อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต – ตอนที่ 29 เล่ห์เหลี่ยม ดาร์คฟอร์ม

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

เล่ห์เหลี่ยม ดาร์คฟอร์ม

 

 

รู้สึกว่าพักนี้จำนวนของผู้รุกรานมันเพิ่มขึ้นแปลกๆ

 

ทว่ามันก็ทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นด้วย

 

แม้จะไม่เข้าใจเป้าหมายของพวกมันที่มาบุกโลก แต่ฉันก็จะสู้ต่อไป

 

เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น ชีวิตจำนวนมากจะตกเป็นเหยื่อสังเวย

 

 

 

 

「ไอ้จ้าวตัวบร้าเน้มันอารายกาน?!」

 

「แม้ว่าจาเปงพวกราวทั้ง 3 ก็ยังม่ายหวายเรอะ!?」

 

「อ้ากกกกก!?」

 

『BURNING!! SLASH!!』

 

 

มนุษย์ต่างดาวที่มันไม่รู้ว่ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่ ถูกดาบเพลิงผ่าร่างเป็นสองส่วน

 

ร่างหนังโครงกระดูกของมันถูกไฟลุกท่วมแล้วระเบิดไปทั้งแบบนั้น

 

 

 

 

『CHANGE!! SHOT BLUE!!』

 

『LIQUID SHOOTER!!』

 

 

ฉันเปลี่ยนฟอร์มมาใช้ช็อตบลูทันที ทั้งร่างถูกเปลี่ยนเป็นเกราะสีน้ำเงินและสายน้ำได้กระจายไปรอบๆเพื่อดับควันจากแรงระเบิด ปืนพลังงานได้โผล่มาอยู่ในมือฉัน ก่อนจะเล็งไปยังเอเลี่ยนอีกตัวที่หัว

 

 

 

 

「ยะ-อย่าข้าวม๊า!!」

 

「……」

 

 

มันพ่นเปลวไฟออกมาจากทั้งสองมือ

 

แต่ก่อนที่เปลวไฟจะได้ทำอะไรฉัน กระสุนพลังงานก็หยุดการโจมตีนั้นไว้เสียก่อน

 

จากนั้นฉันก็ติดลูปัสแด็กเกอร์เข้ากับปืน แล้วเข้าประชิดตัวแทงมันก่อนจะเปิดใช้ท่าพิเศษ

 

 

 

『AQUA!! FULLPOWER STINGER!!』

 

 

 

「ม่ายยยยยยย!?」

 

 

กระสุนพลังงานถูกบีบอัดแล้วปลดปล่อยออกมาจากกระบอกปืน ในขณะที่มีดยังคาร่างของมัน สุดท้ายร่างของมันก็กระเด็นไปกระแทกกับกำแพงแล้วสลายหายไปเป็นอนุภาคสีน้ำเงิน

 

เหลืออีกตัวสินะ

 

ฉันกดหัวเข็มขัดหนึ่งครั้งด้วยมือ เพื่อเปลี่ยนเป็นเซพฟอร์ม

 

 

 

『CHANGE SAVE FORM!!!』

 

 

ขณะเปลี่ยงร่างกลับฉันก็ได้สะท้อนบีมที่อีกฝ่ายอีกมาไปด้วย

 

 

「เชี้ย!? มะ ไม่อยู่แล้วว้อยยยย!!」

 

 

มันหันหลังให้กับฉันแล้วทำท่าพยายามหนี

 

ลักษณะของตัวที่ 3 หากจะให้อธิบายท่อนบนของมันเหมือนปลาหมึกแปลกๆ

 

ถ้าคิดจะหนีก็อย่ามารุกรานกันตั้งแต่แรกสิเห้ย!!

 

 

 

 

『DEADLY!! TYPE LUPUS!!』

 

 

ฉันโยนปืนในมือทิ้งและเปิดการใช้งานท่าพิเศษเป็นครั้งที่ 3

 

พลังทั้งหมดตอนนี้ได้ไปรวมกันอยู่บริเวณขา ฉันกระโดดเข้าไปหาเอเลี่ยนที่กำลังหนีอยู่

 

 

 

「ย๊า!!」

 

『BITING! CRASH!!』

 

「อั๊คคค——!?」

 

 

มันหันหลังกลับมาดู ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ลูกเตะของฉันได้กระแทกเข้ากับลำตัวของมันเต็มๆ

 

ร่างของมันกระเด็นออกไปและระเบิดก่อนจะถึงพื้น กระแสไฟฟ้าได้แตกกระจายไปในอากาศ

 

 

 

「เฮ้อ」

 

 

ฉันร่อนลงพื้น ถอนหายใจเหมือนคลายกังวลลงบ้างแล้ว

 

ไอ้เจ้าพวกนี้จะมากันอีกถึงเมื่อไหร่

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดระหว่างขี่ ลูปัสสไตรเกอร์ออกมาจากจุดปะทะ

 

 

 

「หือ?」

 

 

อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามองอยู่….

