Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 628 นี่มันบ้าอะไรฟระเนี่ย

ตอนที่ 628 นี่มันบ้าอะไรฟระเนี่ย

อันที่จริงเนื้อหาของตำนานหงอคงมีความยาวเพียงไม่กี่แสนตัวอักษร

ด้วยความเร็วในการพิมพ์ของหลินเยวียน ไม่กี่วันก็เขียนเสร็จแล้ว

เมื่อคิดว่านิยายอย่างตำนานหงอคงใช้บทสนทนาตลอดทั้งเรื่องเพื่อดำเนินเรื่องราวซึ่งค่อนข้างเป็นไปตามกระแสสำนึก ไม่เหมาะกับการทยอยอัปเดต ทว่าเหมาะกับการอ่านรวดเดียวจบมากกว่าเพราะฉะนั้นหลังจากหลินเยวียนสร้างชื่อเรื่องขึ้นมา เขาไม่ได้อัปโหลดเนื้อเรื่องหลักในทันที แต่กลับเขียนต่ออยู่หลายวัน

เขาเพียงแต่ต้องการทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครชิงใช้ชื่อผลงานและนามปากกาตัดหน้าไปเสียก่อน

เนื้อหานิยายตัวจริงเขียนเสร็จหลังจากนั้นไม่กี่วัน

เมื่อพิมพ์ประโยคว่า ‘จะหลงลืมการเดินทางสู่ประจิมทิศได้อย่างไร’ ในคอมพิวเตอร์ ในที่สุดหลินเยวียนก็เขียนตำนานหงอคงเสร็จ

และหลังจากนี้

เนื้อหาฉบับเต็มซึ่งมีอยู่สิบกว่าบทนั้นถูกหลินเยวียนโพสต์บนเว็บไซต์โดจิน

ชื่อของเว็บไซต์โดจินนี้เรียบง่ายและตรงไปตรงมา

นั่นคือชื่อว่า ‘คลังโดจิน’

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ชื่อของเว็บไซต์คลังโดจินจะเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่กลับไม่ได้ทำให้ยอดการเข้าใช้งานน้อยลง

พื้นที่แสดงความคิดเห็นของนิยายหลายเรื่องต่างคึกคัก

ถึงอย่างไรก็มีฐานแฟนคลับซึ่งเป็นชาวเน็ตจากทั้งห้าทวีป

บนบลูสตาร์แทบไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่อาจดูเบาอิทธิพลบนโลกออนไลน์ของผลงานเหล่านี้ได้

หลังจากอัปโหลดนิยายไปห้านาที

หลินเยวียนลองกดดูสถิติเรื่องตำนานหงอคง

กดเข้าชม: 0

บันทึก: 0

แนะนำ: 0

หลินเยวียนตกตะลึง

บทนี้ไม่ยักเหมือนที่จินตนาการไว้นี่นา

ตอนที่ตำนานหงอคงออกมา ชาวเน็ตควรจะพากันตกตะลึงไม่ใช่หรือ?

หลายนาทีผ่านไป หลินเยวียนจึงได้สติกลับมา

เขาคุ้นเคยกับรูปแบบเมื่อก่อน เมื่อใดที่เขาเผยแพร่ผลงาน ไม่ทันไรก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตแล้ว

ทว่าตอนนี้ตอนนี้เขาไม่ใช่อิ่งจือ ไม่ใช่เซี่ยนอวี๋ และไม่ใช่ฉู่ขวง

ตอนนี้เขาสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ‘อี้อัน’

ไม่มีใครรู้ว่าอี้อันคือใคร

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ผลลัพธ์ไม่ตรงตามที่คาดหวัง

ผู้อ่านหลายคนต่อให้เลื่อนหน้าเว็บมาเจอนิยายเรื่องตำนานหงอคง ก็อาจไม่ได้กดเข้าไป

พูดอย่างเป็นกลาง ตำนานหงอคงไม่ใช่ชื่อเรื่องที่น่าดึงดูดใจนัก

ทำไมไม่กลับไปคิดหาวิธีโปรโมตและเรียกกระแสดูล่ะ?

ให้อิ่งจือ หรือฉู่ขวง หรือไม่ก็เซี่ยนอวี๋ช่วยประกาศออกไปอย่างไม่เป็นทางการจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน

แต่นั่นจะไม่เป็นการเสี่ยงที่ตัวตนจะถูกเปิดเผยหรอกหรือ?

หลินเยวียนไม่อยากให้อี้อันมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงถึงตัวตนทั้งสาม

สามสหายก็ส่วนสามสหาย

อี้อันต้องเฉิดฉายด้วยตัวเอง

ฉะนั้น หลินเยวียนจึงตัดสินใจรอต่อไป

ในเมื่อมียอดเข้าใช้งานอยู่ ก็ย่อมมีผู้อ่านสังเกตเห็นนิยายเรื่องนี้

เมื่อมีผู้อ่านคนแรกคลิกตำนานหงอคง ย่อมมีคนที่สองตามมา นิยายเรื่องนี้จะถูกสังเกตเห็นอย่างแน่นอน

มื่อคิดเช่นนี้ หลินเยวียนจึงเริ่มเฝ้ารอ

ปรากฏว่ารออยู่นานโข ก็มีคนคลิกเข้ามา ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินเยวียนรู้สึกหดหู่ใจก็คือ การคลิกเข้ามาเหล่านี้ไม่ได้กลายเป็นการบันทึก…

นั่นแสดงให้เห็นว่ามีคนเข้าไปอ่านตำนานหงอคงเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ถูกเนื้อหาดึงดูดให้อยู่ต่อ หลังจากอ่านผ่านๆ จึงแยกย้ายกันออกไป

เรื่องน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอารัมภบทของตำนานหงอคง

ถ้าไม่อดทานอ่านเนื้อหาต่อไป ลำพังอารัมภบทของตำนานหงอคง ทุกคนน่าจะรู้สึกว่าเป็นเพียงการหลอกลวง

“การเริ่มต้นมักจะยากเสมอ”

หลินเยวียนให้กำลังใจตนเอง และขอให้กู้ตงปอกแก้วมังกรซึ่งซุนเย่าหั่วส่งมาให้

หลังจากกินแก้วมังกร หลินเยวียนจึงกดรีเฟรชเป็นครั้งที่สาม ในที่สุดก็มีคนกดบันทึกเรื่องตำนานหงอคงเป็นครั้งแรก!

“มีคนอ่านหนังสือของฉันแล้ว?”

หลินเยวียนพลันตื่นเต้นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกมีความสุขเพราะมีคนอ่านนิยายของเขา!

เรียบง่าย และบริสุทธิ์!

ถ้าฉู่ขวงอยู่ที่นี่ เขาคงคลี่ยิ้มบางให้กำลังใจอี้อัน

ยืนจังก้าอย่างยิ่งใหญ่อยู่นอกชั้นบรรยากาศ​ พลางส่งยิ้มให้กำลังใจ

……

ผู้อ่านซึ่งกดปุ่มบันทึกตำนานหงอคงเป็นคนแรกบนบลูสตาร์นั้นมีชื่อว่าหลี่เจิ้งฮุย

หลี่เจิ้งฮุยอ่านหนังสือมากว่าสิบปี เรียกได้ว่าเป็นหนอนหนังสือตัวจริง เมื่อได้เจอหนังสือที่ชื่นชอบเป็นพิเ​ศษ​ หลังจากอ่านจบแล้วเขามักจะรู้สึกว่ายังไม่หนำใจ จากนั้นจึงตามไปหาผลงานโดจินอ่านในคลังโดจิน

ช่วงนี้หลี่เจิ้งฮุยชอบบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ

กล่าวให้ชัดเจนคือ บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศของฉู่ขวงนับว่าเป็นนิยายที่หลี่เจิ้งฮุยคลั่งไคล้ที่สุดในระยะนี้ หรือเรียกว่าในไม่กี่ปีมานี้ก็ยังได้

แม้แต่บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศฉบับภาษาโบราณ หลี่เจิ้งฮุยก็ยังไม่พลาด

มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าหลี่เจิ้งฮุยใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศฉบับภาษาโบราณ

คะแนนวิชาภาษาของเขาเคยย่ำแย่มาก แต่ปัจจุบันนี้เขาสามารถเขียนภาษาโบราณได้สบายๆ

เมื่ออ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศฉบับภาษาโบราณและฉบับภาษาปัจจุบันจบ หลี่เจิ้งฮุยซึ่งยังรู้สึกไม่หนำใจจึงตะบี้ตะบันหาแฟนฟิกชันในเว็บไซต์คลังโดจินมาอ่าน เพื่อเติมเต็มความสนใจของเขาในโลกแห่งบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ

คุณภาพของแฟนฟิกชันเหล่านี้แตกต่างกันไป หลี่เจิ้งฮุยยังไม่เจอเรื่องที่เขาพึงพอใจสักที

อย่างไรก็ตาม ด้วยความชอบที่มีต่อบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ หลี่เจิ้งฮุยยังคงอ่านแฟนฟิกชันบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศหลายเรื่องด้วยความอดทน

เพียงแต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลี่เจิ้งฮุยจึงกดบันทึกแฟนฟิกชันใหม่เรื่องตำนานหงอคงซึ่งเพิ่งปรากฏในคลังโดจิน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เปิดอ่าน

“อ่านดูหน่อยแล้วกัน”

ขณะที่คลิกเปิดนิยาย หลี่เจิ้งฮุยไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงนัก

เขาชอบบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ และชอบบรรพกาลเช่นกัน

ไม่มีความขัดแย้งกันระหว่างทั้งสองเรื่อง

อันที่จริงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เหมือนกับหลี่เจิ้งฮุย

แต่ไหนแต่ไรมาหลี่เจิ้งฮุยไม่เคยเข้าร่วมประเด็นความขัดแย้งระหว่างแฟนบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศและแฟนบรรพกาล

สำหรับหลี่เจิ้งฮุยแล้ว นิยายทั้งสองเรื่องนั้นสนุกมาก และความสำคัญของนิยายทั้งสองเรื่องนั้นไม่ต่างกัน

ระยะนี้เขายังขบคิดว่าในเดือนเมษายนจะดูซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศหรือซีรีส์บรรพกาลก่อนดี

และในเวลาที่บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ หลี่เจิ้งฮุยได้อ่านนิยาย ดูซีรีส์​และอ่านโดจินสนุกๆ ที่เกี่ยวข้องกับบรรพกาลทั้งหมดไปรอบหนึ่งแล้ว

เมื่อเทียบกับบรรพกาล แฟนฟิกชันฝั่งบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศนั้นไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่นัก

ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่เจิ้งฮุยชื่นชอบเรื่องราวในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจริงๆ เขาไม่มีทางพยายามอ่านแฟนฟิกชันบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศที่ทั้งคุณภาพและนักเขียนไม่อาจเทียบกับฝั่งบรรพกาลเช่นนี้หรอก

นี่คือเหตุผลที่หลี่เจิ้งฮุยไม่ได้คาดหวังกับตำนานหงอคงไว้สูงนัก

ในความเป็นจริง ขอเพียงนิยายเรื่องนี้พอผ่านเกณฑ์ หลี่เจิ้งฮุยก็กัดฟันทนอ่านจนจบได้

ก็ใครใช้ให้เขาชอบบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศถึงขนาดนี้ล่ะ

เพียงแค่เห็นแฟนฟิกชันเอ่ยถึงตัวละครจากบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศต้นฉบับ ก็สามารถกระตุ้นความสนใจของหลี่เจิ้งฮุยได้แล้ว

เช่นเดียวกับในสถานการณ์พิเศษบางครั้ง

ด้วยความจนใจ คุณภาพแย่สักหน่อยก็ช่างเถอะ

อย่างไรก็ตาม

เมื่ออารัมภบทของตำนานหงอคงปรากฏแก่สายตาของหลี่เจิ้งฮุย หัวคิ้วของเขาก็​ขมวดเป็นปมอย่างรวดเร็ว!

อารัมภบทเป็นการบรรยายและบทสนทนาไร้สาระ

[พวกเขาทั้งสี่เดินมาถึงที่นี่ มีป่าทึบอยู่เบื้องหน้า ไม่มีเส้นทางให้เดินต่อ

‘หงอคง ข้าหิวแล้ว หาอะไรมากินหน่อย’ ภิกษุถังเอ่ยพลางนั่งวางท่าอยู่บนโขดหิน

‘ข้ากำลังยุ่งอยู่ ท่านหาเองไม่ได้หรือไง? ไม่ได้ไม่มีขาสักหน่อย’ ซุนหงอคงเอ่ยขณะถือกระบองวิเศษ

‘เจ้ายุ่งอยู่? ทำอะไร’

‘ท่านไม่คิดว่าอาทิตย์อัสดงนี้งามมากหรอกหรือ?’ ซุนหงอคงเอ่ย ดวงตายังคงทอดมองไปยังเส้นขอบฟ้า ‘ขอเพียงข้าได้เห็นสิ่งนี้ ก็สามารถยืนหยัดเพื่อเดินทางไปยังประจิมทิศได้ทุกวัน’

‘เจ้าเดินทางไปดูไปก็ได้ ตราบใดที่ไม่เดินชนต้นไม้เข้า’

‘ขณะที่มองอาทิตย์อัสดง ข้าจะไม่ทำอย่างอื่น!’

‘ซุนหงอคงเจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ เจ้าจะรังแกเจ้าหัวโล้นนี่ไม่ได้ ถ้าเจ้าปล่อยให้เขาอดตาย พวกเราจะหาสวรรค์ทางประจิมทิศไม่เจอ และถ้าหาสวรรค์ไม่เจอ คำสาปของพวกเราจะไม่มีวันถอนได้’ ตือโป๊ยก่ายบอก

…]

อ่านไปหลายย่อหน้า

หลี่เจิ้งฮุยแทบสมองระเบิด!

นี่มันบ้าอะไรฟระเนี่ย?

ภิกษุถังผู้ซึ่งสุภาพและอ่อนโยนจากต้น​ฉบับกลับกลายเป็นคนละคน

ซุนหงอคงซึ่งเคารพเทิดทูนอาจารย์ในต้นฉบับกลับบอกให้ภิกษุถังไปหาอาหารกินเองอย่างหยาบคาย

ตือโป๊ยก่ายซึ่งประจบประแจงอาจารย์สารพัดในต้นฉบับกลับเรียกภิกษุถังว่าเจ้าหัวโล้น?

ด้านหลังยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ซุนหงอคงและตือโป๊ยก่ายเริ่มด่าทอกันขึ้นมา!

ในต้นฉบับ ถึงแม้ตือโป๊ยก่ายจะทะเลาะกับซุนหงอคงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางรุนแรงเช่นนี้!

สิ่งที่ไร้เหตุผลที่สุดก็คือ

แม้แต่ซัวเจ๋งซึ่งอารมณ์ดีที่สุดยังหัวร้อนใช่ย่อย ลงไปคลุกวงในกับตือโป๊ยก่าย ตำหนิว่าอย่าเสียงดังรบกวนการนอนของเขา?

บ้าไปแล้ว!

เรื่องราวในนี้คือบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ​?

นี่มันพวกนักเลงหัวไม้ชัดๆ !

คนเขียนคือใครกัน?

อี้อัน?

นักเขียนบ้องตื้น

นามปากกาหรูหราเชียว

ปฏิกิริยาแรกของหลี่เจิ้งฮุยคือต้องการลบหนังสือออกไป ทว่าขณะที่เมาส์ไปชี้ไปยังปุ่ม ‘x’ เขาก็ชะงัก

ต้องลองอ่านดูก่อน!

ถ้าเกิดเจ้าอี้อันคนนี้เขียนเลยเถิดไปจนทำให้บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเสียหาย เขาจะรายงานนักเขียนคนนี้

โดยหลักการแล้ว แฟนฟิกชันจะไม่ทำให้ตัวละครต้นฉบับเสียหาย

ไม่ใช่ว่าทำให้เสียหายไม่ได้เลย แต่ถ้าหากทำให้เสียหายมากเกินไป นั่นออกจะเป็นการไม่เคารพต้นฉบับไปสักหน่อย

ยกตัวอย่างเช่นในหนังผู้ใหญ่เรื่องหนึ่ง ผู้กำกับถึงขั้นให้สไปเดอร์แมนหญิงถูกวายร้ายกดร่างและกอดจูบลูบไล้?

หลังจากที่อ่านจบภายในหนึ่งชั่วโมง หลี่เจิ้งฮุยจึงตัดสินใจกดรายงานทันที

โดจินต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท