ตอนที่ 871 ความตั้งใจของพ่อไป๋
หลินม่ายพร้อมสามีขับรถกลับบ้านทันทีหลังจากออกจากบ้านตระกูลเฝิง
เมื่อเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น หลินม่ายก็เห็นฟางเสียนจิ้งพร้อมสามีของหล่อนนั่งอยู่
นี่เป็นวันที่สองของปีใหม่ ซึ่งจะเป็นวันที่ลูกสาวที่แต่งงานแล้วกลับมาที่บ้านของตนเอง เวลานี้ฟางเสียนจิ้งจึงพาสามีของหล่อนกลับมาที่บ้านด้วย
แววตาของฟางเสียนจิ้งแดงก่ำราวกับว่าเพิ่งร้องไห้มา
หลินม่ายรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมฟางเสียนจิ้งต้องร้องไห้ในวันปีใหม่ด้วย?
แต่แม้ว่าจะสงสัยอย่างไร สุดท้ายแล้วหลินม่ายก็ไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นมากนัก เธอเพียงยกยิ้มและอวยพรปีใหม่ให้กับสามีภรรยาตรงหน้า
ฟางเสียนจิ้งยกยิ้มแบบกล้ำกลืนแล้วอวยพรกลับ
บุตรสาวที่แต่งงานแล้วจะกลายเป็นแขกยิ่งใหญ่เมื่อกลับมาที่ครอบครัวผู้ให้กำเนิด
ฟางจั๋วหรานพาทุกคนไปที่ร้านอาหารเก่าแก่ที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อจัดเลี้ยงต้อนรับฟางเสียนจิ้งและสามีของหล่อน
ภายในงานเลี้ยง ฟางเสียนจิ้งคล้ายมีบางอย่างจะพูดคุยกับหลินม่าย แต่จนกระทั่งงานเลี้ยงจบลง หล่อนก็ยังไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าหลินม่ายก็ไม่คิดถามเช่นกัน
เธอไม่ค่อยมีสัมพันธ์ใดกับฟางเสียนจิ้งเท่าไหร่นัก แต่จู่ ๆ ฟางเสียนจิ้งกลับต้องการพูดคุยกับเธอ ดูจากประสบการณ์แล้ว อีกฝ่ายอาจจะต้องการขอยืมเงินหรือต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง
ตอนนี้มันสายเกินไปหากจะทำเป็นสนิทสนม แล้วเธอจะไปเริ่มถามไถ่ฟางเสียนจิ้งได้อย่างไร?
ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามจะนอนหลับ แต่เธอกลับส่งหมอนให้พวกเขาด้วยความไม่รู้?
วันที่สาม เป็นวันที่จะต้องไปอวยพรปีใหม่ให้กับพี่สาวหรือน้องสาวที่แต่งงานแล้ว
ตอนเช้า ไป๋เซี่ยขับรถไปส่งไปส่งคุณพ่อไป๋และไป๋ลู่ไปที่บ้านตระกูลฟางเพื่ออวยพรปีใหม่ พวกเขาเตรียมของขวัญไว้มากมาย
แม้ฟางจั๋วหรานยังอยู่ในช่วงวันหยุดของเทศกาลปีใหม่ แต่ฟางจั๋วหรานก็เข้าโรงพยาบาลเพื่อทำงานแล้ว
ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่รอคอยเขาอยู่ในแผนกศัลยกรรม และพวกเขาไม่สามารถรักษาตัวเองได้ หากไม่มีแพทย์ประจำอยู่ในช่วงปีใหม่คงจะแย่ไม่น้อย เวลานี้ฟางจั๋วหรานจึงต้องแลกเปลี่ยนเวรทำการในช่วงนี้เช่นกัน
ทั้งพี่ชายและน้องสาวไป๋เซี่ยเข้ามาเพื่ออวยพรปีใหม่ หลินม่ายอุ้มเสี่ยวมู่ตงเอาไว้และพาโต้วโต้วไปทักทายพวกเขา
ไป๋เซี่ยขับรถมาจอดที่มุมสนามก่อนจะลงรถพร้อมกับไป๋ลู่
หลินม่ายจึงถามออกไปว่า “ทำไมถึงเอารถของพ่อมาล่ะ? รถตัวเองไปไหน?”
“ก็พ่อบอกให้พี่ขับรถคนนี้ จะพูดอะไรได้ล่ะ?” ไป๋เซี่ยพูดอย่างนั้น ไป๋ลู่หยิบของขวัญออกมาจากเบาะหลังพร้อมกับส่งให้
ของขวัญในรถว่าเยอะแล้ว แต่ไม่คิดว่าในกล่องจะมีมากกว่า
เมื่อเห็นว่าเขานำของขวัญมาด้วยมากมาย หลินม่ายพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม “ทำอะไรกันน่ะ? ทำไมถึงไม่ยกห้างสรรพสินค้ามาทีนี่ซะเลย?”
ไป๋ลู่ลดเสียงลงก่อนจะพูดว่า “ก็พ่อกับคนอื่น ๆ น่ะมาที่บ้านของเธอเพื่อฉลองวันปีใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อสนับสนุนหน้าตาเธอทั้งนั้นแหละหน่า พ่อใช้เงินจำนวนมากในการเตรียมของขวัญพวกนี้ เขาย้ำหนักเลยว่าต้องเอามาให้เธอให้ได้ เธออย่าทำเป็นสุนัขกัดลวี่ต้งปินไม่รับรู้เจตนาดี(1)ไปหน่อยเลย”
หัวใจของหลินม่ายอบอุ่นขึ้นมา เธอกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ฉันเป็นถึงผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่เชียวนะ ใครจะกล้าดูถูกฉันล่ะ? อีกอย่างฉันก็ไม่เคยดูถูกใครจนต้องให้พ่อมานั่งตามเช็ดตามล้างสักหน่อย”
พี่ชายและน้องสาวของไป๋เซี่ยอวยพรปีใหม่ให้กับคุณปู่ฟาง หลังจากนั่งพูดคุยกันอีกสักพัก พวกเขาก็กล่าวคำลาแล้วจากไป
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยืนยันที่จะให้พวกเขาอยู่ต่อจนถึงมื้อกลางวันแล้วค่อยกลับ
ไป๋เซี่ยลูบมือของอีกฝ่ายก่อนจะยกยิ้มกว้าง “พวกเรายังต้องไปอวยพรปีใหม่ให้กับพี่สาวด้วยน่ะครับ”
คุณย่าฟางพูดต่อว่า “กินมื้อเที่ยงที่นี่ก่อนก็ได้ ไม่สายเกินไปหรอกที่จะไปอวยพรปีใหม่ให้พี่สาวคนโตของพวกเธอ”
พี่น้องตระกูลไป๋จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับประทานมื้อกลางวันที่นี่
หลินม่ายรู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงอยากจะรีบออกไป
เพราะในลานแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนจากตระกูลฟาง ยกเว้นแค่คุณปู่ฟางกับคุณย่าฟาง พวกเขาไม่รู้จักใครเลย และไม่สบายใจที่จะอยู่ต่อ
ดังนั้นการอุ้มเสี่ยวมู่ตงเอาไว้จะช่วยให้พวกเขาลดความอึดอัดใจลงได้
คุณย่าฟางอยากให้ลูกสะใภ้ทั้งสองลงมือทำมื้อกลางวัน
แต่หลินม่ายคิดว่าลูกสะใภ้ทั้งสองคนของคุณย่าฟางต่างก็เป็นรุ่นพี่ของตน จึงไม่สมควรที่พวกเขาจะมาทำอาหารเลี้ยงพี่ชายกับน้องสาวของเธอ
นอกจากนี้ พวกเขายังคล้ายกับเป็นลูกคุณหนูที่ถูกดูแลมาอย่างดี ไม่น่าจะทำอาหารเป็น
เวลานี้เธอบอกกล่าวกับคุณย่าฟางว่าเธอจะขอให้ร้านอาหารจัดโต๊ะเลี้ยงแขกไว้สักสองสามโต๊ะ เพื่อไม่ให้ทุกคนอึดอัด
ในยุคนี้ไม่มีอาลีเพย์และวีแชท ดังนั้นจึงไม่สามารถสั่งอาหารออนไลน์ได้
หลินม่ายต้องขับรถไปที่ร้านอาหารเพื่อสั่งอาหารให้กับครอบครัว
ร้านอาหารเก่าแก่ในย่านนี้เป็นร้านที่เปิดโดยภาครัฐ เวลานี้แผนกต้อนรับของร้านลังเลที่จะทำการส่งอาหาร เพราะสุดท้ายแล้วการนำอาหารไปส่งถึงหน้าประตูบ้านเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้เงินพิเศษกับแผนกต้อนรับด้านหน้า 5 หยวนและขอให้อีกฝ่ายต่อสายถึงผู้จัดการร้าน
ผู้จัดการขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินคำขอให้ส่งอาหารถึงหน้าประตูบ้าน เวลานี้เขากล่าวคำด้วยความลำบากใจว่าในช่วงนี้ร้านอาหารค่อนข้างแน่น และไม่มีคนเพียงพอสำหรับส่งอาหาร
โชคดีที่หลินม่ายมีความสามารถในการใช้เงินแก้ปัญหา ตราบใดที่เงินสามารถแก้ไขได้ ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
หลินม่ายจ่ายเงิน 15 หยวนเพื่อเป็นค่าจัดส่ง และยังมอบซองสีแดง 20 หยวนให้กับผู้จัดการร้าน โดยขอให้เขารักษาคุณภาพของอาหารทั้งหลายนี้ให้ดี
ผู้จัดการที่อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในก่อนหน้า กลับยิ้มร่าออกมาอย่างยินดี เขากล่าวว่านี่เป็นลูกค้ารายแรกของร้าน และเขาจะดูแลความต้องการทั้งหมดเป็นอย่างดีแน่นอน
เป็นเรื่องดีหากมีเงิน สุดท้ายแล้วบะหมี่มากมายถูกจัดส่งออกมาตอนเที่ยง ไม่เพียงแต่อาหารจะร้อนกำลังดี แต่รสชาติก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงด้วย
หลังจากรับประทานมื้อกลางวันแล้ว สองพี่น้องไป๋เซี่ยก็นั่งพักผ่อนสักครู่ ก่อนจะกล่าวลาและกลับออกไป
หลินม่ายต้องการไปอวยพรปีใหม่ให้กับครอบครัวของพี่สาวคนโตด้วยกัน เธอจึงพาเสี่ยวมู่ตงและโต้วโต้วออกไปพร้อมกับพี่น้องไป๋เซี่ย
พี่น้องทั้งสามออกไปพร้อมกับรถสองคัน ทั้งหมดมุ่งตรงไปที่บ้านของไป๋เหยียน
สมาชิกทั้งสามในครอบครัวของไป๋เหยียนรอพวกเขาอยู่ที่บ้าน
ทันทีที่หลินม่ายและคนอื่น ๆ มาถึง ไป๋เหยียนขอให้หยางจิ้นเข้าไปในครัวเพื่อเสิร์ฟชาและซุปเห็ดหูหนูขาวให้กับแขกเหรื่อ
ไม่ว่าพี่น้องทั้งสองและหลินม่ายจะปฏิเสธอย่างไร แต่พี่สาวก็ยังยืนกรานที่จะให้พวกเขาดื่ม ทั้งหมดจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดื่มมัน
เวลานี้ขณะที่ทุกคนต้องฝืนทนดื่มซุปเห็ดหูหนูขาว มีเพียงเสี่ยวมู่ตงที่ไม่ต้องดื่ม
เด็กน้อยจ้องมองทุกคนที่กำลังดื่มซุปตรงหน้าด้วยดวงตาสีดำกลมโต ปากเล็ก ๆ ของเขาขยับมุบมิบราวกับต้องการร่วมวงด้วย
หลินม่ายรู้สึกทุกข์ใจเมื่อเห็นเช่นนี้ เธออยากจะลองแบ่งซุปนี้ให้อีกฝ่ายสักสองสามช้อนใหญ่
แต่เพราะเธอยังไม่เคยมีลูกมาก่อน จึงไม่ทราบว่าสามารถให้เขากินได้หรือไม่ เวลานี้เธอเอ่ยปากถามไป๋เหยียน
ไป๋เหยียนตอบกลับทันที “เขาจะกินของแบบนั้นได้ยังไงกัน อายุเขาเท่านี้เอง ดื่มแค่นมหรือน้ำข้าวก็เพียงพอแล้ว”
หยางจิ้นเลยถามหลินม่ายว่าเธอได้เตรียมนมผงมาหรือไม่ เวลานี้เขาจึงชงนมครึ่งขวดให้กับเสี่ยวมู่ตง
แม้ว่านมของหลินม่ายจะเพียงพอ แต่เธอก็ยังเตรียมนมขวดไว้เสมอเมื่อไม่ได้อยู่บ้าน
เธอหยิบขวดนมออกมาแล้วส่งให้หยางจิ้น โดยบอกข้อควรระวังให้เขาฟังอย่างช้า ๆ
หยางจิ้นเข้าไปเตรียมนมตามที่หลินม่ายขอ
เมื่อเสี่ยวมู่ตงได้รับนมแล้ว เขาจึงไม่อยากจะกินซุปเห็ดหูหนูขาวของหลินม่ายอีกต่อไป
ผู้ใหญ่สองสามคนกำลังดื่มซุปเห็ดหูหนูตรงหน้าขณะพูดคุยกัน
ทุกคนพูดคุยกัน และเริ่มพูดถึงสถานการณ์ร้านเซาปิ่งทั้งสองของหยางจิ้น
เมื่อหลินม่ายคุยกับไป๋เหยียนครั้งล่าสุด เธอได้ยินไป๋เหยียนพูดว่าหยางเซิงและภรรยาของเขาไม่มีความคิดที่จะเล่นตุกติกกับหลินม่ายอีก และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของเธอด้วย
แต่ว่าแม่สามีนอกรีตคนนั้นพยายามพุ่งเข้าหาลูกชายคนเล็กและลูกสะใภ้เพื่อขอพบทั้งคู่
หลินม่ายเลยถามกลับไปว่าคุณแม่หยางยังมาตามรังควานพี่สาวคนโตอยู่หรือไม่
สุดท้ายแล้วหลินม่ายยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อพี่สาวคนโตนี้ และเธอก็หวังว่าอีกฝ่ายจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
เวลานี้หยางจิ้นถูกพี่สาวคนโตใช้ให้ไปทำเกี๊ยวไข่ในครัว หลินม่ายจึงใช้โอกาสนี้ลอบถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ทันทีที่หัวข้อนี้ถูกพูดถึง ไป๋เหยียนเผยน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย “โอ้! อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย คุณย่าเถียนเถียนเอาแต่กวนใจพี่เขยของเธอ ตอนนี้ลามปามมากวนฉันด้วยซ้ำ หล่อนวิ่งไปก่อกวนที่หน่วยงานของฉันตั้ง 2 ครั้ง โดน รปภ. แบกออกไปตั้งหลายรอบ ไม่รู้จะจบสิ้นวันไหน!”
ก่อนที่การสนทนาจะจบลง หยางจิ้นปรุงเกี๊ยวไข่เสร็จแล้ว เขานำมันออกมาเสริ์ฟตรงหน้าทุกคนอย่างกระตือรือร้น
ปกติแล้ว ไม่ว่าใครก็ชอบกินเกี๊ยวไข่ทั้งนั้น
แต่ในวันปีใหม่มีของอร่อยมากมาย พี่น้องทั้งสามจึงไม่สนใจที่จะกินเกี๊ยวไข่ ส่วนโต้วโต้วก็ไม่อยากกินเช่นกัน
แต่เวลานี้พี่เขยถึงกับลงมือเข้าครัวและเสิร์ฟมันด้วยตนเอง หากไม่กินสักหน่อยคงจะเสียมารยาทแล้ว
หลินม่าย พี่ชายและน้องสาวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขยับตะเกียบแล้วละเลียดกินเกี๊ยวไข่ช้า ๆ
ก่อนที่เกี๊ยวไข่จะทันได้เข้าปาก มีโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องนอนของหยางจิ้นและภรรยา
หยางจิ้นเข้าไปรับโทรศัพท์ก่อนจะเดินออกมาด้วยสีหน้าหดหู่ เขาพูดกับไป๋เหยียนว่า “แม่กินยา ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลแล้ว”
ใบหน้าของไป๋เหยียนซีดเซียว รีบถามทันทีว่า “แม่เป็นยังไงบ้างคะตอนนี้?”
หยางจิ้นส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า “ผมก็ไม่รู้ เราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
หากสถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้า พี่น้องทั้งสามคงแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดได้
แต่เพราะพวกเขาอยู่ด้วยกัน พี่น้องทั้งสามจึงต้องติดตามไป๋เหยียนและสามีของเธอไปเยี่ยมแม่หยางจิ้นที่โรงพยาบาล
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ใช่ตัดขาด อย่างไรก็ยังต้องแสดงความกตัญญู
………………………………………………………………………………………………………………………….
(1) 狗咬吕洞宾,不识好人心 สุนัขกัดลวี่ต้งปินไม่รับรู้เจตนาดี หมายถึง คนที่ไม่เห็นความตั้งใจดีของผู้อื่น แล้วยัง แว้งกัดอีก
สารจากผู้แปล
เหนื่อยใจจริงมีแม่สามีแบบนี้ พอไม่ได้ดังใจก็กินยาประชด เดือดร้อนลูกๆ หามส่งโรงพยาบาล
ไหหม่า(海馬)