ชายฉกรรจ์เหล่านั้นชะงักก่อนหันกลับไป ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับยิ้มและตอบอย่างตรงไปตรงมา ”คุณผู้หญิง ที่นี่เป็นอู่ซ่อมรถ และพวกเราก็ไม่ใช่หมอผี คุณได้ที่อยู่มาผิดหรือเปล่า หมอผีอยู่ที่ถนนเส้นถัดไปต่างหาก” ตามกฎที่เธอตั้งไว้ เธอจะรับงานก็ต่อเมื่อพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น ไม่มีใครมาหาเธอในเวลากลางวัน
“มีคนบอกฉันว่าที่นี่มีหมอผีอยู่” ผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีเทาตัวยาวและเปรอะไปด้วยคราบน้ำมัน เธอมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างระมัดระวัง แล้วจึงกล่าวว่า ”คนคนนั้นแซ่ถัง เขาบอกว่าถ้าฉันมาที่นี่ คนที่นี่น่าจะสามารถช่วยฉันได้”
ถังเส่าหรือ สีหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะจ้องมองผู้หญิงคนนั้น ”เขาฝากอะไรมากับคุณด้วยหรือเปล่า”
“หือ? เขาต้องฝากอะไรมากับฉันด้วยหรือ” ทันใดนั้น จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ดูเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก ”เขาบอกว่าถ้าฉันมาถึงแล้ว ให้ฉันเอามือถือให้คุณดู” ผู้หญิงคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือราคาถูกออกมาจากกระเป๋า
เฮ่อเหลียนเวยเวยรับโทรศัพท์เครื่องนั้นมาจากหญิงสาว หน้าจอที่เดิมทีเคยติดๆ ดับๆ กลับสว่างวาบขึ้นในทันใด สัญลักษณ์รูปสุนัขจิ้งจอกสีเงินปรากฏขึ้นบนหน้าจอ มันย่อตัวลงเหมือนกำลังจะกระโจนออกมาจากหน้าจอนั้น แต่สุดท้ายสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นก็หายไปแล้วกลายเป็นตัวหนังสือเรียงต่อกันเป็นประโยคว่า ”ฉันยกให้เธอจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่รู้สึกประหลาดใจกับฝีมือแฮกข้อมูลของถังเส่าแต่อย่างใด เพราะเขาสามารถเจาะเข้าระบบดิจิตอลได้ทุกประเภท
แต่ผู้หญิงที่มาหาเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยเห็นฟังก์ชันการใช้งานนี้บนโทรศัพท์ของตัวเองมาก่อน ดวงตาของเธอถึงได้เบิกกว้าง และอ้าปากค้างเช่นนี้ ”อะไรน่ะ! นั่นมันอะไรกัน”
“มันคือใบมอบหมายภารกิจ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับส่งโทรศัพท์คืนให้กับเจ้าของของมัน
ผู้หญิงคนนั้นรับโทรศัพท์ของตัวเองกลับมาแล้วเริ่มตรวจสอบมันอีกครั้ง แต่ภาพเคลื่อนไหวนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏขึ้นมาอีก ”เอ๋ หายไปไหนแล้วเนี่ย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ให้คำตอบกับเธอ หายากทีเดียวที่ถังเส่าจะเป็นผู้มอบหมายคำสั่งลับของสำนักถังให้กับคนอื่นด้วยตัวเองเช่นนี้ และทุกครั้งคำสั่งนั้นก็มักจะปรากฏขึ้นด้วยวิธีการอันสุดแสนจะสร้างสรรค์ ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปตามๆ กัน นี่คือหนทางในการป้องกันตัวของสำนักถัง
“คุณหนักใจเรื่องอะไรอยู่หรือ เล่ามาสิ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างอย่างสบายๆ รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอทำให้คนที่เห็นลดความระวังตัวลงได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้น น้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาจากดวงตาของหญิงสาวระหว่างที่เธอสะอื้นไห้ด้วยความสิ้นหวัง ”ลูกของฉันหายตัวไป! ฉันหาเขาไม่เจอเลยสักที่เดียว”
“คุณแจ้งความกับตำรวจหรือยังคะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยถามเสียงเบา
ผู้หญิงคนนั้นกำมือเข้าหากันแน่น ”ตำรวจไม่รับแจ้งความเพราะมันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“กะแล้ว” นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขของคดีเด็กหายเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พูดตามตรงว่าการสืบสวนที่ล่าช้าไปกว่าหนึ่งวันนั้นย่อมสายเกินไป
แต่…
“คุณรู้ได้อย่างไรหรือว่าการหายตัวไปของลูกชายเกี่ยวข้องกับภูตผีวิญญาณ” นี่คือคำถามแรกของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ผู้หญิงคนนั้นกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะตอบว่า ”ลูกชายของฉันไม่ใช่เด็กคนเดียวที่หายไป ตั้งแต่เริ่มเปิดเทอม ก็มีเด็กจากห้องอนุบาลเด็กโตหายตัวไปคนแล้วคนเล่า และเรื่องนี้มักจะเกิดขึ้นทุกๆ สองวัน เด็กส่วนใหญ่จะหายตัวไปตอนเย็นหลังจากโรงเรียนเลิก แต่มันก็กินเวลาไม่นานนักตั้งแต่เด็กๆ หายตัวไป และทางโรงเรียนก็ยังยืนกรานว่าเด็กๆ มีญาติมารับกลับบ้านแล้วอีกด้วย แต่ฉันรู้จักลูกชายตัวเองดี เขาไม่มีทางตามคนแปลกหน้าไปแน่ๆ”
“ห้องอนุบาลเด็กโตหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนสายตาขึ้น ”คุณหมายถึงโรงเรียนอนุบาลในละแวกเดียวกับที่เราอยู่นี่หรือคะ”
ผู้หญิงคนนั้นตอบพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักใจ ”ฉันบอกคนอื่นๆ แล้วว่าโรงเรียนอนุบาลนั่นดูไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่มีใครเชื่อฉันเลยสักคน แต่ที่นั่นมีบางอย่างน่าสงสัยจริงๆ นะคะ”
“โรงเรียนอนุบาลแห่งนั้นปกติดี” เฮ่อเหลียนเวยเวยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในขณะเดียวกันคิ้วของเธอกลับขมวดเข้าหากันราวกับกำลังใช้ความคิด
ผู้หญิงคนนั้นกัดริมฝีปากบางของตัวเองเล็กน้อย ”คุณก็ไม่เชื่อฉันเหมือนกันหรือ”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อค่ะ แต่ฉันเองก็เคยไปที่โรงเรียนแห่งนั้นมาก่อนเหมือนกัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสริมว่า ”ลูกชายของฉันก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนนั้น แล้วเขาก็เพิ่งไปรายงานตัวเข้าเรียนวันนี้นี่เอง ตัวโรงเรียนอนุบาลที่ว่านั่นไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยสักอย่างเดียว แต่คำถามที่สำคัญที่สุดก็คือใครเป็นคนลักพาตัวลูกชายของคุณไปต่างหาก โชคร้ายที่เรามีหลักฐานน้อยเกินไป ฉันจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวนี้เกี่ยวข้องกับภูตผีวิญญาณจริงๆ หรือเปล่า”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย ผู้หญิงคนนั้นก็มีทีท่าลังเลว่าจะพูดคุยกับเธอต่อดีหรือไม่
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า ”ถ้าคุณไม่เล่าความจริงทั้งหมดให้ฉันฟัง ยิ่งเวลาผ่านไป โอกาสที่เราจะสามารถช่วยลูกชายของคุณกลับมาได้ก็จะยิ่งลดน้อยลง”
“อันที่จริง…” น้ำตาไหลลงมาตามแก้มของหญิงสาวระหว่างที่เธอพูด ”ลูกชายของฉันเริ่มทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ก็อย่างที่คุณเห็น ครอบครัวของเราไม่ได้มีฐานะดีนัก พ่อของเขาเป็นแค่พนักงานก่อสร้างธรรมดา ส่วนฉันเองก็เปิดร้านบะหมี่ ลูกค้าส่วนมากจะมากินบะหมี่กันตอนบ่าย ดังนั้นฉันก็เลยไปรับลูกช้าเป็นเรื่องปกติ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาบอกฉันว่าเขารู้สึกเหมือนมีตัวอะไรกำลังเดินตามหลังเขาอยู่ ทีแรกฉันคิดว่าเขาคงจินตนาการไปเอง และคงไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก ดังนั้นฉันก็เลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก แต่สองสามวันก่อนที่เขาจะหายตัวไป เขาอยู่ในห้องคนเดียว แต่กลับเหมือนกำลังพูดคุยกับใครอยู่ พอฉันถามว่าเขาคุยกับใคร เขาก็บอกว่าเขากำลังเล่นกับเด็กผู้ชายตัวน้อยอยู่ค่ะ แต่ในห้องนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคน ฉันรู้สึกกลัวมาก ก็เลยไปเอายันต์ที่วัดมาให้เขา จากนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ แต่ตอนนี้เขากลับหายตัวไปแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยฟังผู้หญิงคนนั้นเล่า แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องอยู่ที่ด้านหลังของอีกฝ่าย จากนั้นเธอจึงถามขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยว่า ”นอกจากลูกชายคนนี้แล้ว ก่อนหน้านี้คุณกับสามีเคยมีลูกมาก่อนหรือเปล่าคะ”
ผู้หญิงคนนั้นตัวแข็งทื่อทันที ”คุณ… รู้ได้ยังไง”
“ฉันอ่านเอาจากดวงชะตาของคุณค่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเงาเล็กๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น ”เขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถชนหรือ”
ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ เธอก็ส่งเสียงสะอื้นอันกรีดแทงใจออกมาพร้อมกับพยักหน้าอย่างแรง
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ควรพูดเรื่องภูตผีวิญญาณให้คนธรรมดาฟัง แต่เธอก็ถ่ายทอดความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับหญิงสาวฟังได้อย่างมีชั้นเชิง ”ลูกชายของคุณได้เจอกับเด็กผู้ชายตัวน้อยที่ว่านั่นจริงๆ ค่ะ แต่เด็กคนนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายลูกชายของคุณ พวกเขามีสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเชื่อมโยงกันอยู่ ลูกคนแรกของคุณสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้ลูกชายของคุณและพยายามที่จะปกป้องเขา แต่โชคไม่ดีที่เขามีพลังจำกัดและไม่สามารถขัดขืนยันต์ได้ ดังนั้นเขาจึงจำต้องหนีไป ทั้งที่อันที่จริงเขาควรจะอยู่ต่อเพื่อคุ้มครองลูกชายของคุณ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด ลูกชายของคุณน่าจะหายตัวไปทันทีหลังจากลูกคนแรกของคุณไปจากที่นั่น”
ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้น้ำตานองหน้าหลังจากเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ”ฉันคิดมาตลอดว่าเขาจะโกรธที่ฉันกับพ่อของเขาให้ความรักทั้งหมดของเรากับเสี่ยวเสียง พวกเราคิดว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยให้เสี่ยวเสียงอยู่คนเดียว ฉัน…”
“เด็กทุกคนล้วนแต่มีจิตใจบริสุทธิ์งดงาม พวกเขามักจะตอบแทนความเมตตาที่พวกเขาได้รับมาเสมอ ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะรักลูกอีกคนมากกว่า แต่สายสัมพันธ์แห่งครอบครัวที่พวกเขามีร่วมกันจะคงอยู่ตลอดไป” เฮ่อเหลียนเวยเวยลุกขึ้นยืน สายตาของเธอดำดิ่งระหว่างมองไปทางพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น ก่อนจะกระตุกยิ้มชั่วร้ายขึ้น ”มีใครบางคนเข้ามาก่อเรื่องในถิ่นเรา มันคิดจะหาเรื่องกับฉันอย่างนั้นหรือ”
จินที่คาบบุหรี่อยู่ในปากไม่ได้พูดอะไร แต่กลับคว้าเสื้อหนังของตัวเองขึ้นมาสวมอย่างเงียบๆ
เช่นเดียวกันกับมนุษย์หมีอย่างเหล่าเอเขาเหยียดยิ้มกว้างก่อนจะแกว่งท่อเหล็กในมือไปมา ”เราไปเล่นกับมันหน่อยแล้วกัน”