ตอนที่ 872 แม่หยางดื่มยาประชด
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล แม่หยางก็กำลังล้างท้องอยู่ในห้องฉุกเฉิน
พ่อหยางและสองสามีภรรยาหยางเซิงกำลังนั่งรออยู่นอกห้องฉุกเฉิน ขณะรอให้แม่หยางออกมาแบบใจจดใจจ่อ
ทันทีที่พ่อหยางเห็นลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ของเขา เขาก็ตะโกนใส่ทันที “เจ้าลูกอกตัญญู เอาแต่ฟังเมียของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้แกมีความสุขแล้วใช่ไหมที่บังคับให้แม่กินยาเพราะนังผู้หญิงนี่?”
ทว่ากำปั้นของเขากลับเหวี่ยงไปทางไป๋เหยียน ซึ่งทำให้เถียนเถียนหวาดกลัวจนน้ำตาไหล
หลินม่ายตกตะลึง ต่อให้ลูกสะใภ้จะทำตัวไม่ดี แต่พ่อตาก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายหล่อนแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นพี่สาวของเธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมตาแก่คนนี้ถึงต้องทุบตีหล่อนด้วย!
พี่น้องบ้านไป๋ทั้งสามกลัวว่าพี่สาวคนโตจะได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจึงรีบก้าวเข้าไปขวางด้านหน้าเพื่อหยุดยั้งพ่อหยางทันที
ทว่าหยางจิ้นเร็วกว่าพวกเขามาก เขาก้าวออกไปขวางด้านหน้าภรรยาและลูกสาวอย่างรวดเร็ว พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เป็นผมเองที่ไม่เห็นด้วยกับการยกหน้าร้านกับน้องชาย พ่ออย่ายุ่งกับเหยียนเหยียน ถ้าพ่ออยากทุบตี ก็ทุบตีผมคนเดียว!”
พ่อหยางตบหน้าหยางจิ้นอย่างแรง “แกคิดว่าฉันไม่กล้าทุบตีแกรึไง!”
รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยางจิ้น
แม้มันจะร้อนผ่าวและเจ็บปวดแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้ยกมือกุมใบหน้าตัวเอง และพูดประชดกลับไป “ผมรู้อยู่แล้วว่าพ่อกล้าตีผม ขนาดตอนนั้นที่ผมเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบและต้องการเงินด่วนเพื่อไปรักษาตัวในโรงพยาบาล พ่อกับแม่ก็ไม่เคยให้เงินรักษากับผม แล้วยังจะมีอะไรที่พ่อจะไม่กล้าทำอีก!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พ่อหยางยังคงรู้สึกผิดเล็กน้อย
ลูกชายคนโตเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ต่อให้เขาจะยื่นมือขอความช่วยเหลือจากพวกเขา เขาก็ไม่ได้ขอเงินจากพ่อแม่หรือครอบครัวของน้องชาย แต่กลับขอเงินจากภรรยาของตัวเอง
เนื่องจากลูกชายคนโตและลูกสะใภ้แต่งงานกัน สองสามีภรรยาจึงมอบเงินรายเดือนทั้งหมดให้กับแม่หยาง
พ่อหยางเองก็แอบรู้สึกว่าแม่หยางทำเกินไป
เมื่อลูกชายคนโตพูดเรื่องนี้ต่อหน้าน้องชายและน้องสะใภ้ พ่อหยางก็ทั้งรู้สึกละอายใจและเดือดดาล “แกจะพูดเรื่องเมื่อหลายปีก่อนไปทำไม เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ยังจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่อีกเหรอ?”
หยางจิ้นพูด “ทีแม่ยังทำถึงขั้นขู่เอาชีวิตตัวเองเพื่อบังคับให้ผมยกหน้าร้านให้น้องเลย แล้วทำไมผมจะเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่ได้? แม่กินยาเพราะใครพ่อก็ไปหาคนคนนั้นสิ จะมาพึ่งพาผมทำไม?”
พ่อหยางตะคอก “บอกฉันมา แกจะยอมยกหน้าร้านให้น้องชายของแกไหม?”
“ไม่ให้!” หยางจิ้นตอบกลับอย่างหนักแน่น
ตอนนี้หัวใจของเขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแม่ตัวเองจะขู่ฆ่าตัวตายเพื่อยกหน้าร้านของเขาให้น้องชายและน้องสะใภ้ สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
พ่อหยางพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แกอยากบีบบังคับให้ฉันตายด้วยอีกคนถึงจะยอมแต่โดยดีใช่ไหม?”
หยางจิ้นพูดอย่างเย็นชา “ไม่มีใครบังคับพ่อทั้งนั้น แต่พ่อกำลังพยายามบีบบังคับให้ผมตายแทน!”
เมื่อเห็นพ่อลูกเถียงกันอย่างรุนแรง พยาบาลก็รีบเข้ามาพูดด้วยท่าทางร้อนรน “ที่นี่คือโรงพยาบาลนะคะ หากพวกคุณยังส่งเสียงดังแบบนี้อีก ฉันคงต้องเชิญพวกคุณออกไป!”
พ่อและลูกชายจึงต้องยอมหุบปากโดยไม่เต็มใจ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา แม่หยางก็ถูกเข็นเตียงออกมา
ทุกคนเข้าล้อมรอบหล่อนทันที
พ่อหยางถามอย่างกระวนกระวาย “ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง?”
แพทย์ผู้ดูแลกล่าวว่า “ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตครับ แต่ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว และยาที่หล่อนรับประทานก็มีผลข้างเคียงทำให้สมองตาย เป็นผลให้หล่อนมีเนื้อสมองตายเป็นบริเวณกว้าง และมีแนวโน้มที่จะมีผลข้างเคียงตามมา เช่น อัมพาตครึ่งซีกและอุปสรรคทางภาษา สมาชิกในครอบครัวต้องดูแลผู้ป่วยด้วยอดทนและช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวโดยเร็วที่สุดนะครับ”
หัวใจของหลินม่ายกระตุก รีบถามแพทย์ผู้ดูแลทันที “คุณหมอคะ ยาที่คุณป้าหยางกลืนลงไปเป็นอันตรายถึงชีวิตไหมคะ?”
แพทย์ผู้ดูแลส่ายหัว “คนไข้รับประทานยานอร์เอฟริดีน ยาชนิดนี้มีสรรพคุณรักษาหวัดได้อย่างอัศจรรย์ แล้วถึงตายได้อย่างไร?”
หลินม่ายพยักหน้ารับฟังและไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากที่พ่อหยาง ครอบครัวหยางเซิง และครอบครัวหยางจิ้นได้ยินการสนทนาระหว่างหลินม่ายและแพทย์ผู้ดูแล การแสดงออกของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด ซึ่งเรียกได้ว่าแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นว่าแม่หยางไม่เป็นไรมาก หลินม่ายจึงกล่าวลากับพี่สาวคนโตและพี่เขย ก่อนเดินจากไป
เธอยังต้องนำลูกทั้งสองไปไหว้ปู่ย่าไป๋และตายายหลัวเพื่ออวยพรวันปีใหม่ ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาอยู่ที่นี่ต่อไป
สองพี่น้องไป๋เซี่ยต้องการส่งคำอวยพรปีใหม่ให้กับปู่ย่าตายายเช่นกัน พวกเขาจึงขอตัวกลับไปพร้อมกับหลินม่าย
หยางจิ้นรอกระทั่งพวกเขาลับสายตา ก่อนพูดกับพ่อหยางเสียงเย็น “ในเมื่อแม่พ้นขีดอันตรายแล้ว เราก็จะไปเหมือนกัน” พูดจบ เขาก็หันหลังและจากไปพร้อมกับภรรยาและลูกสาว
หยางเซิงรีบพูด “พี่ จะกลับไปก่อนที่แม่จะฟื้นขึ้นมา พี่จะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ?”
หยางจิ้นตอบกลับด้วยคำประชดประชัน “แกเองก็ไม่ได้ต่างกัน แกมักจะใช้แม่เป็นเครื่องมือเพื่อฉกฉวยประโยชน์จากพวกเรา!”
หยางเซิงพูดด้วยสีหน้าเศร้า “ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ทั้งหมดเป็นความต้องการของแม่เอง มันไม่ได้เกี่ยวกับครอบครัวผมเลย”
หยางจิ้นตะคอกอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉันเหมือนกัน!”
“ใครทำให้แม่ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ก็อยู่ดูแลแม่ไปแล้วกัน!” สิ้นเสียงกล่าว หยางจิ้นก็พาภรรยาและลูกสาวเดินจากไปท่ามกลางเสียงด่าทอของพ่อหยาง
ไป๋เหยียนเดินตามสามีออกไปและพูดอย่างกระวนกระวายใจ “คุณจะไม่สนใจแม่ของคุณจริง ๆ เหรอ?”
หล่อนกลัวว่าหากตนไม่ดูแลแม่หยาง คนนอกจะนินทาและวิจารณ์หล่อนได้
หยางจิ้นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบว่า “ถ้างั้นซื้อขนมและผลไม้ไปเยี่ยมบ้าง แต่เราจะไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลสักหยวน แม่ถึงขั้นขู่ดื่มยาฆ่าตัวตายเพื่อครอบครัวของน้องชายผม แล้วทำไมเราต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยล่ะ!”
ไป๋เหยียนพยักหน้า “ฉันจะไปซื้อมาให้ค่ะ”
หยางจิ้นพูด “คุณพาเถียนเถียนกลับบ้านเถอะ ผมจะไปซื้อให้แม่เอง”
เขาไม่กล้าให้ไป๋เหยียนซื้อของฝากไปเยี่ยมแม่ของเขา
พ่อแม่ของเขาจะต้องดุด่าหล่อนอย่างรุนแรง เขาไม่ต้องการให้ภรรยาของตัวเองถูกว่าร้ายโดยไม่มีเหตุผล
…
หลินม่ายและพี่น้องไป๋เซี่ยไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของขวัญมากมาย ก่อนจะเดินทางไปอวยพรวันปีใหม่ให้ตาหลัวและยายหลัว
บ้านของตาหลัวและยายหลัวเต็มไปด้วยลูกหลาน ซึ่งทำให้บรรยากาศของบ้านสนุกสนานและชื่นมื่น
หลินม่ายวางของขวัญและอวยพรปีใหม่ให้กับผู้เฒ่าทั้งสอง เธอใช้ข้ออ้างว่าปีนี้ที่บ้านมีแขกเยอะและต้องกลับไปดูแล ก่อนจะขอตัวกลับไปก่อน
ทันทีที่แม่ไป๋เดินเข้ามาหามู่ตงตัวน้อยอย่างใกล้ชิด หลินม่ายก็อุ้มเด็กน้อยน่ารักเดินจากไป ซึ่งทำให้แม่ไป๋รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
เมื่อหลินม่ายเดินออกไป พี่น้องไป๋เซี่ยก็ขอตัวลากลับเช่นกัน
พี่น้องทั้งสามไปยังบ้านปู่ไป๋และย่าไป๋ อวยพรวันปีใหม่แก่ผู้เฒ่าทั้งสอง หลังรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน พวกเขาจึงขอตัวกลับ
ทันทีที่ออกมานอกบ้าน พวกเขาก็เห็นรถจี๊ปของฟางจั๋วหรานขับเข้ามา
ไป๋ลู่ตบไหล่หลินม่ายและพูดติดตลก “สามีของเธอมารับกลับบ้านแล้ว
คนอื่นห่างกันวันเดียวก็รู้สึกเหมือนผ่านฤดูใบไม้ร่วงมาสามหน แต่น้องเขยนี่ไม่เจอหน้าภรรยาเพียงชั่วครู่ก็รู้สึกเหมือนฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปสามหนแล้ว”
ฟางจั๋วหรานเห็นหลินม่ายและคนอื่น ๆ เดินออกมา เขาจึงยื่นหัวออกจากหน้าต่างรถและบอกให้ทุกคนเข้ามาในรถ
ไป๋ลู่โบกมือให้เขา “เราคงไม่ได้กลับด้วยค่ะ”
หลินม่ายพูด “พวกเขาขับรถของพ่อมาน่ะ”
ฟางจั๋วหรานจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนพาภรรยาและลูกทั้งสองกลับไป
ทันทีที่ครอบครัวหลินม่ายกลับมาถึงบ้าน ปู่ฟางก็เรียกคุยกับทุกคนในครอบครัว
โดยบอกว่าพรุ่งนี้ลูกหลานตระกูลฟางรวมถึงเหล่าเขยและสะใภ้จะมาอวยพรปีใหม่ให้กับสหายเก่าของปู่ฟางและย่าฟางภายใต้การนำของฟางเว่ยกั๋ว
เมื่อปีที่แล้ว ปู่ฟางและย่าฟางต้องการให้หลินม่ายไปทักทายเหล่าผู้อาวุโสหลายสิบคนเหล่านี้ แต่เนื่องจากเกิดพายุหิมะ พวกเขาจึงต้องยกเลิกแผนการไป
ปีนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปอวยพรปีใหม่ให้ครบทุกคน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สหายเก่าของเขาพูดว่าคุณปู่ฟางมีตำแหน่งสูง ลูกหลานต่างก็อยู่ในเมืองหลวงในวันปีใหม่นี้ แต่กลับไม่มีใครไปเยี่ยมเยียนพวกเขาเลย
ลูกหลานของพวกเขาไม่เพียงอวยพรปีใหม่แก่ปู่ฟางและย่าฟาง แต่ยังมอบของขวัญในช่วงวันปีใหม่และเทศกาลอื่น ๆ มากมาย
หลังจากการประชุมครอบครัว คุณย่าฟางก็เรียกหลินม่ายให้อยู่ก่อน และกระซิบบอก “บอกพ่อของเธอด้วย ต่อจากนี้ให้พี่ชายของหลานมาเยี่ยมเยียนในช่วงวันปีใหม่ เอาขนมมาเป็นของขวัญสักสองกล่อง ไม่ต้องส่งอาหารเสริมบำรุงสุขภาพมาเยอะ อาหารเสริมไม่ได้ให้คุณค่าทางโภชนาการเท่าไก่ เป็ด ปลา เนื้อ และไข่ แถมยังมีราคาแพงด้วย งั้นอย่าไปเสียเงินเลย”
หลินม่ายตอบรับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อกลับมายังห้องตัวเอง หลินม่ายโทรเข้าโทรศัพท์บ้านของพี่สาวคนโตไป๋เหยียน เพื่อถามว่าหลังจากที่พวกเธอกลับแล้ว พ่อหยาง หยางเซิงและภรรยาได้สร้างความยุ่งยากให้กับพวกเขาหรือไม่
โทรศัพท์ดังขึ้นราวสองถึงสามครั้ง ไป๋เหยียนรับสายและพูดขอโทษ “พี่น้องอุตส่าห์มาที่บ้านเพื่อฉลองวันปีใหม่ แต่เพราะเรื่องที่เกิดกับคุณย่าของเถียนเถียน พี่เลยไม่ได้ต้อนรับพวกเธออย่างดี เมื่อไหร่ที่คุณย่าของเถียนเถียนออกจากโรงพยาบาล พี่เขยและฉันจะไปรับเธอมาเล่นที่บ้านและทำอาหารกินด้วยกัน”
หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เป็นพี่สาวของฉันนะ ไม่เห็นต้องสุภาพขนาดนั้นเลย”
เธอเปลี่ยนเรื่องและถามถึงเรื่องที่เธอกังวล
ไป๋เหยียนกล่าว “เพราะพี่เขยเธออยู่ด้วย พ่อตาและคนอื่น ๆ จึงไม่กล้าทำเรื่องให้เราอับอาย เธออย่ากังวลไปเลย อายุยังน้อย แต่กลับกังวลกับทุกเรื่อง มันจะทำให้เธอแก่เร็วขึ้นนะ”
หลินม่ายกล่าว “ถ้าเป็นเรื่องคนอื่นฉันคงไม่กังวลหรอก แต่เพราะเป็นเรื่องของพี่สาว ฉันก็ต้องกังวลสิ คุณย่าของเถียนเถียนฟื้นหรือยัง? แล้วหมอได้บอกถึงผลข้างเคียงที่ตามมาไหม?”
“ฉันไม่รู้เรื่องนั้นหรอก ตอนที่พวกเธอกลับไป พี่เขยของเธอก็ขอให้ฉันและเถียนเถียนกลับไปด้วย ในตอนนั้นคุณย่าของเถียนเถียนยังไม่ได้สติเลย”
หลังจากที่สองพี่น้องพูดจบ พ่อไป๋ก็โทรมาหาหลินม่าย ถามหลินม่ายว่ามีเวลาว่างตอนไหน ทุกคนจะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสถานการณ์และเยี่ยมเยียนแม่หยาง
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สองวันนี้หนูไม่ว่างเลยค่ะ พ่อไปดูแลสถานการณ์ก่อนก็ได้ ถ้าหนูว่างตอนไหน เดี๋ยวหนูเข้าไปเยี่ยมด้วยตัวเอง”
“พ่อปล่อยให้ลูกไปเผชิญหน้ากับพวกคนสุดโต่งตระกูลหยางด้วยตัวคนเดียวที่โรงพยาบาลไม่ได้หรอก พ่อจะไปกับลูก แล้วพ่อจะปกป้องลูกเอง”
หลินม่ายคิดในใจ พวกคนสุดโต่งตระกูลหยางแทบไม่มีค่าพอให้สนใจเมื่อเทียบกับหลินเจี้ยนกั๋วและอู๋จินกุ้ย ทัศนคติของคนพวกนั้นย่ำแย่กว่าตระกูลหยางมาก
แล้วเธอจะกลัวพวกเขาได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามเธอต้องยอมรับความรักและความปรารถนาดีที่พ่อไป๋มีให้ ดังนั้นจึงกำหนดเวลาไปเยี่ยนแม่หยางด้วยกันในเวลา 6 โมงเย็นของวันที่ 4
ระหว่างสองวันนี้เธอไม่มีมีเวลาว่าง เนื่องจากต้องไปอวยพรปีใหม่กับเหล่าสหายเก่าของปู่ฟางและย่าฟาง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กินยาเองก็รับผลการกระทำของตัวเองไปค่ะแม่หยาง เป็นอัมพาตขึ้นมาโทษใครไม่ได้นะ ไม่ใช่หน้าที่ของลูกคนโตอยู่แล้วเพราะไม่ใช่ความผิดเขา
รอพ่อไป๋มาฟาดหน้าพ่อหยางอยู่ค่ะ คนที่ทำร้ายลูกสะใภ้ตัวเองมันต้องเจอกับพ่อเขา เขาเลี้ยงลูกสาวเขามาอย่างดีเป็นหลายปี มีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายลูกเขา
ไหหม่า(海馬)