม่ได้ทำมาจากทองสัมฤทธิ์ แต่เป็นการใช้ตะกั่วสังกะสีดีบุกโลหะสังเคราะห์ทำขึ้น เถ้าแก่เหอ ผมไม่รู้ว่าคุณได้ผลสรุปนี่มายังไง หรือว่าตาคุณบอดแล้วหรอครับ?”
เถ้าแก่เหอโมโหจนหน้าแดงในทันที มือที่สั่นชี้หน้าหลี่โม่ “นายพูดมั่วอะไร? ใครให้ความกล้านายมาสงสัยในผลสรุปการประเมินค่าของฉัน! แค่เสียงนายก็สามารถฟังออกว่าคือโลหะอะไร? นายคิดว่าหูของนายเป็นเครื่องมือความแม่นยำสูงรึไง!”
ผู้คนรอบด้านต่างก็พยักหน้า ต่างก็คิดว่าเถ้าแก่เหอพูดถูก
เพราะยังไงซะชื่อเสียงและตำแหน่งของเถ้าแก่เหอที่อยู่ที่นี่ นั่นก็ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย พวกเขาต่างก็พูดว่า “เถ้าแก่เหอพูดขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็เลือกเชื่อเขา เพราะยังไงซะเพียงแค่เสียงก็สามารถแยกแยะได้ว่าวัตถุเป็นจริงหรือปลอม จะเป็นไปได้ยังไงกันละ”
“พูดขี้โม้อย่างไม่คิดไง พูดขี้โม้ใครทำไม่เป็นกัน”
ในขณะที่ผู้คนกำลังวิจารณ์ มุมปากหลี่โม่ยกยิ้มเล็กน้อย มือขวาคว้าโถเครื่องทองสัมฤทธิ์โยนลงพื้น โถเครื่องทองสัมฤทธิ์หล่นลง
มองดูโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ตกลงพื้น ในใจของทุกคนต่างก็สบถกันออกมา
ส่วนเจ้าเจ็ดจาง เถ้าแก่เหอและคนอื่นอื่นที่รู้เรื่องความจริง ต่างก็ตากระตุก ต่างก็รู้ว่าความจะแตกแล้ว
แกร๊ง!
โถเครื่องทองสัมฤทธิ์หล่นลงพื้น แตกกระจายเป็นแผ่นละเอียด
หลี่โม่ใช้ปลายเท้าเขี่ยเศษแผ่นชิ้นส่วนของโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ และพูดเย็นชาว่า “ในเมื่อคุณบอกว่าฟังเสียงแล้วแยกแยะไม่ได้ งั้นก็ทำให้แตกกระจายให้พวกคุณได้รู้ ชิ้นส่วนที่แตกหักเป็นทองแดงใช่มั้ย แค่เพียงตาไม่บอดต่างก็สามารถดูออกทั้งนั้น”