 

 

「……คิดไปเองมั้ง」

 

 

คงไม่แปลกอะไร

 

เพราะตลอดเดือนเศษๆนี้มีผู้รุกรานจากท้องฟ้ามาโดยคลอด

 

แถมยังไม่มีท่าทีจะจบง่ายๆ ไม่สิความรุนแรงมันเพิ่มขึ้นทุกครั้งด้วยซ้ำ 

 

 

「ขอโทษนะครับ ท่ากลับมาช้า!」

 

「เฮ้อ เอาเถอะคนมันก็ไม่ค่อยเยอะอะไรด้วย」

 

 

หลังเอาชนะพวกเอเลี่ยนมาได้ ฉันก็กลับมาทำงานต่อ

 

ฉันรีบล้างมือ ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วออกไปทำงานตามปกติ

 

 

 

「คัตสิกิคุงนี่เหมือนจะยุ่งๆนะ」

 

「ฮ่าๆๆ ก็มีปัญหานิดหน่อยครับช่วงนี้」

 

 

ฉันเช็ดโต๊ะขณะคุยกับลูกค้าประจำของร้าน

 

พอได้มาทำงานที่นี่สักพักหนึ่ง ก็เริ่มคุ้นหน้าลูกค้าประจำที่มาร้านเสียแล้ว

 

เขาเป็นชายใส่สูทสวมแว่น กำลังนั่งจิบกาแฟด้วยรอยยิ้ม

 

 

「โฮ่ๆ ไอ้เจ้านี่ เขาว่ากันว่าหากเป็นแบบนี้บ่อยๆ ไม่รู้หรือไงว่าจะปิ้วจากงาน」

 

「ตะ ต้องขอโทษด้วยครับ……」

 

「เหอะเอาเถอะน่า คนเรามันก็มีปัญหาร้อยแปดพันอย่างแหละ」

 

 

แม้จะไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ฉันก็ยิ้มให้กับมาสเตอร์ที่พูดออกมาจากครัว ว่าแล้วลูกค้าคนใหม่ก็เข้ามาในร้าน

 

 

 

「ยินดีต้อนรับครับ」

 

คนที่เข้ามาเป็นชายผมสีม่วง

 

ถือถุงกระดาษบางอย่างในมือ เขาเดินไปนั่งตรงเคาน์เตอร์ก่อนจะวางสัมภาระลงใกล้เท้า

 

ฉันยื่นแก้วน้ำให้กับเขาแล้วพูดคุยตามปกติ

 

 

 

「หากตัดสินใจเลือกเมนูได้แล้ว ก็เรียก――」

 

「ไม่คิดเลย ว่าคนแบบนั้นจะเป็นนายไปได้」

 

「เอ๋? คนแบบนั้น……?」

 

 

เขาหันมายิ้มให้กับฉัน

 

 

「อัศวินขาว」

 

「คึ!!?」

 

「เราย้ายที่คุยกันดีกว่าไหม?」

 

 

อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่ก็เอเลี่ยน?!

 

หรือตัวจริงของฉันถูกรู้แล้ว?! ไม่สิต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน

 

ฉันพยักหน้าให้กับอีกฝ่าย แล้วตะโกนบอกมาสเตอร์ขณะหยิบกระเป๋าที่ใส่ชิโระเอาไว้มาด้วย

 

 

「ขอโทษนะครับ แต่เหมือนเขาคนนี้จะมีเรื่องคุยกับผม เดี๋ยวขอตัวก่อนนะครับ」

 

「อ้า เข้าใจแล้ว…เฮ้อ ช่วยไม่ได้สิน้า เอาเป็นว่ารีบกลับมาละกัน」

 

「ครับ」

 

 

ฉันพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ แล้วเดินตามชายคนนั้นออกไป

 

ในขณะที่ฉันวางมือตรงประตู ก็มีสาวผมขาวแสนคุ้นหน้าปรากฏตัวจากอีกฝั่งแทน

 

 

 

「พี่……!?」

 

「อ้าว คัตซึน ตั้งใจจะหาช่วงพักเที่ยงแท้ๆ…จะออกไปไหนเหรอ?」

 

「อะ เอ่อ พอดีว่ามีธุระนิดหน่อยน่ะ แต่เดี๋ยวผมจะรีบกลับมานะพี่ฮาคัว」

 

「? อื้อ เข้าใจแล้ว」

 

 

พี่เดินเข้าไปในร้านแม้จะยังรู้สึกสงสัยอยู่

 

ชายหนุ่มที่น่าจะเป็นเอเลี่ยนได้เดินนำหน้าฉันไป ส่วนฉันก็เดินตามโดยหวังว่าจะไม่ได้สู้อะไรกันนะ

 

 

 

「เอาละ ตรงนี้คงได้แล้ว」

 

「หมายถึงอะไร」

 

 

ทันใดนั้นเขาก็เปิดใช้งานอุปกรณ์บางอย่าง

 

ความมืดปกคลุมฉันกับอีกฝ่ายเอาไว้ ภาพตรงหน้าได้ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ที่ฉันไม่รู้จัก

 

ในนั้นนอกจากชายคนนั้นแล้ว ก็มีเอเลี่ยนติดอาวุธอยู่อีกประมาณ 10 กว่าตัว

 

 

「พวกนี้คือลูกน้องของฉัน โดยทั้งหมดอยู่ในลำดับแห่งดวงดาราช่วง 200」

 

「……แล้วแกเป็นใครกันแน่」

 

「ฮ่าๆๆ นั่นสินะ ฉันลืมไปเลย」

 

 

ชายคนนั้นสัมผัสเส้นผมสีม่วงของตัวเองก่อนจะแนะนำตัวด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย

 

 

「ฉันยอร์ก้า ลำดับแห่งดวงดาราที่ 201」

 

「……」

 

 

ลำดับแห่งดวงดารานี่มันบ้าอะไรฟะ

 

แล้วทำไมต้องมาแนะนำลำดับให้ฉันรู้ด้วยล่ะ

 

 

 

「201? แล้วนั่นเรียกว่าต่ำหรือสูงดีล่ะ?」

 

「มันก็ต้องสูงอยู่แล้วนะสิ เห้อให้ตายสิ คุยกันไม่รู้เรื่องนี่มันลำบากจริงๆ」

 

 

หรือว่าไอ้พวกก่อนหน้านี้มันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เหมือนกัน?

 

เพราะฟังแล้วเหมือนพวกมันก็จะคุยเกี่ยวกับตัวเลขด้วยสิ….

 

 

「แม้ว่าลำดับแห่งดวงดาราที่ต่ำกว่า 100 ลงไปนั้นจะแตกต่างกันเป็นอย่างมากในด้านของพลังและความสามารถ ทว่านอกจากนั้นแทบไม่ได้จะมีความต่างในด้านของพลังเลยสักนิด」

 

 

หมายความว่าตั้งแต่ลำดับที่ 101 ขึ้นไปแทบไม่มีความต่างของพลังมากมายเลยสินะ?

 

แล้วมันจะมาบอกฉันทำไมกัน

 

ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องสนใจเสียหน่อย

 

 

 

「และเงื่อนไขการเพิ่มลำดับที่ง่ายดายขนาดนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน」

 

「ที่พูดมาทั้งหมดจะบอกว่าการเอาชนะฉันคือเงื่อนไขในการเลื่อนลำดับ?」

 

「ใช่แล้ว!」

 

 

นั่นปะไรเดาถูกอีก ทำไมต้องฉันด้วยฟะ

 

 

「พวกที่นายเอาชนะมาได้ก่อนหน้านี้คือลูกน้องของฉันเอง….เพราะว่าได้สั่งให้พวกมันพยายามเอาเครื่องติดตามใส่ตัวนายไว้ด้วย ก็เลยได้รู้ตำแหน่งของนายนี่แหละ」

 

「……แล้วไม่คิดบ้างหรือไงว่าแกจะจบลงแบบพวกมัน?」

 

 

ฉันว่าคุยกันมามากพอแล้ว

 

ฉันจึงเรียกชิโระออกมาเพื่อทำการแปลงร่าง

 

ต้องรีบเอาชนะมันแล้วกลับไปที่ร้าน―――!

 

 

 

「ฉันได้วางระเบิดที่ทำงานของนายไว้แล้ว」

 

「……หา?」

 

 

มือที่กำลังจะแปลงร่างได้หยุดลง

 

ระเบิด งั้นเหรอ?

 

 

「มันจะเปลี่ยนสิ่งในรัศมี 500 เมตรให้กลายเป็นเถ้าถ่าน คงไม่ต้องถามสินะว่าคนทั่วไปจะเป็นยังไง และนี่คือปุ่มเปิดการทำงานไงล่ะ!」

 

 

มันหยิบสวิตช์สีเขียวขึ้นมา

 

จากนั้นมันก็เอามืดไปกดปุ่มนั้นทันทีอย่างไม่ลังเล

 

 

「อ้าว! เผลอกดไปซะแล้วสิ!! ดูเหมือนว่าทั้งครอบครัวและเพื่อนของนายนะหายไปหมดซะแล้ว!!」

 

「……!?」

 

「ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นน่า ของจริงอันนี้ต่างหาก แต่ถ้าแกขัดขืนฉันก็พร้อมกดเหมือนกัน เข้าใจไหม?」

 

 

ถ้าแปลงร่างมันจะกดระเบิด 

 

มาสเตอร์ พี่ แล้วก็คนอื่นๆจะหายไป!

 

 

 

「ตอนนี้ ก็เลิกขัดขืนแล้วปล่อยให้ฉันฆ่านายซะ อัศวินขาวคุง」

 

 

ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฟังมัน

 

ชิโระที่กลายเป็นหัวเข็มขัด ตกลงกับพื้น

 

ในขณะเดียวกันก็มีเอเลี่ยนอีกตัวเดินเข้ามาชกฉันที่ท้องด้วยหมัด

 

 

「อึก……」

 

「ถ้าแปลงร่างไม่ได้แกก็ได้แค่นี้แหละ」

 

「เอ้า แกก็มาด้วยสิการ์ด้า」

 

「เพื่อนของฉันถูกแกฆ่าตาย ถ้าไม่ได้แกแค้น มันคงนอนตายตาไม่หลับแน่!」

 

 

พวกมันพูดบ้าอะไรกันฟะ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายมาบุกโลกแท้ๆ!

 

ฉันพยายามลุกขึ้นยืนในขณะเอามือกุมท้อง เอเลี่ยนที่อยู่ตรงหน้าก็ส่งยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมา

 

 

「แกน่ะเสร็จพวกฉันแล้วเว้ยไอ้โง่」

 

「……!」

 

  

ฉันไม่สามารถเสียพี่ไปได้

 

ครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของฉัน

 

ฉันทนที่จะต้องเสียครอบครัวฉันเหมือนตอนนั้นอีกไม่ได้แล้ว

 

「ตอนนั้น เหรอ?」

 

 

ตอนนั้น?

 

มันตอนไหนกันล่ะ?

 

พี่เป็นครอบครัวที่ฉันเหลือเพียงคนเดียวนี่นา

 

ไม่น่าจะมีใครนอกจากนี้แล้วสิ

 

 

 

「———อะ」

 

 

ปวดหัวชะมัด

 

ราวกับส่วนลึกสุดในความทรงจำของฉันมันถูกคว้านออกมา สิ่งที่เข้ามาภายในใจของฉันมันเหมือนความทรงจำที่ไม่เคยมีอยู่จริง

 

 

『ทำไม ถึงยัง มีชีวิต อยู่』

 

『หากแก ตายแทน พวกเรา ละก็』

 

 

พ่อแม่ของฉันพยายามใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายในการสาปแช่งฉัน

 

พวกเขาเสียชีวิตไปก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึง

 

สิ่งที่พวกเขาทำได้ก่อนตายมีเพียงต่อว่าสาปแช่งฉัน

 

จากนั้นคนมากมายก็โจมตีฉันด้วยคำพูดที่แสนโหดร้าย

 

เด็กแห่งปฏิหาริย์อะไรกัน มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการเลยสักนิด

 

 

 

『ไอ้ตัวน่าขยะแขยง』

 

『ยังไงเดี๋ยวก็ได้ไล่มันออกไปอยู่แล้ว』

 

『เงินประกันอะไรของมันก็ได้มาแล้วด้วยสิ』

 

 

ครอบครัวที่รับฉันไปเลี้ยงก็ทำราวกับฉันเป็นคนนอก

 

นี่มันความทรงจำของฉันงั้นเหรอ?

 

อย่ามาล้อกันเล่นนะเห้ย

 

ครอบครัวมันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงกัน

 

ครอบครัวของฉันน่ะ―――

 

 

――โถ่ คัตสิมิผู้น่ารักของฉัน

 

――กำลังสงสัยอยู่สินะว่าพี่สาวของแกหายไปไหนกัน?

 

 

 

「……อึก อะ……อุ」

 

 

ความทรงจำที่เหมือนกับฝันร้ายนี้ ไม่ได้มีภาพของพี่ฮาคัวปรากฏอยู่เลย

 

เมื่อเห็นแบบนั้นร่างของฉันก็สั่นไปทั้งตัว

 

มันหนักเสียยิ่งกว่าความเจ็บปวดที่ถูกทุบตีซะอีก หัวใจของฉันก็เหมือนกำลังจะแหลกสลาย

 

ไม่ชอบเลย

 

ไม่เอา ไม่ชอบใจเลยสักนิด!!

 

 

 

「——โกหก」 

 

 

ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็นแค่เด็ก

 

เด็กชายที่เติบโตมาได้เพียง 10 กว่าปี

 

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เอาชนะคนระดับสูงได้มากเพียงใด หัวใจของเขาก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง หากใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเขาก็สามารถทำลายเขาได้ไม่ยาก

 

อย่างที่ฉันคิดเอาไว้ อัศวินขาวตอนนี้กลายเป็นเพียงผู้ไร้พลัง

 

 

「……」

 

「ที่เหลือ ก็แค่กำจัดนายไปซะแล้วก็――」

 

 

อยู่ดีๆก็เกิดเข็มขัดขึ้นที่เอวของเขา เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดจาอะไร

 

 

「คิดจะทำอะไรของนายกัน……!」

 

 

ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรจบ หัวเข็มขัดก็ได้ถูกติดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

 

ควันสีดำค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาของหมาป่า แล้วปกคลุมร่างกายของเขา

 

 

『AXE YELLOW……ปี๊บ ปี๊บ……ERROR!!』

 

 

 

 ……ッ!?

 

เสียงแปลกๆได้ดังขึ้นจากเข็มขัด

 

 

 

『WARNING!! WARNING!! WARNING!!』

 

 

เสียงเตือนราวกับบอกให้รู้ว่าจะเกิดอันตรายขึ้น

 

ทางฉันเองก็รู้สึกเย็นยะเยือกราวกับว่าอุณหภูมิโดยรอบกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

 

 

 

「นะ นี่มัน? เกิดอะไรขึ้นกัน!?」

 

ความผิดปกติเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

 

『ENDLESS RAGE!! WEAR DEATH WARRIOR!!』

 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากควันดำนั้นคือ นักรบทมิฬที่มีดวงตาสีดำสนิท

 

 

ชุดเกราะสีดำที่ประดับด้วยเส้นสายฟ้าสีแดง ลอยตัวขึ้นในอากาศและส่งเสียงอันน่าขนลุกออกมา ค่อยๆประกอบไปบนร่างของอีกฝ่าย

 

 

『EVIL BLACK!! → HAZARD FORM!!』

 

 

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันตอนนี้ ให้ความรู้สึกราวกับเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

 

 

 

『EAT KILL ALL……』

 

 

พอสิ้นเสียงนั้น หัวของเกียด้าลูกน้องลำดับที่ 243 ของฉันก็หายไปทันที

 

 

ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นก่อนที่จะได้กรีดร้องอะไร เมื่อหันไปหาอีกฝ่ายก็พบว่ามือขวาของมันกำลังจับหัวที่ขาดวิ่งของเกียด้าเอาไว้ ก่อนจะทิ้งลงกับพื้น

 

 

ฉันไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น

 

ทุกคนที่อยู่ตรงนี้เริ่มสั่นกลัวเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดที่เกิดความเข้าใจของตัวเอง

 

 

 

 

 

「ฮ่า」

 

 

 

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากใต้หน้ากากนั่น

 

 

 

「ฮ๊ากกกกกกกก!!!!!」

 

 

ในที่สุดฉันก็ตระหนักได้แล้วว่านักรบทมิฬตรงหน้าของฉันหาได้ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่มันกำลังหัวเราะออกมาราวกับปลดปล่อยอารมณ์ที่อยู่ภายใน

 

นี่ฉันได้ปลุกสิ่งที่ไม่ควรปลุกออกมาแล้วสินะ

 

————–

Note 1 : ฮาซาร์ตฟอร์ม!!! ว่าละเชียวบอสฟ้าจริงด้วย

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Status: Ongoing
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท