ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 43 ไม่เคยได้ยินคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้มาก่อน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 43 ไม่เคยได้ยินคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้มาก่อน

บทที่ 43 ไม่เคยได้ยินคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้มาก่อน

คนโง่ทั้งหกและเหล่าผู้ชมจากคันฉ่องสวรรค์ต่างก็สงสัยว่าหลิงเยว่จะออกจากค่ายกลลวงตาได้อย่างไร

สิ่งสำคัญคือคำสัญญาของนางดูน่าเชื่อถือ

หลงหว่านโหรวไม่รู้จริง ๆ ว่าศิษย์น้องห้าของนางจะสามารถทำลายค่ายกลลวงตาได้อย่างไร หรืออาจเป็นเพราะโม่จวินเจ๋อที่สอนหลิงเยว่?

ในฐานะปรมาจารย์ค่ายกล โม่จวินเจ๋อน่าจะเคยบอกหลิงเยว่ถึงวิธีทำลายค่ายกลระดับต่ำแล้วใช่หรือไม่?

ณ จุดนี้ หลงหว่านโหรวหันหน้าไปมองโม่จวินเจ๋อ ไม่สิ! ชายคนนี้ไม่น่าจะเคยพูดถึงค่ายกลแน่นอน มีเพียงแค่วิชาเคลื่อนคล้อยไร้ลักษณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่เขาสอนให้กับหลิงเยว่แบบเอาเป็นเอาตาย

หลิงเยว่เดินช้า ๆ ไปยังทุ่งดอกไม้วิญญาณที่เพิ่งเหลือบมองตอนนางเข้ามา

การเคลื่อนไหวของนางทำให้สี่คนที่ถูกบังคับให้นำหินวิญญาณแปดร้อยก้อนออกมาเดินตาม พวกเขาเดินตามพลางดึงดอกไม้วิญญาณทีละดอก แต่ไม่ว่าใคร ทันทีที่มือของพวกเขาสัมผัส ดอกไม้จะหายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน

เมื่อมือไม่ได้ผล พวกเขาจึงลองใช้แท่งไม้ อาวุธวิญญาณ หรือแม้แต่กระบี่ ทว่ามันก็ไม่ได้ผลเช่นกัน

“ศิษย์น้อง สิ่งนี้เป็นของปลอม” อวี้รุ่ยเตือน “จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง นั่นคือสิ่งที่เจ้าพูดไม่ใช่หรือ?”

หลิงเยว่คิดว่าดอกอัสดงที่อยู่ตรงหน้านางเป็นของจริง!

นางยื่นมือออกไปหยิบมัน และคนโง่ทั้งหกคนก็มองดูนางราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูคนโง่ที่สุด

“คืนเงินมาเดี๋ยวนี้!”

“ข้าหลงคิดไปว่านางมีความสามารถจริง ๆ แต่กลับกลายเป็นว่านางหลอกปล้นหินวิญญาณข้า!”

กระบี่ถูกพาดขวางหน้าหลิงเยว่ซึ่งขัดขวางไม่ให้นางเก็บดอกอัสดง

ทันใดนั้นยันต์ถูกแทรกอยู่ระหว่างคนทั้งสอง “ให้นางเลือกมัน!”

หลิงเยว่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นลูกค้ารายที่สองของนางเป็นคนช่วยในตอนนี้

“ใช่! ให้นางเลือกมัน” อวี้รุ่ยตอบสนองช้า ๆ แต่เห็นได้ชัดว่านางอยู่ข้างหลิงเยว่

เสียงสามต่อสี่ ยังไม่สามารถตกลงกันได้

ผลกระทบของการต่อสู้กันนั้นจะรุนแรงมากจนหลิงเยว่เริ่มเป็นฝ่ายถอยให้ก่อน “ข้าสามารถคืนหินวิญญาณให้พวกเจ้าได้ แต่… ข้าจะไม่เล่นกับพวกเจ้าอีกหลังจากนี้!”

“ใช่! ไม่ต้องเล่นกับพวกเขา ไม่ต้องยุ่งกับพวกเขาอีกแล้ว”

อวี้รุ่ยที่คาบอมยิ้มอยู่ในปากกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องอาหารอยู่ ชุดยาพิเศษนี้เป็นของดีอย่างแท้จริง นางต้องการผูกมิตรกับนักกลั่นโอสถน้อยคนนี้!

แม้ว่าลูกค้าคนที่สองจะเงียบ แต่ทั้งร่างของนางมียันต์ปรากฏขึ้นล้อมรอบเรียบร้อยแล้ว ตราบใดที่อีกฝ่ายกล้าขยับ ยันต์จะทำงานทันที!

ฝ่ายสี่คนไม่ได้กลัวการรวมกลุ่มอยู่ข้างเดียวกันของผู้ฝึกกายา ผู้ฝึกยันต์ และนักกลั่นโอสถที่มีร่างกายอ่อนแอแต่กล้าขูดรีดผู้คนเท่าใดนัก แต่พวกเขากลัวว่าการต่อสู้จะทำให้คนโง่คนต่อไปที่หลงเข้ามาที่นี่ จะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในภายหลังได้ ซึ่งมันไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียเลย

ผู้ฝึกกระบี่มองไปที่หลิงเยว่อย่างเย็นชาแล้วเก็บกระบี่ของเขากลับ

เมื่อไม่มีใครหยุดหลิงเยว่แล้วนางก็เด็ดดอกอัสดง

“มือของนางไม่ได้ทะลุดอกไม้ไป!”

“ดอกไม้ก็ไม่หายไปเช่นกัน…”

“มันแปลกมาก เหตุใดตอนเราจับกลับไม่เป็นเช่นนั้น?”

คนโง่ทั้งหกคนสับสนมาก เหตุใดตอนที่พวกเขาพยายามจับมันถึงได้แตกต่างออกไป?

ดอกอัสดงสีขาวหม่นคล้ายหมอกอยู่ในฝ่ามือของหลิงเยว่อย่างเงียบ ๆ

เมื่อดอกไม้ถูกเด็ดแล้ว ทิวทัศน์รอบด้านก็เริ่มเปลี่ยนไป

หญ้า ต้นไม้ทั่วทั้งภูเขาและบนที่ราบค่อย ๆ กลายเป็นหมอก และหมอกก็รวมตัวกันเป็นอสรพิษสีขาว ปีกบาง ๆ หกปีกงอกออกมาจากหลังของอสรพิษซึ่งดูคล้ายกับดอกอัสดงในมือของหลิงเยว่มาก

ทุกคนมองดอกอัสดง ก่อนจะมองอสรพิษสีขาวหกปีกที่บินเข้ามาหาพวกเขา

“ขอบคุณที่ทำให้ข้าได้เล่นสนุก!” ผู้ฝึกกระบี่ไม่ลืมที่จะเหน็บแนมหลิงเยว่ ก่อนจะรีบพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่ของเขา

“ด้วยความยินดี” หลิงเยว่กระตุกปาก นางไม่รู้ว่าการเก็บดอกไม้จะเป็นการเรียกอสรพิษสีขาวออกมาได้

อสรพิษสีขาวหกปีกจ้องมองอย่างเย็นชาไปยังชายผิวดำตัวเล็กที่พุ่งเข้ามาหามัน และยิ่งไม่สนใจกระบี่ที่กวัดแกว่งออกมาโดยไม่คิดจะหลบหลีกเลยด้วยซ้ำ

กระบี่แยกร่างอสรพิษขาวได้สำเร็จ และกลายเป็นหมอกสีขาว

ทว่า… มันก็ทำได้เพียงเท่านั้น…

ผู้ฝึกกระบี่ยังไม่ทันได้ผ่อนลมหายใจด้วยซ้ำ ก่อนที่หมอกสีขาวจะรวมตัวกันกลายเป็นอสรพิษสีขาวหกปีกสองตัว

คนโง่ทั้งหกคน “…”

พวกเขาเป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตกลั่นลมปราณ พวกเขาจะสามารถจัดการกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?

“หยุดยืนโง่แล้ววิ่ง!”

ผู้บำเพ็ญชายคนหนึ่งดึงเพื่อนของเขาพาวิ่งหนีไป ในตอนแรกที่มีอสรพิษเพียงตัวเดียวก็จัดการได้ยากแล้ว มาตอนนี้กลับมีเพิ่มมาอีกหนึ่ง แทบจะเอาชนะไม่ได้เลย!

แน่นอนว่าถ้าพูดเพียงเท่านี้ แล้วผู้ฝึกกระบี่ทำตาม เขาคงไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่แน่นอน

กระบี่แล้วกระบี่เล่าถูกฟาดฟันออกไป อสรพิษหกปีกสองตัวกลายเป็นแปดตัวในพริบตา และค่ายกลลวงตาก็ไม่สามารถหยุดยั้งใครได้อีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี หลิงเยว่จึงดึงอวี้รุ่ยและผู้ฝึกยันต์วิ่งหนีให้เร็วที่สุด

แต่มนุษย์มีแค่สองขาจะวิ่งเร็วกว่าสัตว์อสูรที่มีปีกสามคู่ได้อย่างไร?

หางอสรพิษพุ่งมารัดผู้ฝึกยันต์สาวที่กำลังวิ่งรั้งท้ายได้อย่างง่ายดาย นางถูกรัดตัวยกขึ้นกลางอากาศ แต่ด้วยมือที่จับไว้แน่นของพวกนาง ทำให้หลิงเยว่และอวี้รุ่ยก็พลอยติดตามนางขึ้นไปในอากาศด้วยเช่นกัน

“ไปเสีย!”

ผู้ฝึกยันต์หญิงหลุดออกจากมือของหลิงเยว่ ก่อนจะเขวี้ยงยันต์ไปที่อสรพิษขาวหกปีก ทำให้หางของอสรพิษขาวกลายเป็นหมอกทันที

จากพลังโจมตีของยันต์ ทั้งสามร่างที่เคยถูกหางรัดก็ร่วงลงกับพื้นอย่างแรง เกิดเป็นหลุมลึกรูปร่างเหมือนมนุษย์สามคนเอาไว้

หลิงเยว่ผู้อับอายพลิกตัวและลุกขึ้นนั่ง

ตอนนี้นางเห็นอสรพิษที่เคยมีแปดตัวกลายเป็นสิบตัวแล้ว และมีร่างมนุษย์ผิวคล้ำวิ่งเหวี่ยงกระบี่ไปมาอย่างดุเดือดท่ามกลางอสรพิษทั้งสิบตัว แต่หลังจากผ่านไปได้สักพัก ร่างนั้นก็ถูกอสรพิษตัวหนึ่งฟาดด้วยหางจนกระเด็นไปเข้าทางอสรพิษอีกตัว และอสรพิษอีกตัวก็ฟาดร่างนั้นลอยไปที่อสรพิษอีกตัว

อสรพิษเหล่านั้นเข้าใจผิดคิดว่าผู้ฝึกกระบี่เป็นลูกหนังหรือ?

หลิงเยว่พลันรู้สึกหวาดกลัว นางยังคงลังเลที่จะบีบป้ายหยกเคลื่อนย้ายให้แตกไปเสีย

“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”

หลิงเยว่หันไปทางผู้ฝึกยันต์หญิง ตอนแรกที่สังเกตก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อหันไป นางกลับพบกับนัยน์ตาแนวตั้งสีขาวที่เย็นชาคู่หนึ่งจ้องมาแทน

สวรรค์!

หากเป็นคนจิตไม่แข็งพอก็คงจะตะลึงจนตัวแข็งค้าง ทำอะไรไม่ถูกแน่เมื่อเจอกับภาพตรงหน้านี้

“เจ้าอยากกินหรือไม่?”

หลิงเยว่ซึ่งสมองแล่นอย่างรวดเร็วรีบควักเอาน่องไก่ทอดออกมา

ไม่ใช่ว่าอสรพิษทุกตัวชอบกินไก่หรอกหรือ?

เมื่อเห็นว่าอสรพิษไม่ขยับ หลิงเยว่ไม่รู้ว่าตนไปเอาความกล้ามาจากที่ใดเช่นกัน นางยื่นมือไปเปิดปากอสรพิษ ยัดน่องไก่ทอดเข้าไปแล้วปิดปากของมันอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเด็กสาวราบรื่นราวกับสายน้ำ

ผู้ฝึกยันต์หญิงและอวี้รุ่ยที่เห็นกระบวนการทั้งหมด “…”

มันจะได้ผลหรือไม่?

แน่นอนว่ามันไม่ได้ผล อสรพิษขาวกินน่องไก่เข้าไปกลับดูเหมือนจะโกรธยิ่งขึ้น

หมอกสีขาวเต็มปากพุ่งตรงไปที่หน้าผากของหลิงเยว่

หลิงเยว่ซึ่งร่างกายตอบสนองเร็วกว่าสมอง ถอยหนีเร็วมากและหลบหมอกสีขาวได้อย่างหวุดหวิด

ผู้ฝึกยันต์หญิงและอวี้รุ่ยไม่โชคดีนักและถูกหมอกพ่นใส่

น่าประหลาดใจนัก เหตุใดหมอกถึงมีกลิ่นเหมือนน่องไก่ทอดเช่นนี้?

ชีวิตของพวกนางเกือบจะจบลง นั่นเป็นความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในจิตใจของพวกนางทั้งสอง

ร่างทั้งสองจมอยู่ในหมอกสีขาวแล้วหายไป…

หลิงเยว่ “!!!”

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ อีกสามคนที่กำลังวิ่งหลบหนีก็พลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ได้ เดิมทีพวกเขาลังเลที่จะบีบป้ายหยกเคลื่อนย้าย ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว ร่างทั้งสามกลายเป็นเส้นแสงสามสายและเคลื่อนย้ายออกไป

ผู้ฝึกกระบี่ที่ถูกเตะเหมือนลูกหนังก็ถูกหางฟาดออกไปแล้วเช่นกัน

ในค่ายกลลวงตาทั้งหมด หลิงเยว่ถูกทิ้งให้เผชิญหน้ากับอสรพิษสีขาวหกปีกถึงสิบตัว ทั้งอสรพิษและเด็กสาวต่างจ้องหน้ากัน

หลิงเยว่กำป้ายหยกเคลื่อนย้ายในมือไว้แน่น ราวกับร่างกายถูกบังคับให้ก้าวถอยทีละก้าว

ข้าต้องออกไปจริง ๆ หรือ?

หลิงเยว่หลับตาแน่น รู้สึกไม่อยากทำเช่นนั้น

ไม่! พวกมันไม่ใช่ของจริง พวกมันเป็นของปลอม พวกมันทั้งหมดเป็นของปลอม! เป็นแค่การหลอกลวง ข้าไม่จำเป็นต้องกลัว!

“เอาละ ส่งข้าไปตามทาง!”

อสรพิษขาวอาจไม่เคยได้ยินคำขอดังกล่าว สิบหางเหวี่ยงไปที่หลิงเยว่เกือบจะพร้อมกันเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของนาง

จากนั้นร่างเด็กสาวในชุดเขียวก็หายลับไปสู่ท้องฟ้า

“เมื่อสักครู่นี้… มีอะไรบินผ่านไปหรือไม่?”

อวี้รุ่ยซึ่งนอนราบอยู่นอกภาพลวงตากะพริบตาอย่างว่างเปล่า

ผู้ฝึกยันต์หญิงก็เห็นมันเช่นกัน

เมื่อครู่มีเส้นแสงสีดำลอยอยู่เหนือหัวพวกนาง

มันควรเป็นผู้ฝึกกระบี่ และเส้นแสงสีเขียวซึ่งควรเป็นนักกลั่นโอสถ

ไม่ใช่สิ พวกเขาทั้งหมดถูกค่ายกลลวงตาหลอกเข้าให้แน่แล้ว!

ผู้อาวุโสที่สร้างค่ายกลนี้เป็นใครกัน เหตุใดจึงร้ายกาจถึงเพียงนี้!

ผู้ฝึกยันต์หญิงโกรธมากจนเป็นลมล้มพับไป

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท