ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 36 ในเมื่อฆ่าตรง ๆ ไม่ได้ก็บีบให้ตาย!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 36 ในเมื่อฆ่าตรง ๆ ไม่ได้ก็บีบให้ตาย!

บทที่ 36 ในเมื่อฆ่าตรง ๆ ไม่ได้ก็บีบให้ตาย!

[ท่านทำภารกิจหลักที่ 7 สำเร็จ! ท่านทำอาหารวิญญาณจากสูตรโอสถฟื้นปราณ โอสถฟื้นฟูกายา โอสถบำรุงกำลัง และโอสถย่างก้าววายุได้อย่างสมบูรณ์แบบ อาหารให้ผลเท่ากับยาระดับสองขึ้นไป ท่านได้รับรางวัล ค่าพลังวิญญาณ +10,000 แต้ม อายุขัย +100 วัน ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ 13,370 แต้ม อายุขัยคงเหลือ 250 วัน]

[ท่านประสบความสำเร็จในการทำอาหารวิญญาณแบบหายากขั้นต้นได้เป็นครั้งแรก ได้รับรางวัล ค่าพลังวิญญาณ +5,000 แต้ม อายุขัย +50 วัน ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ 18,370 แต้ม อายุขัยคงเหลือ 300 วัน]

อาหารวิญญาณแบบหายากงั้นหรือ?

สมุนไพรวิญญาณที่เกิดจากวิชาหมื่นชีวางอกเงยเมื่อเอามาแปรรูปให้เป็นอาหารวิญญาณ มันจะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าอาหารวิญญาณแบบหายากหรือ?

“ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านมีความรู้สึกแปลก ๆ บ้างหรือไม่เจ้าคะ?”

“มี”

หลงหว่านโหรวพยักหน้า ความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อครู่พลันหายไป แต่ก็ยังนับว่าแปลก อาจเป็นเพราะสมุนไพรวิญญาณที่ใช้เป็นส่วนผสมเป็นสมุนไพรระดับต่ำ ดังนั้นจึงมีผลเพียงเล็กน้อย

แต่หากในอนาคตเมื่อศิษย์น้องห้าสามารถจัดการกับสมุนไพรวิญญาณระดับกลางหรือสูงกว่าได้…

หลงหว่านโหรวรอคอยอนาคตของหลิงเยว่

เมื่อโม่จวินเจ๋อสังเกตเห็นว่าไม่มีอะไรแปลกเกี่ยวกับหลงหว่านโหรวหลังจากนางกินซาลาเปาเข้าไปแล้ว เขาจึงกัดซาลาเปาด้วยความมั่นใจ

หวาน…

เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ มันคือไส้งาดำที่เขาไม่ชอบมาโดยตลอด

“ของท่านมันเป็นไส้งาดำ ถึงสีจะดูดำมากแต่ก็หอมหวานมากใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

โม่จวินเจ๋อพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ

“มันมีกลิ่นหรือรสชาติอะไรที่แปลก ๆ หรือไม่เจ้าคะ?”

โม่จวินเจ๋อส่ายหน้า

ซาลาเปามีรสหวานแต่ไม่ถึงกับหวานจนแสบคอ มันทิ้งกลิ่นหอมไว้ในปาก หลังจากกินเข้าไปแล้วปราณวายุในร่างกายของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้น

“ท่านไม่ได้กลิ่นหรือรสที่คล้ายกับดินเลยหรือ?”

โม่จวินเจ๋อตกใจ ไส้นี้ทำมาจากดินหรอกหรือ? ไม่แปลกใจเลยที่มันมีสีดำถึงเพียงนี้!

“ฮ่า ๆ เขาเชื่อจริง ๆ หรือว่าไอ้นี่ทำมาจากดิน!”

ติงหลิวหลิ่วหัวเราะหนักมากจนน้ำตาแทบไหล

หลิงเยว่ก็ยิ้มเช่นกัน สำเร็จแล้ว!

โม่จวินเจ๋อ “…”

อืม มันคงไม่ได้ทำมาจากดินจริง ๆ หรอกน่า

หลังจากกินไส้งาดำเสร็จ โม่จวินเจ๋อก็หยิบขึ้นมาอีกลูก ทันทีที่กัดเข้าไป ความชุ่มฉ่ำของหมูในซาลาเปาก็ระเบิดออกมา ผักใสกรอบหวาน และสัมผัสแป้งของซาลาเปาก็อร่อยนุ่มทั้งยังมีกลิ่นหอม

เขาชอบไส้เนื้อมากกว่าไส้หวานเสียอีก

ปราณวายุในร่างกายของเขาเริ่มตื่นตัวมากขึ้น

หลิงเยว่รู้สึกว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป ที่จะให้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตสร้างรากฐานและจินตานลองซาลาเปาหายากของนาง

ดังนั้นนางจึงเก็บซาลาเปาที่เพิ่งนึ่งสดใหม่ทั้งหมดลงในกล่องอาหาร โดยถือไว้หนึ่งชิ้นพลางถือกินไปพร้อมกับเดินไปด้วย

“ข้าจะส่งซาลาเปาไปให้กับศิษย์พี่คนอื่น ๆ เจ้าค่ะ”

คนกลุ่มแรกที่หลิงเยว่คิดถึงคือ ซือจู มู่มู่และเกาเยี่ย

อาหารวิญญาณแบบหายากนี้จะเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณ

“ศิษย์น้องห้าจะเอาไปให้คนอื่นทำไมกัน! ศิษย์พี่สามคนนี้ของเจ้ายังมีไม่พอกินด้วยซ้ำ!”

ติงหลิวหลิ่วไล่ตามออกไป แต่กลับมองไม่เห็นหลิงเยว่เสียแล้ว

หลังจากกินซาลาเปาที่มีผลของโอสถย่างก้าววายุ การเคลื่อนไหวของหลิงเยว่ก็ทวีความเร็วขึ้นมาก ร่างกายของนางเร็วจนดูคล้ายกับกำลัง ‘บิน’ ลงจากภูเขาด้วยความรวดเร็ว

ความรู้สึกของร่างกายที่เบาหวิวราวกับขนนกทำให้หลิงเยว่ตื่นเต้นอย่างมาก

ยอดเยี่ยม!

โม่จวินเจ๋อติดตามหลิงเยว่ไปโดยมองดูร่างกายของเด็กสาวที่เร็วกว่าปกติ และกัดซาลาเปาที่แปลกประหลาดในมือไปพลาง

โม่จวินเจ๋อซึ่งมีแก่นปราณวายุอยู่แล้ว เมื่อกินไปหลายลูกเข้า จึงรู้สึกว่าปราณวายุในร่างกายของเขามีความเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ และเขาก็ไม่รู้สึกอะไรอีก

นอกจากโม่จวินเจ๋อแล้ว ว่านอวี้เฟิงและติงหลิวหลิ่วก็วิ่งตามลงจากยอดเขาเช่นกัน

ซาลาเปาเพิ่มความเร็วได้ส่งผลต่อพวกเขาเช่นกัน ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็ได้ผลอยู่บ้าง

หลิงเยว่ที่ลงมาจากยอดเขาไปเคาะประตูหอกลั่นโอสถของซือจู

“ศิษย์น้องหลิงเจ้ามาหาข้าหรือ! เข้ามาเร็ว เรากำลังศึกษาวิธีการทำอาหารที่เจ้าสอนเราก่อนหน้านี้ หากแต่ไม่สามารถบรรลุผลได้เช่นเดียวกับเจ้าเลย มาช่วยเราดูที” ซือจูดึงหลิงเยว่เข้ามาในประตูพลางพูดไม่หยุด

“ศิษย์น้องหลิง”

มู่มู่และเกาเยี่ยก็อยู่ในห้องด้วย และหอกลั่นโอสถก็ดูคล้ายกลายเป็นห้องครัว เป็นเพราะขนมที่หลิงเยว่ทำแท้ ๆ ถึงทำให้พวกเขาเริ่มศึกษาการทำอาหารโดยไม่คาดคิด

“เอาไว้พูดถึงเรื่องของพวกท่านทีหลัง มาลองชิมซาลาเปาของข้าก่อนเจ้าค่ะ”

พวกเขาทั้งสามไม่สงสัยในทักษะการทำอาหารของหลิงเยว่ โดยเฉพาะมู่มู่ที่กินซาลาเปาลูกใหญ่ได้ถึงครึ่งลูกในคำเดียว

“อืม… อร่อยมาก!”

“เอ๊ะ! ทำไมข้ารู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นหลังจากกินซาลาเปาลูกนี้ไปเล่า!”

“นี่มันให้ผลเหมือนกับโอสถย่างก้าววายุเลยไม่ใช่หรือ?”

พวกเขาทั้งสามมองไปที่หลิงเยว่ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาด

ซือจูลองกระโดดไปมาในหอกลั่นโอสถ “ไม่! ที่นี่เล็กเกินไป ข้าจะออกไปลองดูข้างนอก”

จากนั้นที่ด้านนอกหอกลั่นโอสถก็มีฉากการวิ่งไล่จับอย่างสนุกสนาน

หลิงเยว่เดินออกไปและเห็นร่างศิษย์พี่ทั้งสี่หันหลังให้นาง พวกเขาเดินไปรอบ ๆ เพื่อดูหน้าคนมาใหม่ทั้งสาม ทั้งสี่คนถือซาลาเปาในมือซ้าย และมือขวาถือแก้วไม้ไผ่ พวกเขากินซาลาเปาเต็มปากตามด้วยนมถั่วเหลืองอีกอึกใหญ่ สายตาจับจ้องไปยังสามคนที่กำลังตามมา การเคลื่อนไหวของพวกเขาพร้อมเพรียงกันนัก

“ดูดีหรือไม่?”

ทั้งสี่คนไม่ตอบ แต่พวกเขากำลังวิเคราะห์ผลของยาในซาลาเปาทีละคน

“ผลของโอสถย่างก้าววายุอยู่ได้นานกว่าเดิม”

“มันทำให้เร็วมากขึ้นนิดหน่อย”

“ร่างกายไม่ได้เบาขึ้น เพียงแต่ตัวเราเร็วขึ้น”

“ปราณวายุของข้าถูกกระตุ้นพอสมควรแล้ว”

“ตามความเห็นของพวกท่าน ข้าควรขายซาลาเปาในราคากี่หินวิญญาณต่อลูกดีเจ้าคะ?” หลิงเยว่อดขัดจังหวะไม่ได้

มันควรจะขายแพงกว่าโอสถ แต่ศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณที่เป็นศิษย์สายในก็อาจไม่เต็มใจที่จะซื้อมัน และคงไม่สนใจที่จะกินพวกมันเลย

การขายราคาถูกก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร ซาลาเปาที่มีฤทธิ์ของโอสถย่างก้าววายุล้วนมาจากการทำงานหนักของหลิงเยว่โดยเฉพาะ

“แค่ขายอมยิ้มฟื้นปราณก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”

คำแนะนำของโม่จวินเจ๋อคือไม่จำเป็นต้องขาย

อีกสามคนเห็นด้วย

“ซาลาเปาที่เหลืออยู่ที่ใด” หลงหว่านโหรวยื่นมือออกไปทางหลิงเยว่ “ท่านอาจารย์คงจะสนใจสิ่งนี้มาก”

หลิงเยว่ซึ่งแต่เดิมที่กำลังจะถอยกลับ เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายนางก็ส่งมอบกล่องอาหารให้กับหลงหว่านโหรวโดยไม่ลังเล

พวกเขาพูดถูก อาหารวิญญาณแบบหายากไม่ควรถูกขายในขณะนี้

อันที่จริง ด้วยสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันของหลิงเยว่ไม่สำคัญว่านางจะขายมันหรือไม่…

[ภารกิจหลักที่ 8 : ขายอาหารวิญญาณพิเศษเช่น อมยิ้มฟื้นปราณ ชานมสมุนไพรวิญญาณและน่องไก่ทอดบำรุงกำลัง ในสำนักหลานเทียนให้ได้ราคาขายเป็นสองเท่าจากต้นทุน ท่านจะต้องขายให้ได้ไม่ต่ำกว่าหินวิญญาณระดับต่ำสองแสนก้อนก่อนการแข่งขันสำนักสิ้นสุดลง รางวัลคือ ค่าพลังวิญญาณ +10,000 แต้ม อายุขัย +200 วัน บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลวปรับลดสองเท่าจากรางวัล]

ดูเหมือนระบบจะรับรู้ถึงความตั้งใจของหลิงเยว่ที่กำลังจะทำ และออกภารกิจให้นางทันที

ในฐานะที่นางติดหนี้ค่าพลังวิญญาณสามล้านแต้ม ไอ้ระบบนี้ไม่ได้ต้องการหักหินวิญญาณหรือให้คิดค้นอาหารวิญญาณพิเศษใหม่ ๆ แต่มันกลับให้นางทำอะไรเช่นนี้น่ะหรือ?

ความคิดของไอ้ระบบนี้ทำให้สมองของหลิงเยว่เบลอ

ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางขัดมันได้ แต่… หินวิญญาณระดับต่ำสองแสนก้อนนั้นมากเกินไปใช่หรือไม่?

ระบบลืมไปใช่หรือไม่ว่านางเองก็ต้องเข้าร่วมการแข่งขันสำนักด้วย?

หรือว่าเมื่อพิจารณาว่านางต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันสำนักด้วย ระบบนี้ก็เลยลดจำนวนหินวิญญาณระดับต่ำให้แล้วจากสามแสนเป็นสองแสน?

ขอบคุณนะ!

ใบหน้าของหลิงเยว่พลันมืดลง

นางจะทำอย่างไรต่อดีเล่า?

ยังมีเวลาอีกห้าวันก่อนการแข่งขันสำนักจะเริ่มขึ้น ดังนั้นนางจึงสามารถใช้เวลาสองสามวันนี้ในการทำงานล่วงเวลาเพื่อทำอาหารวิญญาณพิเศษ

สำหรับการฝึกฝน เมื่อหลิงเยว่ทำอาหารวิญญาณพิเศษและกินมัน ระดับการบำเพ็ญของนางก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ก็เกือบจะเหมือนกับการนั่งบำเพ็ญเลยทีเดียว

ไม่สิ หลิงเยว่ยังต้องหาเวลาฝึก วิชาเคลื่อนคล้อยไร้ลักษณ์ทุกวันด้วย ถ้าไม่ยอมฝึก… หลิงเยว่เหลือบมองที่โม่จวินเจ๋อ ชายผู้นี้คงบังคับให้นางมีความรับผิดชอบมากขึ้นเป็นแน่!

โม่จวินเจ๋อคิดว่าหลิงเยว่อาจจะยังหิว เมื่ออยู่ ๆ นางมองดูเขา เขาจึงควักเอาซาลาเปาและนมถั่วเหลืองออกมาจากแหวนมิติแล้วมอบให้เด็กสาว

หลิงเยว่ “…”

ชายหนุ่มคนนี้ช่างมีน้ำใจเสียจริง!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท