ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 72 ศิษย์น้องห้า เจ้ากำลังเจอปัญหาใหญ่

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 72 ศิษย์น้องห้า เจ้ากำลังเจอปัญหาใหญ่

บทที่ 72 ศิษย์น้องห้า เจ้ากำลังเจอปัญหาใหญ่

คราวนี้หลิงเยว่หมดสติไปสิบวัน

หลังจากตื่นนอน ติงหลิวหลิ่วก็บอกว่าหลิงเยว่กำลังเจอปัญหาใหญ่ ซึ่งทำให้รู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อย ด้วยในระหว่างพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ เด็กสาวจะไปสร้างปัญหาใหญ่ได้อย่างไรกัน?

ติงหลิวหลิ่วช่วยหลิงเยว่เอนตัวลงบนเตียง

“ข้าถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บำเพ็ญมารใช่หรือไม่เจ้าคะ?” หลิงเยว่ถามด้วยความรู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถเป็นไปได้ แม้จะคาดไม่ถึงอยู่สักหน่อย

“ไม่ต้องห่วง อาจารย์จะจัดการเรื่องนี้เอง” ว่านอวี้เฟิงยังพูดเพื่อปลอบใจและมอบชามเกี๊ยวน้ำให้นาง

เกี๊ยวอีกแล้ว! ศิษย์พี่รองรู้เพียงวิธีทำเกี๊ยวหรือ? เมื่อการแข่งขันจบลงนางจะสอนให้เขาทำอาหารแบบอื่นอย่างหนักแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หลิงเยว่ที่หิวมากก็กินเกี๊ยวด้วยช้อนอย่างว่าง่าย

“อร่อยดีนะเจ้าคะศิษย์พี่รอง ทักษะการทำอาหารของท่านดีขึ้นแล้ว!”

หลังจากกินเกี๊ยวเนื้อบดผสมสมุนไพรวิญญาณแล้ว หลิงเยว่ก็ยกนิ้วให้ว่านอวี้เฟิง

ว่านอวี้เฟิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจยิ่ง ในที่สุดเขาก็ทำเกี๊ยวให้อร่อยได้สำเร็จ หลังจากพยายามศึกษามาเป็นเวลานาน

ในขณะที่กินเกี๊ยว ความคิดของหลิงเยว่ก็ล่องลอยไปที่การต่อสู้รอบที่ผ่านมาและทบทวนอย่างเงียบ ๆ เพียงลำพัง มีการลงมือหลายอย่างที่สิ้นเปลืองและไร้ประโยชน์มากเกินไป นางควรพยายามลดการกระทำเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการประลองครั้งหน้า ไม่เช่นนั้นต่อให้นางจะมีแก่นปราณทั้งห้าธาตุคอยค้ำจุนอยู่ แต่ก็คงไม่มีปราณเพียงพอให้ใช้

สำหรับการถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บำเพ็ญมาร หลิงเยว่คิดจริง ๆ อยู่เหมือนกันว่าตอนที่นางทำให้พืชกลายเป็นปรสิตดูดปราณจากฟู่หลิน และทำให้พืชกลายเป็นสัตว์ ในตอนนั้นแม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกว่าวิชานี้ชั่วร้ายเกินไป

ดังนั้นในระหว่างการแข่งขันที่ผ่านมา นางจึงใช้เพียงการเร่งโตอย่างเดียวเท่านั้น จนเมื่อมาพบกับฟู่หลิน นางอดกลั้นไม่ได้อยู่พักหนึ่ง ด้วยอยากจะชนะอีกฝ่ายจริง ๆ ดังนั้น…

หากถูกไล่ออกจากสำนักนางจะไปอยู่ที่ใด?

ไม่ นางน่าจะถูกฆ่าเสียมากกว่า การไล่นางออกจากสำนักถือเป็นการลงโทษสถานเบาเกินไป

เฮ้อ… หากยอมแพ้ไปเสียมันคงง่ายกว่า มาตอนนี้มันไม่คุ้มกับชัยชนะเสียแล้ว

หลิงเยว่รู้สึกหดหู่ขณะรับประทานอาหาร นางค่อย ๆ ผลักชามออกไปแล้วส่ายหน้า “ศิษย์พี่รองข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้ากินไปเพียงหกชิ้นเอง กินอีกสักหน่อยเถิด”

ว่านอวี้เฟิงรู้จักความอยากอาหารของหลิงเยว่ดี การที่นางกินน้อยตอนนี้คงเป็นเพราะติงหลิวหลิ่วปากเสีย ทำให้ผู้คนเบื่ออาหาร

เขาจ้องติงหลิวหลิ่วอย่างตำหนิ แล้วเกลี้ยกล่อมให้หลิงเยว่กินมากขึ้นอีกครั้ง

ติงหลิวหลิ่วรู้สึกผิดจากการถูกจ้องมอง นาง… จริง ๆ ไม่ควรพูดสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้ศิษย์น้องห้าเป็นกังวลเลย แต่มีความวุ่นวายมากมายอยู่ข้างนอกนั่น หากศิษย์กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันรอบยอดเขาและตะโกนว่ายอดเขาโอสถกำลังชุบเลี้ยงผู้บำเพ็ญมารอย่างมีนัยแอบแฝง พวกเขาต้องจัดการกับเรื่องนี้เพื่อสวรรค์และผู้คนบนโลก

หลังจากนี้ ศิษย์น้องห้าต้องออกไปข้างนอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การให้นางสามารถเตรียมจิตใจล่วงหน้าได้เป็นสิ่งที่ดีกว่าไม่ใช่หรือ?

สิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่านั้นซึ่งติงหลิวหลิ่วยังไม่ได้เล่าออกไป คือศิษย์น้องห้าของนางถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันแล้ว ขณะนี้ฝ่ายคุมกฎของสำนักกำลังสืบสวนภูมิหลังของหลิงเยว่ และเจ้าสำนักก็สัญญาว่าจะให้คำอธิบายแก่ทั้งสำนัก

เฮอะ!

ศิษย์น้องห้าของข้าจะเป็นผู้บำเพ็ญมารได้อย่างไร นางเป็นสาวน้อยที่ซื่อสัตย์และขยันขันแข็งที่สุดคนหนึ่งต่างหาก!

ในเวลานี้เจ้าสำนักเบื่อหน่ายแทบตายเพราะโม่จวินเจ๋อติดตามเขาไปทุกที่ ทั้งที่ตอนยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกก็ไม่ได้ตามเขาแจเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ! หนำซ้ำเมื่อโตขึ้นมาก็กลับทำเหมือนจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร! แต่ตอนนี้กลับทำเหมือนจำได้แล้วว่าเขาเป็นพ่อ!

“จะตามข้าอีกนานหรือไม่?”

โม่เวิ่นเทียนหยุดและถามเด็กหัวรั้นที่ติดตามเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

“ติดตามจนกว่าหลิงเยว่จะบริสุทธิ์ขอรับ”

“ผู้อาวุโสซิงกำลังตรวจสอบอยู่ และผลจะประกาศในวันพรุ่งนี้”

โม่จวินเจ๋อไม่มีความตั้งใจที่จะจากไปหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขากลับหยิบชานมหนึ่งแก้วให้กับโม่เวิ่นเทียนอย่างครุ่นคิด “ท่านพ่อ ท่านยุ่งมาทั้งวันแล้ว การดื่มสิ่งนี้จะสามารถฟื้นฟูพละกำลังของท่านได้”

โม่เวิ่นเทียน “…”

มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่ลูกชายของเขากลายเป็นคนกตัญญู แต่เหตุไฉนเขากลับรู้สึกตื่นตระหนกเช่นนี้?

โม่จวินเจ๋อยื่นชานมอย่างดื้อรั้น และไม่ยอมถอยมือจนกว่าโม่เวิ่นเทียนจะรับไป

หลังจากจิบชานมสมุนไพรวิญญาณรสหวาน โม่เวิ่นเทียนก็รู้สึกดีขึ้น และเมื่อมองลูกชายของตัวเองอีกครั้งเขาก็ยิ่งรู้สึกชอบใจกว่าเดิม

“พ่อจะบอกความจริงกับเจ้าให้สักอย่างหนึ่ง หลิงเยว่มีความสำคัญมากต่อสำนักของเรา ต่อให้นางจะเป็นผู้บำเพ็ญมารจริง ๆ สำนักก็จะแก้ตัวแทนให้แน่นอน!”

โม่จวินเจ๋อรู้สึกโล่งใจ พลันมีรอยยิ้มบนใบหน้า

เขาไม่ได้ถามว่าเหตุใดหลิงเยว่ถึงมีความสำคัญต่อสำนัก ด้วยเพียงรู้ว่านางจะไม่ถูกฆ่าหรือถูกขับไล่ออกจากสำนักก็เพียงพอแล้ว

“ท่านพ่อ ในเมื่อท่านกำลังยุ่งมาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน…”

“เดี๋ยวก่อน” โม่เวิ่นเทียนคว้าคอเสื้อของโม่จวินเจ๋อ “พอได้อย่างที่ต้องการแล้วก็จะจากไปทันทีเลยหรือ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น แม่ของเจ้าจะกลับมาถึงเร็ว ๆ นี้ และเจ้าต้องเป็นคนไปรับนาง”

“อืม” โม่จวินเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วย

ข้าจะกลับไปเยี่ยมหลิงเยว่อีกครั้งหลังจากนี้ แม้ไม่รู้ว่านางจะตื่นแล้วหรือยัง

หลิงเยว่ไม่เพียงตื่นขึ้นมาแล้วเท่านั้น แต่ด้วยการโน้มน้าวใจอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของว่านอวี้เฟิง นางจึงกินเกี๊ยวชามใหญ่จนอิ่มแล้วหลับไปอีกรอบ

ขณะที่กำลังงัวเงีย การปรากฏตัวของบุคคลหนึ่งทำให้นางตาสว่างทันที

“อาจารย์… ผู้นำยอดเขาชิงยวน”

หลิงเยว่ลังเลก่อนจะเปลี่ยนคำเรียก ต่อให้นางจะถูกตัดสินว่าบริสุทธิ์หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแม้ว่าตนเองจะเข้าสู่สิบอันดับแรกได้จริง ๆ นางก็คงไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นลูกศิษย์สายตรงของชิงยวนเป็นแน่

“หลังจากการแข่งขันจบลง ข้าจะจัดงานรับศิษย์ครั้งใหญ่เพื่อประกาศให้ทั้งโลกบำเพ็ญเซียนรู้ว่าเจ้าเป็นศิษย์สายตรงคนที่ห้าของข้า เจ้าสามารถเตรียมตัวได้ในขณะที่ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน”

อะไรนะ!

หลิงเยว่คิดว่านางได้ยินผิด และตกตะลึงมากเสียจนไม่ได้ตอบสนองเมื่อชิงยวนเข้ามาแล้วจากไปอีกครั้ง

หากนางจำไม่ผิด การแข่งขันยังไม่จบ และนางยังไม่เข้าสิบอันดับแรกเลย…

ติงหลิวหลิ่วที่เห็นสีหน้าอันโง่งมของว่าที่ศิษย์น้องห้า ก็อดบอกหลิงเยว่เกี่ยวกับการถูกตัดสิทธิ์แข่งขันของนางไม่ได้

หลิงเยว่ “…”

[ภารกิจหลักที่ 10 ล้มเหลว!]

ระบบปรากฏขึ้นทันทีและประกาศผลที่ควรจะเป็น

หลิงเยว่พูดไม่ออกอีกแล้ว ระบบสุนัขคงเดาได้อยู่แล้วว่านางคงจะไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้

[ภารกิจหลักที่ 11: ในงานรับศิษย์ อาหารวิญญาณแบบพิเศษและอาหารวิญญาณแบบหายากจะต้องได้รับการยกย่องและยอมรับจากผู้บำเพ็ญ 10,000 คน รางวัลที่ท่านจะได้รับหากสำเร็จ ค่าพลังวิญญาณ 100,000 แต้ม และอายุขัย +500 วัน]

[ความคืบหน้าของภารกิจ 0/10000]

ไม่มีบทลงโทษอีกแล้ว!

นางจะล้มเหลวในภารกิจนี้อีกครั้งหรือไม่?

อารมณ์ของหลิงเยว่ในเวลานี้ราวกับรถไฟเหาะ ที่ทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วร่วงหล่นลงอีกครั้งในทันที

ไม่! นางต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!

“ผู้บำเพ็ญมารออกไปจากยอดเขาโอสถเสีย ออกไปจากสำนักหลานเทียนของเราเดี๋ยวนี้!”

“หลิงเยว่! นังผู้บำเพ็ญมาร จะไปตายที่ใดก็ไปเสีย อย่าลากพวกเราให้ล่มจมลงไปด้วยเลย!”

“ผู้นำยอดเขาชิงยวนคงสมองสับสน เมื่อนางประกาศว่าจะยอมรับหลิงเยว่เป็นศิษย์สายตรงคนที่ห้าเป็นแน่!”

เสียงตะโกนจากข้างนอกทำให้หลิงเยว่ที่เพิ่งผล็อยหลับไปตื่นขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อนางตั้งใจฟัง เสียงรอบข้างก็พลันหายไปอีกรอบ

แผ่นค่ายกลปิดกั้นปกคลุมทั่วทั้งห้องอย่างเงียบ ๆ ส่วนว่านอวี้เฟิงและคนอื่น ๆ หายตัวไปแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าสิ่งที่นางได้ยินนั้นถูกต้องแล้ว หลิงเยว่จึงเปิดประตูมองออกไป

ผลก็คือ… ภาพตรงหน้า คล้ายกับกำลังมีสงครามย่อม ๆ เกิดขึ้น!

“ใครก็ตามที่กล้าพูดว่าศิษย์น้องห้าของข้าเป็นผู้บำเพ็ญมาร จะต้องลงเอยด้วยความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน!”

ผู่ตานผู้ฉุนเฉียวเหยียบนักกลั่นโอสถที่ปากมาก พลางชี้แส้ไฟไปที่นักกลั่นโอสถอีกคนที่กำลังจะตะโกนอยู่ตรงหน้าเขา

“เจ้าเป็นคนปลุกระดมผู้คนให้ก่อปัญหาอีกแล้ว!”

หลงหว่านโหรวคว้าจัวหลิงเหยาที่กำลังซ่อนตัวอยู่ ก่อนตบอีกฝ่ายอย่างแรง

“ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย!” ติงหลิวหลิ่วกำลังคลั่งไล่ล่าฝูงชน

ว่านอวี้เฟิงสงบกว่าสักหน่อย เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่เคลื่อนตัวลัดเลาะไปตามฝูงชน เตะคนนู้นทีคนนี้ทีไปเรื่อย ๆ

แม้แต่โม่จวินเจ๋อและอวี้เจินก็มาด้วย

ภาพตรงหน้านี้ทำให้หลิงเยว่รู้สึกไม่สบายใจมาก ด้วยว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดมาจากนาง

นางจะเอาแต่ซ่อนตัวไม่ได้ และปล่อยให้คนอื่น ๆ ออกหน้ารับแทนไม่ได้

หลิงเยว่จึงเดินออกจากหอกลั่นโอสถ!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท