“พี่สาว จะทำเช่นไรกันดี ฮือๆๆ…” สายรุ้งร้องไห้โฮอยู่บนร่างเจ้าไก่ฟ้า
ซือหม่าโยวเย่ว์เองก็ยากจะรับไหว เธอเคยเห็นเขาจำแลงกายกับตาตนเอง และอยู่ร่วมกันมานานถึงสองปี ตอนนี้เขาบาดเจ็บจนมีสภาพเช่นนี้ ทำให้เธอมิอาจเชื่อสายตาตนเองได้เลยจริงๆ
เธอมองมารเฒ่าพลางถามว่า “ท่านอาจารย์ ไม่มีหนทางช่วยเขาแล้วจริงๆ หรือ”
มารเฒ่าเห็นเธอกล้ำกลืนฝืนทน จึงเอ่ยว่า “มิใช่ว่าไม่มีหนทางหรอก เพียงแค่มันอันตรายเกินไปเท่านั้น อาจทำให้ผู้ที่ช่วยเหลือเขาบาดเจ็บได้”
“คือวิธีใดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ทำพันธสัญญาน่ะ” มารเฒ่าพูด “ในร่างกายเขาไร้ซึ่งไอพลังชีวิตแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น แต่ถึงแม้จะทำเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่ดี ถ้าหากสำเร็จแล้วเขาก็จะถอดร่างเปลี่ยนกระดูกได้ แต่ถ้าหากล้มเหลว ผู้ที่ทำพันธสัญญากับเขาก็จะได้รับผลตีกลับจากการทำพันธสัญญา”
“นี่มิใช่การทำพันธสัญญาโดยกำเนิด คงจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอกกระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เรื่องนี้คงไม่หรอก แต่อาจทำให้พลังยุทธ์ลดถอย พลังจิตลดลง แต่จะถูกทำร้ายมากเพียงใดนั้นมิอาจประมาณการได้เลย” มารเฒ่าพูด “ดังนั้นจึงต้องคิดให้ดีล่ะ”
“พี่สาว…” สายรุ้งมองซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยแววตาอ้อนวอน
ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูเจ้าไก่ฟ้าที่นอนหายใจรวยรินแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อมีวิธี เช่นนั้นก็ต้องลองดูสักตั้งสิ ท่านอาจารย์ อีกประเดี๋ยวท่านช่วยสร้างค่ายกลคุ้มกันให้ข้าด้วยนะ”
ปากบอกว่าค่ายกลคุ้มกัน แต่ความจริงแล้วถ้าหากล้มเหลว จะได้กระทบต่อชีวิตเธอเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
“เช่นนั้นข้าไปหานักฝึกสัตว์อสูรมาสักคนหนึ่งก่อนแล้วกัน” มารเฒ่าพูด
“ไม่ต้องหรอก ท่านอาจารย์” ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้าไปแล้ววางมือลงบนหัวเจ้าไก่ฟ้า ก่อนจะเริ่มต้นใช้เคล็ดควบคุมสัตว์อสูรในการฝึกเขา
ตลอดสองปีมานี้ที่เธออยู่ร่วมกับเจ้าไก่ฟ้า ก็ได้กลายเป็นสหายกันไปเรียบร้อยแล้ว เธอเคยคิดว่าเจ้าไก่ฟ้าอาจจะทำพันธสัญญากับตน บางทีตอนที่ตนไปจากดินแดนอี้หลิน เขาจะได้เป็นสหายกับตน เธอยังเคยคิดว่าบางทีทุกคนอาจจะแยกเส้นทางเดินกันไป แต่เธอกลับไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาทำพันธสัญญาในสถานการณ์เช่นนี้ได้
เพราะสติรับรู้ของเจ้าไก่ฟ้าเลือนรางไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการต้านทานโดยสัญชาตญาณ แต่ก็เบาบางอย่างยิ่ง เพียงไม่นานก็ถูกซือหม่าโยวเย่ว์จับได้อยู่หมัดเสียแล้ว
ในระหว่างกระบวนการฝึกให้เชื่อง กลิ่นอายของเจ้าไก่ฟ้าก็ยังคงลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้เธอกังวลใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเหลือเขากลับมาได้หรือไม่
“พี่สาว…” สายรุ้งมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างเป็นกังวล มันไม่อยากสูญเสียเจ้าไก่ฟ้าไป และไม่อยากให้ซือหม่าโยวเย่ว์ได้รับบาดเจ็บด้วย
ซือหม่าโยวเย่ว์ถอนหายใจยาวพลางมองสายรุ้งแล้วเอ่ยว่า “อย่ากังวลใจไปเลยนะ”
หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มต้นทำพันธสัญญา
รัศมีแห่งการทำพันธสัญญายังคงแผ่ปกคลุมอย่างต่อเนื่อง ซือหม่าโยวเย่ว์พยายามสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง แต่กลับพบว่าไม่ได้รับการยินยอมจากอีกฝ่าย การทำพันธสัญญาจึงไม่สำเร็จเสียที
“เจ้าไก่ฟ้า เอ่ยปากสิ!” เธอส่งเสียงเข้าไปภายในร่างของเจ้าไก่ฟ้า
“เจ้าไก่ฟ้า ข้ารู้นะว่าเจ้ายังอยู่ เจ้าตอบข้าสักครั้งสิ!”
“เจ้าไก่ฟ้า เจ้ายังมีอีกตั้งหลายเรื่องที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ ข้ารู้ว่าเจ้ายังอยากขึ้นไปที่เบื้องบน เจ้ายังมีเรื่องที่มิอาจปล่อยมือได้รอคอยอยู่ข้างบนนั้นนะ เจ้าอยากเดินมาถึงเพียงนี้เท่านั้นจริงๆ หรือ”
“เจ้าไก่ฟ้า สายรุ้งยังเล็กนัก ยังต้องการการปกป้องคุ้มครอง เจ้ามิได้รับปากบิดาของนางแล้วหรอกหรือว่าจะคอยดูแลนางให้ดี ถ้าหากเจ้าไปเช่นนี้แล้วนางจะทำเช่นไรเล่า”
“เจ้าฟังสิ สายรุ้งร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจเพียงใด นางกำลังร้องเรียกเจ้าอยู่นะ”
“เจ้าไก่ฟ้า สองปีมานี้ทุกคนล้วนเคยชินกับการมีเจ้าอยู่ด้วยไปแล้ว ข้ายังรอเจ้าพาไปเก็บกวาดเศษสวะพวกนั้นอยู่นะ!”
“เจ้าไก่ฟ้า กลับมาสิ พวกเราต้องการเจ้านะ…”
ซือหม่าโยวเย่ว์ใส่ความคิดสายแล้วสายเล่าของตนเข้าไปในห้วงสมองที่ใกล้จะแหลกสลายของเจ้าไก่ฟ้า เพื่อกระตุ้นสติรับรู้อันเงียบสนิทของเขา
“วืด…”
การทำพันธสัญญาดำเนินมาเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป พลังพันธสัญญาจึงเริ่มตีกลับและทำร้ายร่างกายของเธอ โลหิตไหลหยดลงมาจากมุมปาก แต่เธอก็ยังคงฝืนทนต่อไป
เดิมทีเมื่อมารเฒ่าเห็นว่าซือหม่าโยวเย่ว์เป็นนักฝึกสัตว์อสูรก็เกิดความประหลาดใจ แต่ก็ถูกความวิตกกังวลเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยิ่งเห็นเธอได้รับบาดเจ็บ จึงอ้าปากหมายจะบอกให้เธอหยุด แต่กลับถูกความแน่วแน่บนใบหน้าของเธอสกัดคำพูดเอาไว้ในคอหอย
สายรุ้งที่อยู่ข้างๆ เห็นรอยเลือดที่มุมปากซือหม่าโยวเย่ว์แล้วตกใจจนลืมร้องไห้ไปเลยทีเดียว
“เจ้าไก่ฟ้า เจ้าไม่อยากเดินทางร่วมกับพวกเราต่อไปแล้วจริงๆ น่ะหรือ พวกเรากำลังรอเจ้าอยู่นะ เจ้าตอบรับข้าเสียทีสิ!”
“เจ้าไก่ฟ้า ข้ารู้สึกว่าข้ากำลังจะต้านรับไม่ไหวแล้วนะ…”
“เจ้าไก่ฟ้า เจ้าเต็มใจจะทำพันธสัญญากับข้าหรือไม่…”
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าสติรับรู้ของตนเองก็เริ่มเลือนรางไปบ้างแล้ว ต่อมาตนพูดอะไรก็ไม่ทราบ แต่ทันใดนั้นเสียงอันเลือนรางเสียงหนึ่งคล้ายจะดังแหวกความวุ่นวายขึ้นมา ทำให้เธอสติแจ่มชัดในทันใด
“ข้าเต็มใจ…”
ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอจนไม่ได้ยิน แต่กฎเกณฑ์ฟ้าดินยังคงสัมผัสรับรู้ได้ เส้นสายของการทำพันธสัญญาเต็มสมบูรณ์ในที่สุดแล้วห่อหุ้มทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน
“สำเร็จแล้ว! สำเร็จแล้ว!” สายรุ้งร้องอย่างตื่นเต้นดีใจ
มารเฒ่าเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้แล้ว หัวใจที่ลอยคว้างอยู่จึงสงบลงได้ในที่สุด
เมื่อใดที่สร้างพันธสัญญาแล้วก็จะเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว เมื่อรัศมีจางหายไป เจ้าไก่ฟ้าในร่างมนุษย์ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ในมืออุ้มซือหม่าโยวเย่ว์ที่หมดสติอยู่เอาไว้
“พี่สาว…” สายรุ้งเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
ลำแสงแห่งการเลื่อนระดับโอบล้อมทั้งคู่เอาไว้อีกครั้ง เจ้าไก่ฟ้าเลื่อนระดับเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น กลายเป็นสัตว์อสูรเหนือเทพขั้นสาม ส่วนซือหม่าโยวเย่ว์นั้นเลื่อนระดับจากราชันวิญญาณขั้นสองไปถึงระดับราชันยวิญญาณขั้นห้า เลื่อนถึงสามระดับขั้นย่อยในคราวเดียว
มารเฒ่าเสียดายแทนซือหม่าโยวเย่ว์อยู่บ้าง ถ้าหากเจ้าไก่ฟ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ และเธอมิได้ถูกการทำพันธสัญญาตีกลับ ก็จะเลื่อนระดับได้มากกว่านี้เสียอีก
สายรุ้งบินมาเกาะบนหัวไหล่เจ้าไก่ฟ้าพลางมองดูซือหม่าโยวเย่ว์ที่มีสีหน้าซีดขาวแล้วถามว่า “สามี เหตุใดท่านจึงหายดีได้เร็วถึงเพียงนี้เล่า พี่สาวคงไม่เป็นไรกระมัง”
“อาการสาหัสพอสมควรเลยละ” เจ้าไก่ฟ้ามองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างเจ็บปวดใจ เขารู้ได้เลยว่าเมื่อครู่เธอเสี่ยงอันตรายมากเพียงใด
เขาวางซือหม่าโยวเย่ว์ลงบนเตียงแล้วหันมามองมารเฒ่า
“เหตุใดอาการบาดเจ็บของสามีหายดีแล้ว แต่พี่สาวยังไม่หายเล่า” สายรุ้งไม่เข้าใจ
มารเฒ่าเข้ามาตรวจดูอาการของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “อาการบาดเจ็บของเจ้าไก่ฟ้าเกิดจากพลังภายนอกทำร้าย จึงได้ถูกรักษาไปตอนที่ทำพันธสัญญาแล้ว แต่อาการของโยวเย่ว์นั้นเกิดจากพลังพันธสัญญาตีกลับ ดังนั้นพลังพันธสัญญาจึงมิได้รักษาอาการของนาง”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า”
“อาการบาดเจ็บจากพันธสัญญาตีกลับนั้นได้แต่ประคับประคองไปอย่างช้าๆ เท่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะการฟื้นฟูของตัวนางเอง หากเป็นคนทั่วไปน่าจะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีครึ่งจึงจะหายดีได้” มารเฒ่าพูด “ตลอดหนึ่งปีนี้นางจะไม่อาจบำเพ็ญได้แล้ว ป้อนยารักษาให้นางก่อนดีกว่านะ”
เรื่องที่ซือหม่าโยวเย่ว์ได้รับบาดเจ็บแพร่ไปทั่วทั้งตระกูลซือหม่าอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างเจ็บปวดใจแทนเธอ และยังดีใจกับเธอที่ได้ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรเหนือเทพด้วย
เมื่อได้รู้ว่าเธออาจไม่สามารถบำเพ็ญได้นานถึงหนึ่งปีครึ่ง ทุกคนต่างพากันเสียดายแทนเธอ เพราะตอนนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่เธอจะได้บำเพ็ญ ระยะเวลาหนึ่งปีนี้เพียงพอที่จะทำให้เธอพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากทีเดียว
ทว่าต่อมาซือหม่าโยวเย่ว์กลับทำให้ทุกคนตกใจจนคางแทบร่วงหล่น มิได้บอกว่าต้องนอนอยู่บนเตียงหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อยหรอกหรือ เหตุใดเพียงสามวันเจ้าคนผู้นี้ก็ลงมาจากเตียงได้แล้วเล่า
มิได้บอกว่ามิอาจใช้ปราณวิญญาณได้นานครึ่งปีหรอกหรือ เหตุใดยังไม่ทันถึงครึ่งเดือน เธอก็เริ่มใช้ปราณวิญญาณได้แล้วเล่า
ทุกคนตื่นตกใจเพราะเธอไม่น้อย แม้กระทั่งมารเฒ่าเองก็ยังรู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย จึงได้ไปซักถามดู
ซือหม่าโยวเย่ว์จึงได้บอกเรื่องกายภาพมารเทพของตน ที่ซ่อมแซมบาดแผลได้เองกับเขา
เมื่อได้รู้สถานการณ์ของซือหม่าโยวเย่ว์ มารเฒ่าจึงนิ่งงันไป เขาน้ำตาตกในเลยทีเดียว
เหตุใดศิษย์ที่ตนรับมาจึงไม่มีใครที่ร่างกายเป็นปกติเลยเล่า คนหนึ่งวิญญาณไม่สมบูรณ์ ส่วนอีกคนมีกายภาพมารเทพ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา เขาดวงกุดถึงเพียงนี้เชียวหรือ