รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 850 เซียนปีศาจเก้าหาง ‘หลี่จิ่วเต้าคือของเล่น คือทาสใต้กระโปรง!’

บทที่ 850 เซียนปีศาจเก้าหาง 'หลี่จิ่วเต้าคือของเล่น คือทาสใต้กระโปรง!'

บทที่ 850 เซียนปีศาจเก้าหาง ‘หลี่จิ่วเต้าคือของเล่น คือทาสใต้กระโปรง!’

“ฆ่า!”

อสูรยักษ์คำราม ร่างกายขยายใหญ่ในฉับพลัน มันได้ย่อร่างลงก่อนเข้ามาในเขาญาณ มิฉะนั้น มันมิอาจเข้ามายังวิหารต้าสยงได้

วิหารต้าสยงไม่สามารถบรรจุร่างเดิมของมันได้ลง

จ้าวอสนีบาตและข่งอวิ๋นเคลื่อนไหวเช่นกัน ด้วยกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดจึงอยากจับตัวต้าเต๋อให้ได้โดยไว

การต่อสู้อันยิ่งใหญ่อุบัติขึ้นนอกอาณาจักร พระอมิตาภะพุทธเจ้าในเขาญาณเห็นแล้วสะท้อนใจเป็นหนักหนา

ขอบเขตของเขาต่ำเกินไป อย่าว่าแต่เข้าร่วมเลย เขาไม่มีสิทธิ์รับชมด้วยซ้ำ

ที่นั่นถูกพลังสยดสยองมากมายห่อหุ้ม กฎระเบียบน่าครั่นคร้ามถักทอประสาน สายตาของเขามิอาจมองทะลุเข้าไป ทำให้ไม่เห็นภาพการต่อสู้ภายในนั้น

ยังดีที่ต้าเต๋อย้ายไปต่อสู้นอกอาณาจักร หากศึกนี้ปะทุในเขาญาณ ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่าทั่วทั้งเขาญาณย่อมต้องถูกลบล้างในพริบตา สิ่งมีชีวิตในนั้นรวมถึงตัวเขาก็ไม่มีทางรอด ต้องจบชีวิตกันทั้งหมด

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

พระเถระมหึมาหนึ่งร้อยแปดองค์ผนึกกำลังโจมตี ปล่อยแสงพุทธะอันสะท้านโลกาออกไป นอกอาณาจักรนั้นเดือดพล่านขึ้นมา ปริภูมิเวลาบิดเบี้ยว!

นี่ก็เพราะพลังของปริภูมิเวลาไม่อยู่ กฎแห่งปริภูมิเวลามิเคยมีการบัญญัติที่นี่ มิฉะนั้น การที่ห้วงมิติบิดเบี้ยวเช่นนี้ไม่มีทางที่ฝ่ายปริภูมิเวลาจะนิ่งดูดาย ย่อมต้องมารักษากฎระเบียบที่นี่

พวกเขาไม่ยอมให้ปริภูมิเวลาบิดเบี้ยวเป็นอันขาด

ตู้ม!

จ้าวอสนีบาตโจมตี ยกมือปล่อยสายฟ้าถล่มออกไป บดขยี้แสงพุทธะไปจำนวนมาก

อสูรยักษ์อ้าปากพ่นลำแสงสีเลือด แดงฉานเหลือคณา น่าประหวั่นพรั่นพรึงไม่แพ้กัน แสงพุทธะถูกลบล้างไปจำนวนมาก

ข่งอวิ๋นเรียกหอกยาวออกมาหนึ่งเล่ม เจตจำนงรบไร้ใดเปรียบ หอกยาวโบกสะบัดพร้อมด้วยประกายน่าครั่นคร้าม กำจัดแสงพุทธะไปได้จำนวนมากเช่นกัน

พวกเขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ เมื่อผนึกกำลังแล้ว สามารถลบล้างการโจมตีจากลูกประคำทั้งหนึ่งร้อยแปดเม็ดนี้ได้

ทว่าต้าเต๋อมิได้กังวล

เขามีวาจาประกาศิตของคุณชายคุ้มครอง ผู้ใดเล่าจะปลิดชีพเขาได้?

เป็นไปมิได้เลย!

นอกเสียจากว่าเป็นตัวตนซึ่งอยู่เหนือคุณชาย สามารถทลายกฎระเบียบที่เกิดขึ้นด้วยวาจาของคุณชาย ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางเกิดเรื่องกับเขา

ส่วนจ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น อสูรยักษ์นั้นใช้ไม่ได้เห็น ๆ ไม่รู้ว่าห่างชั้นจากคุณชายตั้งเท่าไร

“มาเถิด ข้าจะท่องพระสูตรให้พวกเจ้าฟัง ชะล้างจิตใจโสมมของพวกเจ้า ให้พวกเจ้ากลับมางดงามโอบอ้อมอารีอีกครั้ง!”

ต้าเต๋อคลี่ยิ้ม ฝีมือของเขามีเพียงลูกประคำเส้นนี้เสียเมื่อไหร่

คุณชายเคยมอบของวิเศษชิ้นอื่นให้เขาด้วย

นั่นเป็นเมื่อคราวเขาตามคุณชายท่องเที่ยวไปทั่ว คุณชายพบไม้ชั้นดีท่อนหนึ่งจึงตีเป็นมู่อวี๋ให้เขา

เขาหยิบไม้ตีมู่อวี๋ขึ้นมาและเริ่มเคาะ ปากบริกรรมบทสวด

“นี่มันอะไรกัน?!”

“อ๊ากกกก!”

ยามเสียงมู่อวี๋ดังขึ้น จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์พลันรู้สึกฟ้าดินกลับตาลปัตร นี่มันของวิเศษอันใดกัน น่ากลัวเหลือเกิน!

เสียงมู่อวี๋ทะลวงเข้าไปถึงวิญญาณของพวกเขา ดังอยู่ในส่วนลึกของดวงวิญญาณ พวกเขามิอาจป้องกันได้เลย และมิมีทางแก้สักนิด!

หทัยเต๋าของพวกเขาถูกก่อกวนให้ว้าวุ่นขึ้นมาทันควัน เสียงมู่อวี๋ดังก้องในหัวพวกเขาไม่หยุด พวกเขาสะกดประสาทสัมผัสการได้ยิน และประสาทสัมผัสญาณแล้วก็ยังไม่ได้ผล เสียงเคาะมู่อวี๋เป็นผลให้พวกเขาวิงเวียน งุ่นง่านใจเหลือคณา!

โดยเฉพาะเมื่อประสานกับเสียงบริกรรมบทสวดของต้าเต๋อ พวกเขาอยากจะบ้าตาย ทรมานเหลือเกิน!

“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

“หยุด!”

พวกเขาคลุ้มคลั่ง ในเมื่อหยุดยั้งต้าเต๋อมิได้ พวกเขาตัดสินใจจัดการต้าเต๋อผู้เคาะมู่อวี๋อยู่

อนิจจา ความคิดนั้นแสนประเสริฐ ความจริงนั้นแสนโหดร้าย!

เสียงมู่อวี๋ส่งผลกระทบต่อพวกเขามากเกินไป พวกเขาไม่สามารถรีดเร้นพลังในตัวได้เลย ทันทีที่หลอมรวมพลังไว้ได้ก็แตกกระเซิงเพราะเสียงรบกวนจากมู่อวี๋!

พวกเขาขนลุกขนชัน เย็นวาบในใจ มู่อวี๋นี้ชวนขนลุกเกินไปแล้ว?!

นอกจากนี้ พวกเขาเจ็บใจนักหนา แข็งแกร่งระดับพวกเขากลับไม่อาจจัดการกับเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างต้าเต๋อได้เลยเชียวหรือ

พวกเขาน่าสังเวชเกินไปแล้ว!

ป๊อก ๆๆ!

ต้าเต๋อเคาะมู่อวี๋ไม่หยุด ปากบริกรรมบทสวดไปเรื่อย ๆ จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ทุกข์ระทมแสนสาหัส

ความรู้สึกนั้นราวกับมีแมลงวันหนึ่งหมื่นตัวบินวนอยู่ข้างหูพวกเขา เสียงหึ่ง ๆ ดังซ้ำ ๆ หทัยเต๋าของพวกเขาใกล้ระเบิดเต็มที!

“ขอร้องล่ะ อย่าท่องอีกเลย!”

“พวกเราผิดไปแล้ว!”

จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดร้าวราน พวกเขาใกล้สติแตกแล้วจริง ๆ ไม่อยากได้ยินเสียงของมู่อวี๋และเสียงบริกรรมบทสวดอีกแล้ว

พวกเขาอ้อนวอนต้าเต๋อให้หยุดเสียที

“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ ข้าต้าเต๋อฝอเปี่ยมเมตตาที่สุด! ข้าต้าเต๋อฝอยังสัมผัสไม่ได้ถึงความสำนึกผิดอย่างแท้จริงจากพวกเจ้าเลย”

ต้าเต๋อมีท่าทีน่าเกรงขาม ดูศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ เขากล่าวต่อ “ข้าจะบริกรรมบทสวดให้พวกเจ้าฟังอีกครั้ง เพื่อชะล้างจิตใจพวกเจ้าให้สมบูรณ์ ช่วยให้พวกเจ้ากลับสู่ความงดงามโอบอ้อมอารีอย่างแท้จริง!”

คล้ายว่าเขานึกบางอย่างขึ้นได้อีกครั้ง “จริงสิ ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้แหละ! อีกอย่าง พุทธศาสนานั้นถือคติมีเมตตา ข้าต้าเต๋อฝอยิ่งเต็มไปด้วยความเมตตา”

ถุย!

ช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นกับผีน่ะสิ!

เมตตาหรือ?

นี่น่ะหรือเมตตา?

นี่คือการทรมานชัด ๆ!

จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร้องไห้ปานจะขาดใจ พวกเขาเสียใจเหลือเกิน เหตุใดต้องเลือกต้าเต๋อเป็นจุดทะลวงด้วย

พวกเขาควรไปหาเซี่ยเหยียนถึงจะถูก สตรีงามงดบอบบางปานนั้น คงอ่อนโยนต่อกรด้วยง่ายกว่าต้าเต๋อมากเลยกระมัง?!

ป๊อก ๆๆ!

ต้าเต๋อเคาะมู่อวี๋อีกครั้ง พร้อมทั้งบริกรรมบทสวด จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร้องไห้จนขี้มูกโป่ง ความรู้สึกนี้ระทมเหลือเกิน!

ราวกับมีแมลงวันนับไม่ถ้วนบินเข้ามาในหัวพวกเขา พวกเขานึกอยากผ่าสมองตัวเองแล้วลากคอแมลงวันด้านในออกมา แหวกท้องแมลงวันพวกนั้นแล้วดึงไส้พวกมันมามัดคอพวกมันเองให้ตาย!

“ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว! พวกเราผิดไปแล้วจริง ๆ!”

“ปล่อยพวกเราไปเถิด!”

จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ร่ำไห้ขอความเมตตา ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทำเช่นนี้ทรมานกว่าปลิดชีพพวกเขาเสียอีก

“ก็ได้”

ต้าเต๋อรามือ ก่อนจะบอกกับจ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ “ขืนบังอาจหมายหัวคุณชายอีก ข้าจักจองจำตัวพวกเจ้าไว้ข้างกาย เคาะมู่อวี๋บริกรรมบทสวดให้พวกเจ้าฟังทุกคืนวัน!”

“ไม่แล้ว! ไม่อีกแล้ว!”

“วางใจเถิด ให้ตายพวกเราก็ไม่กล้าอีกแล้ว!”

จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ตอบรับระนาว ไฉนเลยจะกล้ามีคราวหน้า!

หากต้องถูกต้าเต๋อจองจำไว้ข้างกายจริง ๆ ฟังเสียงมู่อวี๋และเสียงบริกรรมบทสวดทุกคืนวัน แค่คิดพวกเขาก็ทนมิได้ ทุกข์ระทมไปหมดแล้ว!

หลังจากนั้น พวกเขาเร่งรีบถอนกำลัง ต้องการไปจากที่นี่

“ช้าก่อน”

เวลานั้นเอง จู่ ๆ ต้าเต๋อก็เรียกพวกจ้าวอสนีบาตไว้ พวกเขาหวาดผวาจนปัสสาวะแทบราด เด้งตัวขึ้นจากตรงนั้น

“ชาพุทธะของพวกเราศาสนาพุทธรสชาติดีใช่หรือไม่”

ต้าเต๋อมองพวกอสนีบาต “จะดื่มไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ คงมิได้กระมัง อืม พวกเจ้าเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่”

อะไรกันนี่!

พวกจ้าวอสนีบาตอยากร่ำไห้นัก เหตุใดต้าเต๋อถึงใจแคบเช่นนี้ ก่อนนี้พวกเขาดื่มชาถ้วยหนึ่งในวิหารต้าสยงไป ต้าเต๋อยังจำได้แม่นยำเพียงนี้เชียวหรือ

“เข้าใจ!”

“แน่นอนว่าจะดื่มเฉย ๆ มิได้!”

พวกเขารีบบอก ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความหมายในคำกล่าวของต้าเต๋อ พวกเขาเข้าใจแจ่มแจ้ง ต้าเต๋อกำลังรีดไถพวกเขาอยู่

พวกเขาไฉนเลยจะกล้าขัดขืน ต่างยกทุกอย่างในตัวให้ไปหมด

แม้ว่าของเหล่านี้นั้นล้ำเลิศ ทว่าชีวิตสำคัญกว่า!

ที่สำคัญคือ พวกเขาไม่อยากได้ยินต้าเต๋อเคาะมู่อวี๋บริกรรมบทสวดอีกแล้ว!

“พอแล้วล่ะ พวกเจ้าไปได้!”

ต้าเต๋อเก็บของเหล่านั้นไว้ด้วยความพึงพอใจ พร้อมโบกมือให้พวกจ้าวอสนีบาตไปเสีย

พวกจ้าวอสนีบาตรีบไปจากที่นี่อย่างเร่งรีบ คลานได้คลาน กลิ้งได้กลิ้ง มิกล้าอยู่ต่อแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ

จนกระทั่งห่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว พวกเขาถึงหยุดฝีเท้า

“นี่มันอะไรกัน!”

พวกเขามองหน้ากันและกัน อยากร้องไห้เหลือเกิน

พวกเขาจะอนาถเกินไปแล้ว ไม่ได้อะไรมาเลยไม่ว่า แต่ซ้ำร้ายกลับถูกปล้นไปหมดตัว!

“หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ต้องเก่งกาจปานใดเชียว!”

พวกเขาเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้

บุรุษผู้นี้ทรงพลังจริง ๆ แม้แต่เด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายยังไร้เทียมทานถึงเพียงนี้ ต่อกรด้วยยากยิ่ง ทรงพลังเหลือเกิน!

แดนบูรพาทิศ เหยียนโจว

ณ เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์

“ข้าเศร้าใจแทนพวกเจ้าเหลือเกิน ถึงกับยอมให้สมาชิกเผ่าตกต่ำไปเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้อื่นเชียวหรือ ซ้ำเผ่าพวกเจ้ายังลำพองใจเพราะเหตุนี้ ไม่มียางอายบ้างเลยหรือไร!”

เซียนปีศาจเก้าหางหน้าตาเย็นชา อาภรณ์สีแดงที่อากาศถ่ายเทสะดวกแลดูวาบหวามเปล่งประกาย

นางต่อว่าหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ ไม่พอใจอย่างยิ่งที่จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของหลี่จิ่วเต้า

แม้ว่านางมิได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ กระนั้นก็ถือเป็นจิ้งจอกด้วยกัน นางมิชอบใจกับเหตุการณ์เช่นนี้

หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์มิได้เอ่ยวาจา มิได้โต้แย้งอันใดกับเซียนปีศาจเก้าหาง

โต้แย้งอย่างไรไหว

เซียนปีศาจเก้าหางมีพลังแข็งแกร่งเบ็ดเสร็จ โต้แย้งไปรังแต่จะยั่วยุให้เซียนปีศาจเก้าหางบันดาลโทสะ สร้างภยันตรายแก่ตัวพวกนางเอง

แน่นอนว่า นางมิได้เห็นด้วยกับวาจาที่เซียนปีศาจเก้าหางได้เอื้อนเอ่ย

นางไม่มีวันลืมประสบการณ์รันทดที่เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ต้องเผชิญในอาณาจักรอวี้ซวี ทั่วทั้งเผ่าต้องกลายเป็นเหยื่อให้สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนอื่น ๆ ล่า แต่ละวันต้องใช้ชีวิตท่ามกลางการหนีอุตลุด ไม่รู้ว่าวันพรุ่งจะรอดต่อไปได้หรือไม่

หลิงอินและเสี่ยวหยาช่วยพวกนางไว้ พาพวกนางออกจากเปลวเพลิงแห่งความทุกข์ทน ช่วยให้เผ่าของพวกนางได้ใช้ชีวิตในอาณาจักรนี้อย่างสุขสงบ

ด้วยอิทธิพลของหลิงอิน เผ่าต่าง ๆ ในอาณาจักรนี้ต่างเคารพพวกนางมาก ช่วยเหลือพวกนางไว้ไม่น้อย

ส่วนที่จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวไปเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณชายนั้น

ถือเป็นเกียรติของพวกนาง มิใช่ความอัปยศ และเป็นวิธีตอบแทบพระคุณของพวกนางด้วย

จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชายโดยมิได้รับความอยุติธรรมเลยสักนิด ตรงกันข้าม พวกนางได้รับผลประโยชน์มหาศาล แล้วยังพาให้เผ่าของพวกนางได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า!

ในสายตาคุณชาย จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวมิเคยเป็นสัตว์เลี้ยง คุณชายดีกับจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวตั้งไม่รู้เท่าใด มีของดีอันใดมิเคยงกกับพวกนาง

บางครั้งจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวจะกลับมาที่เผ่า มอบสิ่งของจำนวนหนึ่งให้พวกนาง ซึ่งเป็นผลไม้และผักอันแสนวิเศษเกินจินตนาการทั้งหมด จนพลังอำนาจของเผ่าพวกนางเพิ่มพูนมหาศาล

สมาชิกเผ่าพวกนางอีกตั้งไม่รู้เท่าใดอยากติดตามอยู่ข้างกายคุณชายเช่นนี้!

“ผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ล้วนเป็นของเล่นในกำมือเรา! พวกเจ้าต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย!”

เซียนปีศาจเก้าหางเอ่ย “พวกเราต่างหากคือผู้บงการ! ผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มิอาจเทียบกับพวกเราได้!”

นางมีสีหน้าเย็นยะเยือกยามนึกถึงบุรุษผู้เล่นกับไฟคนนั้น หลี่จิ่วเต้า

“รวมถึงหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นก็ด้วย เขาเป็นของเล่น ควรอยู่ในการควบคุมของเรา เป็นทาสใต้กระโปรงของเรา!”

นางทั้งโอหังและเฉิดฉัน นัยน์ตาเปล่งประกาย สุ้มเสียงดังกังวาน

“เจ้าว่าอะไรนะ?!”

เวลานั้นเอง ลั่วสุ่ย จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวกลับมาถึง

และลั่วสุ่ยก็ได้ยินวาจาของเซียนปีศาจเก้าหางแล้วด้วย

ของเล่น?

ทาสใต้กระโปรง?!

กล้าดีอย่างไร!

เซียนปีศาจเก้าหางผู้นี้อาจหาญเช่นนี้มาตลอดเลยหรือ?!

สีหน้าลั่วสุ่ยเย็นเยียบลง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท