ไป๋หลี่ซ่างเสียพยักหน้าอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ฟังบทสนทนานั้น
ใช่ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะลูกชายของเธอพยายามที่จะขโมยเค้กช็อกโกแลตชิ้นนั้น
ไม่อย่างนั้น ป่านนี้เค้กชิ้นนั้นคงกลายเป็นของฉันไปแล้ว!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กคนพี่คนนี้ก็อยากกินเค้กช็อกโกแลตเหมือนกัน!
เฮ่อเหลียนชิงเฉิงงง เขาไม่รู้ว่าทำไมอมนุษย์ตนนี้ถึงได้ฟังที่เขาพูดแล้วพยักหน้ารัวเร็วเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงมองเหลือบไปมองทางไป๋หลี่ซ่างเสียด้วยความสับสน
บรรยากาศภายในชั้นเรียนเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากเฮ่อเหลียนชิงเฉิงประกาศคำพูดนั้นออกมา
ประโยคอันห้าวหาญนั้นเป็นเหมือนกับหมัดที่พุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าสวยของคุณนายเฉิงอย่างแรง เธอนึกไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายของเธอเจ็บตัว
แน่นอนว่าคุณนายเฉิงย่อมรู้จักนิสัยใจคอของลูกชายดี จริงอยู่ที่เขามักอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของของตัวเองอยู่เสมอ แต่คุณนายเฉิงก็ไม่เคยเก็บเอาเรื่องนั้นมาใส่ใจ
เธอคิดว่าการทะเลาะกันเพื่อแย่งของเล่นหรือขนมนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กๆ
อย่างไรพวกเธอก็มีเงินเป็นกระบุง ดังนั้นพวกเธอย่อมสามารถชดเชยค่าเสียหายให้กับอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งกว่านั้น ลูกชายของเธอก็ไม่ใช่คนเลวอะไร เขาเป็นคนที่พร้อมจะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ
คุณนายเฉิงไม่เคยพ่ายแพ้ในการประชันฝีปากมาก่อน ตอนนี้เมื่อเธอถูกเด็กเล็กๆ ไร้เดียงสาตำหนิ ใบหน้าของเธอจึงกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
เธอรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างสุดแสนโดยเฉพาะตอนที่เด็กชายถามว่า ”คุณนาย คุณสอนให้ลูกตัวเองขโมยขนมเค้กของคนอื่นด้วยหรือครับ”
เมื่อสังเกตเห็นสายตาจากบรรดาเด็กๆ ที่จ้องมองมา คุณนายเฉิงก็ยิ้มออกมาอย่างแข็งทื่อ ก่อนจะพูดกับอาจารย์ประจำชั้นว่า ”ดูเด็กจอมอวดดีคนนี้สิคะ เขาทำตัวไม่สมกับเป็นเด็กสามขวบเอาเสียเลย ลูกชายของฉันผิดเองที่เป็นคนกินเก่ง เขามักคิดอยู่เรื่อยว่าขนมของคนอื่นอร่อยกว่าของตัวเอง ทั้งๆ ที่ความจริงเขาก็เคยกินเค้กมาแล้วทุกประเภท เขาก็แค่อยากทำความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมชั้น แต่ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาได้อย่างไรก็เท่านั้น ในเมื่อมันเป็นแค่การเข้าใจผิด ฉันก็จะไม่เอาเรื่องก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันค่อยกลับไปทายาบนหน้าลูกตอนพวกเราถึงบ้านแล้วก็ได้”
อาจารย์ประจำชั้นไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะเธอรู้ถึงฐานะของคุณนายเฉิงดี ดังนั้นเธอจึงส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแทนคำตอบ
แต่เด็กอ้วนแซ่เฉิงกลับไม่พอใจ เขาปฏิเสธที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป ”แม่ ทำไมพวกเราไม่ทำอะไรเลยสักอย่างล่ะครับ ผมช้ำขนาดนี้เลยนะ! ยิ่งกว่านั้น ไป๋หลี่ซ่างเสียก็ทำร้ายผมเหมือนกัน! ผมไม่ได้แตะต้องของของเขาเลยด้วยซ้ำ ผมยังเจ็บฟันอยู่เลยหลังจากถูกเขาต่อยเนี่ย!”
คุณนายเฉิงโมโหขึ้นมาทันทีที่ได้ฟังเรื่องนี้ ดูเหมือนคนที่รังแกลูกชายของเธอจะไม่ได้มีแค่คนเดียว
“ครูจาง คุณจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร”
อาจารย์ประจำชั้นรู้ว่าเธอไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ดังนั้นเธอจึงส่งคำถามต่อให้กับไป๋หลี่ซ่างเสีย ”ซ่างเสีย อธิบายมาหน่อยสิจ๊ะ”
ครูจางคิดว่าเด็กคนนี้จะสามารถหาเหตุผลดีๆ มาแย้งคุณนายเฉิงได้โดยเร็วเหมือนอย่างที่เฮ่อเหลียนชิงเฉินทำ
แต่เห็นได้ชัดว่าครูจางยังไม่รู้จังไป๋หลี่ซ่างเสียดีพอ
เด็กชายในเสื้อหนังตัวเล็กหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์โดยไม่อ้อมค้อมว่า ”ผมต่อยเขาเพราะเห็นแล้วเกะกะลูกตาน่ะครับ”
ครูจางถึงกับทำอะไรไม่ถูก : บ้าเอ๊ย! ทำไมเธอถึงไม่บอกว่าเป็นการป้องกันตัวล่ะ
“เธอ… เธอ!” คุณนายเฉิงไม่เคยเห็นเด็กที่อวดดีและใจกล้าขนาดนี้มาก่อน มือของเธอสั่นระริกด้วยแรงโทสะ เธอเริ่มกรีดร้องออกมาว่า ”เธอ รออยู่ที่นี่เลยนะ! ไปกันเถอะลูก! ไปห้องผู้อำนวยการกันเดี๋ยวนี้เลย!”
ไป๋หลี่ซ่างเสียดูไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองคุณนายเฉิงเลยด้วยซ้ำ เพราะดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เค้กช็อกโกแลตในมือของเฮ่อเหลียนชิงเฉิง เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือเค้กชิ้นนั้นต่างหาก!
เสี่ยวชิงเฉิงไม่ได้พูดอะไรอีกตลอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เขาตั้งใจว่าจะเอาเรื่องที่เกิดในวันนี้ไปเล่าให้เวยเวยคนสวยฟังหลังจากกลับถึงบ้าน
เค้กช็อกโกแลตของเธอหอมน่ากินเกินไปจนเขาถูกแอบมองอยู่ตลอดเวลา…
“ฮัดเช้ย!” เฮ่อเหลียนเวยเวยจามออกมาขณะพิงร่างอยู่บนรถบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นโทมาฮอว์กของตัวเองเพื่ออาบแดด เธอเลิกคิ้วขึ้นครู่หนึ่งพร้อมคิดในใจว่า มีคนพูดถึงเราอีกแล้วหรือ
ภายใต้แสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ชายสวมชุดสูทกำลังคุยกับชาวอเมริกันสวมแว่นกันแดดอยู่ สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งเครียดตลอดการสนทนานั้น
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่เหลือต่างก็ยุ่งอยู่กับการลองชุดตัวแล้วตัวเล่า ”ใช้ไม่ได้ ชุดนี้ใส่แล้วดูเหมือนอันธพาลไม่มีผิด เด็กๆ ที่โรงเรียนจะแกล้งนายน้อยเอาได้”
“แอล นายห้ามเอาปืนออกมานะ! มันถือเป็นสิ่งของต้องห้ามเฟ้ย! ถ้าพวกเราถูกจับได้ละก็ เราคงต้องใช้เส้นสายช่วยกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้! นายจะเก็บปืนไว้เล่นเองคนเดียวก็ไม่มีใครว่า แต่อย่าเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับนายน้อยสิ!”
“ว่าแต่เราจะขับรถคันไหนไปดี ลูกพี่เอาบีเอ็มดับเบิลยูโทมาฮอว์กไปส่งนายน้อยที่โรงเรียนตลอด พวกเราต้องเลือกให้ดีๆ จะแพ้ลูกพี่ไม่ได้เด็ดขาด!”
“เรื่องรถมันใช่เรื่องสำคัญที่ไหนกัน นายช่วยดูหน่อยสิว่าฉันดูใจดีพอหรือยัง เรื่องสำคัญตอนนี้คือเรื่องนี้ต่างหาก!”
เขาต้องแต่งตัวให้เหมาะสมถ้าคิดจะไปที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนั้น ไม่อย่างนั้นรูปร่างหน้าตาของเขาอาจจะทำให้เด็กๆ ตกใจกลัวหรือไม่ก็เข้าใจผิดว่าเป็นหมีเอาได้
ไม่ว่าข้อไหนก็สามารถสร้างความอับอายขายหน้าให้กับนายน้อยได้ทั้งนั้น
ดังนั้น พวกเขาจะต้องแสดงเสน่ห์ของตัวเองออกมา และทำให้นายน้อยภูมิใจให้ได้!
เดิมทีเฮ่อเหลียนเวยเวยตั้งใจว่าจะนอนสักหน่อย เพราะเธอทำงานมาทั้งคืน เธอขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัวในเวลากลางวัน แต่เธอก็รู้สึกสนใจในบทสนทนาของพี่น้องตัวเองมากทีเดียว
ในที่สุดชายสวมชุดสูทก็ทำการเจรจาสำเร็จเขายกกาแฟขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนจะเลื่อนกระเป๋าใบเล็กทำจากหนังแท้ให้กับชาวอเมริกันคนนั้นเบาๆ ในกระเป๋าใบนั้นอัดแน่นไปด้วยพันธบัตรดอลลาร์สหรัฐหลายปึก
ชายอเมริกันคนนั้นหยิบกระเป๋า แล้วกล่าวอวยพรขอให้ความร่วมมือนี้ประสบความสำเร็จ ก่อนจะกลับออกจากอู่ไป
ชายสวมชุดสูทหันหน้าพูดกับเฮ่อเหลียนเวยเวยว่า ”ลูกพี่ครับ ผมเพิ่งได้ข่าวมาว่ามีกองกำลังของผู้มีอิทธิพลกำลังตามหาตัวพวกเราอยู่ ตอนนี้พวกเขาน่าจะมาถึงกรุงปักกิ่งแล้ว แต่พวกเราก็สร้างสัมพันธไมตรีกับผู้คนไว้มากมาย ดังนั้นพวกเขาน่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าจะสามารถระบุตำแหน่งของพวกเราได้ครับ”
“เอส หูฉันยังใช้การได้ดี ฉันได้ยินที่พวกนายคุยกันแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยโยนหมวกกันน็อกในมือซ้ายลง ก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย ”บอกให้สำนักถังช่วยสืบเบื้องลึกเบื้องหลังเจ้าพวกนั้นให้ที”
ชายสวมชุดสูทคิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน ไม่มีอะไรที่สำนักถังหาไม่เจอ เพราะพวกเขามีถังเส่าผู้เป็นแฮกเกอร์มือหนึ่งของโลกอยู่ด้วย
“อีกเรื่องหนึ่ง เสี่ยวชิงเฉิงบอกว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เขาไปโรงเรียน ดังนั้นเขาถึงอยากเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองให้ได้ เขาก็เลยจะกลับบ้านเองหลังจากโรงเรียนเลิก แล้วก็บอกว่าไม่ให้พวกเราไปรับเขา” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดพลางหาวออกมาอย่างเกียจคร้าน
บรรดาชายหนุ่มที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องกันอยู่ชะงักอยู่กับที่ พวกเขาหันกลับมามองนางพร้อมกันด้วยสีหน้าเสียใจอย่างสุดแสน!
ความฝันที่พวกเขาจะได้ไปรับนายน้อยหลังเลิกเรียนถึงกับแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่นะ! นี่เป็นบทลงโทษที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้รับชัดๆ!
“ความพยายามทั้งหมดของฉันต้องมาสูญเปล่าหรือนี่”
“ทำไมฉันต้องเสียเวลาตลอดทั้งเช้าไปกับการแต่งตัวด้วย”
“จิน คนที่น่าสงสารที่สุดไม่ใช่นายหรอก เหล่าเอที่หน้าตาเหมือนหมีนั่นต่างหากที่น่าสงสารที่สุด เขาพยายามฝึกยิ้มกับตัวเองหน้ากระจกมาตลอด เพราะหวังว่าตัวเองจะไม่ดูเหมือนคนร้าย เขาเองก็เจอเรื่องหนักมาไม่แพ้เรา”
เหล่าเอที่ว่าคือชายฉกรรจ์สูงหนึ่งร้อยเก้าสิบแปดเซนติเมตร เวลานี้เขาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ทันใดนั้น น้ำเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นท่ามกลางเสียงเอะอะนั้น ”ขอโทษนะคะ คือฉันอยากถามว่าที่นี่มีหมอผีสักคนไหมคะ”